ใกล้หยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แน่นอนจะต้องมีการเคลื่อนย้ายของผู้คนจำนวนมากในการเดินทางไปต่างจังหวัด พร้อมกับการเฉลิมฉลองสังสรรค์ มีการสัมผัสใกล้ชิด เป็นอีกความเสี่ยงสูงในการแพร่ระบาดของโควิด แม้ไทยทยอยฉีดวัคซีนโควิดไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่ครอบคลุมประชากรในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่

โอกาส "โควิด" จะแพร่ระบาดในระลอกสาม จึงมีความเป็นไปได้ ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่ เชื่อมโยงกับสถานบันเทิงหลายแห่งใน กทม.และปริมณฑล มีความเสี่ยงจะแพร่กระจายเป็นกลุ่มก้อนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะหลายคนการ์ดตก ไม่ป้องกันตัวเอง

เพื่อความไม่ประมาท จนเลยจุดควบคุมเกินเยียวยา ขอให้ทุกคนป้องกันตัว ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด เตรียมพร้อมรับมือการระบาดของโควิดอีกระลอก มีอย่างแน่นอน จากการออกมาเตือนของ "รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์" คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านทาง "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" เพราะการระบาดของโควิดในไทยต่อเนื่องมาจากระลอกสอง ไม่สามารถตัดวงจรการระบาดได้ตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน จนถึงต้นปี ปะทุในกลุ่มที่หลากหลาย กระจายหลายพื้นที่ หากคุมไม่อยู่จะเกิดการระบาดของ "โควิดระลอกสาม" ซึ่งจะหนักกว่านี้

...

ในกรณีผู้ติดเชื้อคลัสเตอร์ใหญ่จากสถานบันเทิง ไม่ใช่เพียงแห่งเดียว ยังมีหลายพื้นที่และกระจายไปทุกที่ แม้แต่โรงพยาบาล ภายในเรือนจำ และสถานที่จัดกิจกรรมอื่นๆ ถือเป็นสัญญาณอันตราย หากไม่สามารถประเมินสถานการณ์และหาต้นตอได้ชัดเจน

เมื่อเทียบกับการระบาดในรอบแรกจากสถานบันเทิง สามารถประเมินสถานการณ์ได้อยู่ แต่หากการระบาดระลอกสอง ในไทยขณะนี้ ยังมีผู้ติดเชื้อหลักสิบ ไปจนถึงหลักร้อยต่อวัน คาดการณ์ตามธรรมชาติของการระบาดในทั่วโลก น่าจะประมาณ 7-10 สัปดาห์ หากนับจากช่วงหลังกลางเดือน มี.ค.เป็นต้นไป ไทยจะเจอระลอกสาม หรือในช่วงเดือนพ.ค.ไปจนถึงปลายเดือน พ.ค. และอาจจะเร็วขึ้นกว่านี้จากปัจจัยอื่นๆ ทั้งการเปิดประเทศ และประชาชนการ์ดตก

“หากไม่หลอกตัวเอง เพราะเราคุมไม่ได้ และมาตรการไม่ได้ผล จะต้องเพิ่มความเคร่งครัด อย่าหลอกตัวเองว่าคุมอยู่ ไม่เช่นนั้นโควิดที่รอวันปะทุ จะหนักหน่วงมากขึ้นตามมา คงต้องร่วมด้วยช่วยกัน แต่สิ่งที่เตือนออกไป กลับไม่มีการฟัง สุดท้ายกลายเป็นความหลงระเริง โฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งๆ ที่สถานการณ์รุนแรงกระจายไปทุกที่ เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เราย่อมรู้ดีว่าไม่ใช่เวลาเที่ยว โดยเอาอะไรมาล่อ มาเป็นส่วนลดราคา จะก้าวสู่กับดักโรคระบาด”

อีกสิ่งที่น่าเป็นห่วงในวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ จะมีคนกลับบ้าน เดินทางไปต่างจังหวัดจำนวนมาก เพื่อเยี่ยมพ่อแม่ ควรต้องไปอย่างระมัดระวัง และต้องหยุดท่องเที่ยวไปสถานที่ต่างๆ ไม่ให้เป็นเหมือนประเทศฝรั่งเศส ซึ่งขณะนี้ระบาดระลอกสาม และญี่ปุ่นมีการระบาดระลอกสี่ เพราะฉะนั้นรัฐบาลอย่าพยายามทำให้คนเข้าใจผิดในการฟื้นเศรษฐกิจ ทั้งที่มีการระบาดของโควิด จะทำให้ฟื้นฟูไม่ได้ เป็นสิ่งที่น่ากังวล จึงอยากให้ใช้เงินที่กู้มาอย่างชาญฉลาด และเตือนภาคธุรกิจ ให้รับมือการระบาดระลอกใหม่มาแน่ อีกทั้งวัคซีนเข้ามาไทยยังไม่เพียงพอ ทางรัฐบาลไม่ควรนำเงินกู้มาลงทุนจนหมดหน้าตัก อยากให้กันเงินไว้ ขอให้วางแผนอย่างมีสติ

นอกจากนี้ไม่ควรเอาการฉีดวัคซีนมาทำให้คนในแต่ละพื้นที่ หลงเข้าใจผิดว่าวัคซีนที่ได้รับอยู่นั้นเป็นกระสุนวิเศษ ที่จะปัดเป่าโรคภัยจากตนเอง ครอบครัว และชุมชน เพราะวัคซีนแต่ละชนิดที่ใช้กันในแต่ละประเทศนั้น มีสรรพคุณที่แตกต่างกัน บางชนิดสรรพคุณสูง ป้องกันติดเชื้อได้ ประเทศนั้นหากได้แจกจ่ายอย่างครอบคลุม มีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้สูงกว่า แต่หากประเทศใดใช้วัคซีนที่ไม่มีสรรพคุณสูง ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้

...

รวมทั้งยังแจกจ่ายได้ไม่มาก ไม่ควรใช้โฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อเปิดรับการท่องเที่ยว เพราะขัดต่อหลักการทางวิชาการแพทย์ การดึงดันที่จะดำเนินนโยบายดังกล่าว จะนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อการระบาดซ้ำรุนแรงได้ในไม่ช้า ดังนั้นประชาชนในแต่ละประเทศจำเป็นต้องรู้เท่าทันสถานการณ์ และหมั่นหาความรู้ที่ถูกต้อง เพื่อที่จะตัดสินใจประพฤติปฏิบัติตนในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเพราะทุกชีวิตล้วนมีคุณค่า โรคนี้ไม่ใช่ "โรคกระจอก" เอาไม่อยู่แน่นอน หากประมาท.