ย้อนไปตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2559 “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” นักเล่าข่าวพันล้านต้องลาจอช่อง 3 เพื่อต่อสู้ในคดีทุจริตค่าโฆษณา กว่า 138 ล้านบาท อันเป็นผลจากเมื่อครั้งที่เขาจัดรายการที่ช่อง 9 ในนามบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ที่ตัวเองเป็นกรรมการผู้จัดการ กับ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นับเป็นช่วงเวลากว่า 5 ปีที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายกับเส้นทางชีวิตของ “สรยุทธ” ขณะเดียวกัน ก็มีเรื่องราววิกฤติมากมายที่ช่อง 3 เช่นกัน
สำหรับชีวิตของ “สรยุทธ” นั้น หลังจากลาจอ "เรื่องเล่าเช้านี้ และเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์" เขาต้องเดินทางขึ้นศาลเพื่อสู้คดีอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 6 ปี 24 เดือน เขาหมดอิสรภาพ ต้องเข้าเรือนจำทันที จากนั้นได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษ 2 ครั้งในปี 2563 คือ เมื่อเดือนสิงหาคม และเมื่อเดือนธันวาคม
...
กระทั่งวันที่ 14 มีนาคม 2564 หรือผ่านมา 1 ปี 2 เดือน 6 วัน เขาได้รับอิสรภาพออกจากเรือนจำ แต่ต้องติดกำไลอีเอ็มที่ข้อเท้าเป็นระยะเวลา 14 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2564 จนถึง 20 พฤษภาคม 2565 และต้องรายงานตัวกับกรมคุมประพฤติตามกำหนด จนกว่าจะพ้นโทษในวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 เพื่อให้ครบกำหนดโทษหลังสุด เป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน 20 วัน
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ “สรยุทธ” ในช่วงที่ผ่านมา แน่นอนว่าในช่วงท้ายของการนับถอยหลังเพื่อรอวันได้สัมผัสอิสรภาพในชีวิตอีกครั้ง หลายคนรอคอยเขาว่าจะกลับเข้ามาทำหน้าที่ที่ช่อง 3 และตามคำยืนยันล่าสุดของ “สรยุทธ” เองที่ว่า “อยู่ช่อง 3 อยู่แล้ว 100%” ก็คงไม่ทำให้ใครผิดหวัง
คำตอบนี้นับเป็นการตัดสินใจตามความคาดหมาย เพราะ “สรยุทธ” กับช่อง 3 เป็นภาพที่คุ้นเคยของคุณผู้ชมมานานหลายปี หลังจากที่ "สรยุทธ” เริ่มต้นเส้นทางนี้จากการเป็นนักข่าว นักเล่าข่าวที่ช่องเนชั่น ในเวลาไม่นาน เขาคือคนจุดพลุการอ่านข่าวแบบใหม่ ด้วยการเล่าข่าวไม่ใช่อ่านข่าว จนดังและโดดเด่นพอ จึงออกมาตั้งบริษัท ไร่ส้ม เช่าเวลาจัดรายการที่ช่อง 9 จนเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตเขา
จนได้รับการทาบทามมาที่ช่อง 3 เริ่มต้นรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2546 สามารถสร้างให้รายการข่าวช่วงเช้าที่เดิมเงียบเหงา กลายเป็นที่สนใจของผู้ชม และทำให้ข่าวเช้าช่อง 3 ภายใต้ชื่อรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” สามารถแข่งชิงเรตติ้งกับช่อง 7 ได้อย่างสูสี สร้างปรากฏการณ์ทำรายได้จากสปอนเซอร์เพิ่มขึ้น ทำอัตราค่าโฆษณาจากหลักหมื่นบาทต่อนาที เป็นหลักแสนบาท
นั่นคือสิ่งที่ “สรยุทธ” เคยร่วมสร้างให้กับช่อง 3 ก่อนปี 2559 แล้วช่วงกว่า 5 ปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้างที่วิก 3 พระราม 4 ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจทีวีที่รุนแรง เลือดสาด
ภาพของช่อง 3 ในช่วงกว่า 5 ปีที่ผ่านมา คือ รายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ได้รับความนิยมลดลง จนถึงขั้นที่ผู้บริหารช่อง 3 ต้องลดเวลาออนแอร์ นับตั้งแต่ตุลาคม 2559 หลังจาก “สรยุทธ” ลาจอไปเพียง 6 เดือน จากกว่า 3 ชั่วโมง จนเหลือประมาณ 2 ชั่วโมง
ไม่ใช่แค่รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ที่ได้เรตติ้งและรายได้ลดลง แต่ช่อง 3 ยังต้องเผชิญการแข่งขันอย่างหนัก ทั้งรายการละคร รายการวาไรตี้ จากการมีทีวีดิจิตอลเพิ่มขึ้นกว่า 20 ช่อง เปิดหน้าแข่งกันเต็มที่ในปี 2557 หลังจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิตอลเมื่อเดือนธันวาคม 2556 ที่ช่อง 3 ชนะประมูลมาได้ด้วยจำนวน 3 ช่อง ที่นำมาซึ่งต้นทุนที่สูงกว่าคู่แข่งมาก
...
ในช่วงท้ายของความหอมหวานของช่อง 3 ภายใต้ชื่อ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) คือ ปี 2556 ยังมีรายได้ประมาณ 16,600 ล้านบาท กำไรสุทธิประมาณ 5,500 ล้านบาท แต่ในปีต่อมาเริ่มมีอาการบาดเจ็บ เลือดไหลไม่หยุด กระทั่งสาหัสอย่างหนักคือ ขาดทุนครั้งแรกในรอบเกือบ 50 ปี ในปี 2561 ด้วยตัวเลข 330 ล้านบาท ราคาหุ้นลดฮวบเหลือ 4.82 บาท จากที่เคยสูงกว่า 50 บาท จนถึงขั้นลดต้นทุนองค์กรด้วยการลดพนักงานแล้วหลายระลอก กระทั่งล่าสุดสิ้นปี 2563 รายได้เหลือ 5,945 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 214 ล้านบาท
ขณะที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ช่อง 3 ที่เคยมีบ้าน “ประวิทย์ มาลีนนท์” ถือหุ้นใหญ่ และนั่งบริหารช่อง 3 มานาน ก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ “นายประวิทย์” ของชาวช่อง 3 ค่อยๆ ออกจากช่อง 3 โดยมีพี่น้องในตระกูลมาลีนนท์คนอื่นมาแทนที่ และมีการเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูง จนล่าสุดปี 2564 รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ที่ปรากฏในเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น ไม่ใช่บุคคลในตระกูลมาลีนนท์ แต่เป็นชื่อ “นายทวีฉัตร จุฬางกูร” ถือหุ้นในสัดส่วน 14.24% โดยราคาหุ้นส่งสัญญาณดีขึ้น ในวันที่ 12 มีนาคม ราคาปิดที่ 10.40 บาท สูงสุดในรอบหลายปี
ความพยายามของช่อง 3 ล่าสุด ยังได้แจ้งต่อนักลงทุนว่า เตรียมหารายได้เพิ่มด้วยการรุกธุรกิจเก็บค่าสมาชิกเพื่อชมรายการ "ช่อง 3 พลัส" เดือนละ 79 บาท และลุยรายการข่าวเต็มที่ ด้วยการซื้อธุรกิจกลุ่มรายการเรื่องเล่าฯ จากบริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) โดยได้ระบุว่า จะทำให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มในปี 2564 ประกอบด้วย เรื่องเล่าหน้า 1 จันทร์-ศุกร์ เวลา 05.30-06.00 น. รายการเรื่องเล่าเช้านี้ จันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-07.55 น. และรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.30-12.15 น.
...
และนี่คือเรื่องเล่าจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป 5 ปี ซึ่งสำหรับคนอื่นอาจจะรู้สึกผ่านไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเป็นความรู้สึกที่ต่างจากชีวิตนักเล่าข่าวแถวหน้า “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” กับคนนับพันในช่อง 3 ที่บังเอิญต้องผ่านช่วงเวลาวิกฤติอย่างหนัก อย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน.