ใครจะคิดว่า หุ้น GameStop จะฟื้นขึ้นมาอีกหน... จนว่ากันว่า นี่เป็นเพียงปรากฏการณ์สั้นๆ ของ "เม่า" ที่กระพือปีกบินไปช่วยเพื่อนที่ติดค้างลงจากดอย...

แต่พอมอง "ยอดดอย" อีกที...ก็ไม่น่าใช่
"อะไร" คือเบื้องหลัง?
หาคำตอบกับ The Answer

ย้อนกลับไปช่วงต้นสัปดาห์ อยู่ดีๆ หุ้น GameStop (GME) ก็ไต่ระดับอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อวันพุธ (24 ก.พ.) ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า ซึ่งนับจนถึงวันพฤหัสบดี (25 ก.พ.) การซื้อขายล่วงหน้าก็เพิ่มขึ้นกว่า 83% แล้ว โดยราคาหุ้นดีดสูงถึง 167.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 5,047.00 บาท) ซึ่งช่วงเวลาการซื้อขายอันบ้าระห่ำ 30 นาทีก่อนเปิดตลาด มีการหยุดชะงัก 3 ครั้งโดยกลไกการรักษาเสถียรภาพอัตโนมัติ (Automatic Stabiliser) ของตลาดหลักทรัพย์ ครั้งละไม่กี่นาที

แถมยังลุกลามไปยัง "หุ้น" อื่นๆ ด้วย ดีดขึ้นบ้าระห่ำไม่แพ้กัน อย่างหุ้นโรงหนัง AMC (AMC Entertainment Inc.) เพิ่มขึ้นกว่า 18% หลังจากช่วง 3 วันแรกของสัปดาห์เพิ่มขึ้นไปแล้ว 59% ขณะที่ หุ้น Koss ก็เพิ่มขึ้นถึง 62% ส่วนหุ้น Nokia ไต่ขึ้นมา 7.2% ในตลาดหุ้นยุโรป หรือหุ้น BlackBerry ก็เพิ่มขึ้น 9%

...

ก่อนที่หุ้น GameStop จะปิดตลาด 91.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ (2,781.26 บาท) เพิ่มขึ้นประมาณ 30%

ซึ่งการฟื้นชีพอย่างผิดปกติของหุ้น GameStop ในวันพุธที่ผ่านมา (24 ก.พ.) ไม่อาจรอดพ้น "สายตา" จาก ก.ล.ต. (สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) ไปได้

หุ้น GameStop ติด Cash Balance!

รวมๆ แล้ว มีการซื้อขายหุ้น GameStop ไปมากกว่า 82 ล้านหุ้น นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา

ก่อนที่วันต่อมา "โรบินฮู้ด" (Robinhood) แอปพลิเคชันโบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยมในการซื้อขายหุ้นจากการที่ไม่มีค่าคอมมิชชัน ก็สั่ง "จำกัด" การซื้อขายหุ้น GameStop และหุ้นอื่นๆ อีก 49 ตัวที่กำลังดีดอย่างบ้าคลั่งในเวลานั้น

ปรากฏการณ์ "ฟื้นชีพ" ของหุ้น GameStop มีสารพัดเหตุผลในการเอามาอธิบาย แต่หนึ่งในนั้น... มีการชี้เป้าว่า ความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นของหุ้น GameStop น่าจะมาจากการประกาศ "แยกทาง" ของ "ผู้บริหารคนหนึ่ง" อันเกิดมาจากความขุ่นเคือง...จนนำไปสู่ความร้าวฉาน

ผู้บริหารคนนั้น คือ "จิม เบลล์" (Jim Bell) ประธานฝ่ายการเงิน (CFO) ที่เตรียมอำลา GameStop ในเดือนมีนาคมนี้

การประกาศของเขามีผลต่อหุ้น GameStop อย่างไร?

ในตอนที่มีข่าวออกมาแรกๆ หุ้น GameStop ลื่นไถลนิดหน่อย แต่สักพักก็ฟื้นขึ้นมาอย่างที่เห็น สิทธิในการซื้อหุ้นตามราคาที่กำหนด แตะถึงระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ บางช่วงสัญญาการซื้อขายอยู่ที่ 262,000 หุ้นกันเลยทีเดียว

และอีกหนึ่ง "คน" ที่มีการมองว่า น่าจะเป็น "ต้นเหตุ" ที่ทำให้หุ้น GameStop ฟื้นขึ้นมานั้น ก็คือ "ไรอัน โคเฮน" (Ryan Cohen) ผู้ร่วมก่อตั้งค้าปลีกอาหารสัตว์เลี้ยงออนไลน์ Chewy.com ที่แอบเม้าท์กันว่า เขาคนนี้ คือ ชนวนเหตุให้ "จิม เบลล์" แยกทางกับ GameStop

โดยหลังจากที่ "โคเฮน" ทวีตภาพไอศกรีมแมคโดนัลด์ (McDonald) ก็ทำให้หุ้น GameStop ดีดอย่างบ้าคลั่งทันที ก่อนที่ประมาณ 2 ชั่วโมงให้หลังจะติด Cash Balance

ภาพ "ไอศกรีมแมคโดนัลด์" มีความหมายแฝงอะไร?

...

หนึ่งในการตีความที่น่าสนใจจากหัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดแห่ง Markets.com "เนล วิลสัน" (Neil Wilson) มองว่า นี่อาจเป็นสัญญาณว่า "โคเฮน" จะเข้ามาซ่อมแซม GameStop เหมือนเช่นวิธีการเดียวกับเครื่องไอศกรีมของแมคโดนัลด์ หรืออาจมีความกำกวมที่เชื่อมโยงไปถึงเว็บไซต์ที่จะคอยบอกคุณแบบเรียลไทม์ว่า เครื่องไอศกรีมแมคโดนัลด์มีการทำงานอย่างไรไม่ว่าคุณจะอยู่ไหนก็ตาม อะไรแปลกๆ ก็อาจเกิดขึ้นได้

ความน่าตื่นเต้นจากการสปอยล์ภาพไอศกรีมของ "คน" ที่มีบทบาทใน GameStop จึงไม่น่าแปลกหากฝูงชน Reddit จะปลุกให้หุ้น GameStop ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

และปิดตลาดล่าสุด (26 ก.พ.) ราคาหุ้น GameStop อยู่ที่ 108.73 ดอลลาร์สหรัฐฯ (3,301.04 บาท)

ซึ่งนี่แตกต่างกับ "ความบ้าคลั่ง" เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่หุ้น GameStop แตะจุดสูงสุดอย่างฉับพลัน จน Robinhood ต้องตัดสินใจจำกัดความสามารถในการซื้อของเทรดเดอร์ จนสร้างความกรุ่นโกรธ และบางรายถึงกับยื่นฟ้องร้อง!

ไม่เพียงเท่านั้น... ปรากฏการณ์หุ้น GameStop ยังสร้างความกังวลให้กับคณะผู้บัญญัติกฎหมาย ตั้งแต่ผู้แทน "อเล็กซานเดรีย โอกาซิโอ กอร์เตส" (Alexandria Ocasio Cortez) ไปจนถึงวุฒิสมาชิก "เท็ด ครูซ" (Ted Cruz)

...

การจำกัดการซื้อขายที่เกิดขึ้น นำไปสู่เหตุผลที่ตอบได้ว่า "ทำไมซีอีโอ Robinhood นามว่า วแลด เทเนฟ (Vlad Tenev) ถึงถูกเรียกให้มาแสดงตัวในการไต่สวนของรัฐสภา ต่อกรณีความอลหม่านเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา"

ปรากฏการณ์หุ้น GameStop ที่เกิดขึ้นก็ยังมีความเห็นไปคล้ายๆ กันว่า "ผู้ลงทุนรายย่อย" เสียเปรียบ เมื่อเทียบกับ เฮดจ์ฟันด์ (Hedge Fund) และสถาบันรายใหญ่อื่นๆ

และนั่นนำไปสู่การเสนอทางออกหนึ่งว่า ควร "ลด" ระยะเวลาชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ในการซื้อขายหุ้น

ทำไมถึงคิดว่า การ "ลด" ระยะเวลาจะช่วยไม่ให้เกิดความผิดพลาดเหมือนเช่นหุ้น GameStop?

ยกตัวอย่าง ทันทีที่เรากด "ซื้อ" หุ้นบน Robinhood หุ้นก็จะปรากฏบนพอร์ตของเรา แต่ความจริง...เรายังไม่ได้เป็นเจ้าของ เพราะเราต้องใช้เวลาในการชำระและส่งมอบถึง 2 วัน การซื้อถึงจะเสร็จสมบูรณ์

ซึ่งปกติแล้ว Robinhood รวมถึงโบรกเกอร์รายอื่นๆ ต้องฝากเงินไว้กับสำนักงานหักบัญชี ในการชดเชยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลา 2 วันนี้

...

แน่นอนว่า Robinhood ก็ไม่ได้ทันคิดว่า หุ้น GameStop จะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและบ้าระห่ำขนาดนี้ นั่นจึงเป็นเหตุให้ซีอีโอแห่ง Robinhood ต้องลุกมารับโทรศัพท์ตอนตี 3 เพราะสำนักงานหักบัญชีแจ้งว่า ต้อง "ฝากเงิน" เพิ่มกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (90,971 ล้านบาท) จนเขาถึงกับชะงัก และบ่นอุบว่า นี่เป็นจำนวนที่มากกว่าเงินฝากปกติเสียอีก

จนแล้วจนรอด ทีม Robinhood ก็เจรจากับสำนักงานหักบัญชีสำเร็จ โน้มน้าวจนลดเงินทุนที่มีการร้องขอ จาก 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (90,971 ล้านบาท) ในตอนแรก เหลืออยู่ที่ 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (42,452 ล้านบาท) แทน

ซึ่งผลจากเรื่องราวชวนหัวนี้เอง ก็นำไปสู่การยื่น "ข้อเสนอ" การลดระยะเวลาที่ว่านั้น

โดยซีอีโอ Robinhood อ้างเหตุผลว่า การดำรงอยู่ของระยะเวลา 2 วันในการชำระเงินซื้อหุ้นนั้น ก่อให้เกิดความเสี่ยงเกินจำเป็น และสุกงอมเพียงพอแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ ระยะเวลาการชำระและส่งมอบหลักทรัพย์มีการปรับลดครั้งล่าสุดในปี 2560 จากเดิมใช้เวลา 3 วัน เหลือเพียง 2 วัน

แน่นอนว่า "ข้อเสนอ" นี้น่าสนใจเพียงพอให้มีคนขานรับ!

สำนักงานหักบัญชี DTCC วางแผนกลยุทธ์ไว้ 2 ปี โดยจะปรับลดจาก 2 วัน เป็น 1 วัน ซึ่งหากกระบวนการนี้เป็นที่ยอมรับจะนำไปสู่การลดต้นทุน ลดความเสี่ยงตลาด และข้อกำหนดเงินฝากที่ลดลงได้ ซึ่งภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ คาดว่าจะมีพัฒนาต้นแบบระบบการชำระเงิน 1 วันได้อย่างสมบูรณ์ และหวังว่ารายอื่นๆ จะเปลี่ยนมาใช้ระยะเวลา 1 วันอย่างเป็นทางการได้ทั้งหมดภายในปี 2566

หุ้น GameStop นับได้ว่าเป็น "ตัวอย่าง" หนึ่งที่น่าสนใจ จากปรากฏการณ์ "เม่า" เอาคืน "วอลล์สตรีท" (WallStreet) ไปถึง "โบรกเกอร์" ที่ต้องหาหนทางรับมือ ซึ่งท้ายที่สุด...ก็ยังไม่มีความแน่นอนว่า หุ้น GameStop จะเป็นอย่างไรต่อไป?

แต่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจเช่นการ "ลด" ระยะเวลาซื้อขาย เพราะในอนาคต อาจจะมี "ปรากฏการณ์" แบบนี้เกิดขึ้นอีกก็เป็นได้.

ข่าวน่าสนใจ :