ไทยเริ่มใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียม คาดเพิ่มโอกาสคู่รักที่มีหลากหลายทางเพศ ย้ายมาอยู่ไทยเพิ่มขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงแรงงานข้ามชาติสร้างศักยภาพอุตสาหกรรม
ประเทศไทยเริ่มใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมครั้งแรกวันนี้ (23 ม.ค. 68) การจดทะเบียนสมรสของผู้มีความหลากหลายทางเพศ มีผลทางกฎหมายอย่างแท้จริง ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว
หากวิเคราะห์ในเชิงประชากรศาสตร์ ผศ.ดร.ดุสิตา พึ่งสำราญ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล มองว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียม อาจมีส่วนกระตุ้นให้คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ เข้ามาอยู่ในประเทศไทยมากขึ้น เพราะที่ผ่านมา หลายคู่แม้เป็นคนไทย แต่ต้องไปจดทะเบียนสมรส และใช้ชีวิตในต่างประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มว่าการย้ายถิ่นกลับมายังประเทศไทย ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็อาจมีแนวโน้มว่าจะจูงใจกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ให้อยู่ในไทยมากขึ้น
กฎหมายสมรสเท่าเทียมเป็นการรับรองสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน กฎหมายนี้ช่วยเพิ่มความมั่นคงในชีวิตคู่ของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ แต่อาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติของคนในสังคมต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศได้ในทันที โดยเน้นว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมไม่ใช่เรื่องของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เกี่ยวข้องกับทุกคน และทุกคนควรมีสิทธิในการตัดสินใจเรื่องชีวิตคู่ของตนเอง
เพราะสังคมที่เปิดรับความหลากหลาย เป็นสังคมที่มีความเข้มแข็งและยั่งยืน โดยความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นคือ กฎหมายนี้จะกระทบต่อค่านิยมดั้งเดิมหรือไม่ แต่ความจริงแล้วกฎหมายนี้ ไม่ได้ทำลายค่านิยมดั้งเดิม แต่เพิ่มทางเลือก และโอกาสสำหรับกลุ่มที่เคยถูกปฏิเสธสิทธิ เพราะการให้สิทธิสำหรับผู้มีความหลากหลายทางเพศ ไม่ใช่ การแทนที่ แต่เป็นการอยู่ร่วมกันในสังคมที่เปิดกว้าง แต่ยังมีกฎหมายอื่นๆ ที่จำเป็นต้องมีหรือได้รับการปรับปรุง เพื่อให้การยอมรับความหลากหลายทางเพศในประเทศไทยมีความรอบด้านและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
...
การรับรองอัตลักษณ์ทางเพศ
ผศ.ดร.ดุสิตา กล่าวว่า ปัจจุบันกฎหมายไทยยังไม่มีการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศแตกต่างจากเพศที่ระบุในสูติบัตร เช่น คนข้ามเพศไม่สามารถเปลี่ยนคำนำหน้านาม หรือเพศในเอกสารทางกฎหมายได้ ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกมั่นคงและสิทธิต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การสมัครงาน การเดินทางระหว่างประเทศ หรือการเข้าถึงบริการของรัฐและเอกชน การขาดการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศอาจทำให้คนข้ามเพศรู้สึกว่าไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอย่างแท้จริง แม้ว่ามีการยอมรับในระดับส่วนบุคคลหรือในความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ตาม
สิทธิการรับบุตรบุญธรรม แม้ว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียมจะเปิดโอกาสให้คู่สมรสเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสได้ แต่การรับบุตรบุญธรรมยังคงมีอุปสรรค เนื่องจากกฎหมายปัจจุบันอาจยังไม่ได้ปรับให้สอดคล้องกับสิทธิของคู่สมรสแอลจีบีทีอย่างเท่าเทียม เช่น ข้อกำหนดเกี่ยวกับการพิจารณาความเหมาะสมในฐานะ "พ่อ" และ "แม่" ซึ่งไม่ครอบคลุมถึงคู่สมรสเพศเดียวกัน การขาดสิทธินี้อาจเป็นปัจจัยที่ขัดขวางการสร้างครอบครัวสำหรับคู่รักแอลจีบีที และเป็นประเด็นที่สำคัญในการปรับปรุงกฎหมายเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างครอบครัวในสังคมไทย
สิทธิด้านแรงงานและสวัสดิการ การเข้าถึงสิทธิในที่ทำงาน เช่น การลาหยุดเนื่องจากครอบครัว การเข้าถึงประกันสุขภาพสำหรับคู่สมรส หรือการได้รับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานภาพสมรส อาจไม่ครอบคลุมถึงคู่สมรสเพศเดียวกันในทุกองค์กร ความเข้าใจและการยอมรับในที่ทำงานยังเป็นปัจจัยสำคัญ เช่น การป้องกันการเลือกปฏิบัติและการสนับสนุนสวัสดิการที่เท่าเทียมสำหรับทุกเพศ
การเข้าถึงบริการช่วยการเจริญพันธุ์ (Assisted Reproductive Technology – ART) การแก้ไขกฎหมายให้ครอบคลุมคู่สมรสเพศเดียวกันจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการสร้างครอบครัวและเพิ่มโอกาสในการมีบุตร งานวิจัยใน 4 ประเทศพบว่า มากกว่า 40% ของคนที่มีคู่เป็นกลุ่มที่ไม่ได้เปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศหรือรสนิยมทางเพศของตัวเองอย่างเต็มที่ สำหรับข้อมูลในไทย พบว่า ประมาณ 33% ของคนที่มีคู่ไม่ได้เปิดเผยตัวตนในฐานะผู้มีความหลากหลายทางเพศอย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษาต่อไปว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมช่วยส่งเสริมการยอมรับตัวตนและเปิดเผยตนเองของกลุ่มนี้ได้หรือไม่ หรือยังมีปัจจัยเงื่อนไขอื่นในประเทศไทยที่อาจส่งผลกระทบต่อการเปิดเผยตัวตนในสังคม เพราะการแสดงออกอย่างเปิดเผยไม่ได้ อาจหมายถึงสถานการณ์ของการตีตราหรือเลือกปฏิบัติที่ยังคงมีอยู่
การมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของกฎหมายอื่น รวมถึงการลดอคติในสังคม อย่างไรก็ตาม ปลายทางที่ประเทศไทยยังต้องเดินไปให้ถึง ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดก็ยังไม่อาจทราบได้ คือการที่ทุกคนไม่เพียงได้รับสิทธิตามกฎหมาย แต่ยังได้รับการยอมรับและความเคารพในฐานะมนุษย์ที่เท่าเทียมกันอย่างแท้จริง
...
สมรสเท่าเทียมผลกระทบด้านประชากร
สำหรับผลกระทบของกฎหมายสมรสเท่าเทียมต่อด้านประชากร ผศ.ดร.ดุสิตา มองว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลกระทบต่อประชากรในหลายมิติ โดยสามารถสรุปได้ดังนี้
1. โครงสร้างประชากรและครอบครัว
- เพิ่มจำนวนครอบครัวคู่รักเพศเดียวกันที่ได้รับการยอมรับทางกฎหมาย
- ส่งเสริมการสร้างครอบครัวทางเลือก เช่น ครอบครัวที่มีบุตรบุญธรรม หรือครอบครัวข้ามชาติ
- การปรับตัวของครอบครัวขยาย ส่งเสริมให้ครอบครัวขยายเปิดรับ และสนับสนุนสมาชิกที่มีความหลากหลายทางเพศมากขึ้น
2. อัตราเกิด
- ผลกระทบเชิงบวก : คู่รักเพศเดียวกันที่ต้องการสร้างครอบครัวสามารถเข้าถึงการอุ้มบุญ การรับบุตรบุญธรรมได้ง่ายขึ้น อาจช่วยลดปัญหาเด็กกำพร้า หรือเด็กที่ไม่มีครอบครัวในระบบรับบุตรบุญธรรม
- ข้อจำกัด: อัตราเกิดโดยรวมอาจไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากคู่รักเพศเดียวกันที่ต้องการมีบุตรอาจมีสัดส่วนที่ยังไม่มากในโครงสร้างประชากร และปัจจัยทางเศรษฐกิจยังคงเป็นอุปสรรคสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องการมีบุตร
3. การย้ายถิ่น
-การดึงดูดแรงงานข้ามชาติ : ประเทศไทยอาจดึงดูดแรงงาน แอลจีบีที ที่มีทักษะจากต่างประเทศ เนื่องจากการมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมสร้างภาพลักษณ์ประเทศที่เปิดกว้างและเป็นมิตรต่อความหลากหลายทางเพศ
-การเพิ่มแรงจูงใจในการย้ายถิ่นเข้า : กฎหมายสมรสเท่าเทียมสามารถช่วยให้คู่รัก แอลจีบีที ที่เป็นคู่รักต่างชาติ เช่น คนไทยกับชาวต่างชาติ สามารถใช้ชีวิตในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น เช่น การขอวีซ่าคู่สมรส หรือการจดทะเบียนทรัพย์สินร่วมกัน
-ลดแรงจูงในการย้ายถิ่นไปต่างประเทศ : ก่อนมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม คู่รัก แอลจีบีที บางกลุ่มอาจเลือกย้ายถิ่นไปยังประเทศที่มีความยอมรับทางกฎหมายและสังคมที่ดีกว่า เช่น ยุโรป อเมริกา หรือออสเตรเลีย การมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมใน
4. การยอมรับทางสังคมและความมั่นคงทางประชากร
- การส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม: การมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมช่วยสร้างความมั่นคงทางจิตใจและสังคมให้กับคู่รัก แอลจีบีที ทำให้พวกเขามีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมมากขึ้น
-ความเปลี่ยนแปลงในทัศนคติ: แม้ว่ากฎหมายจะสร้างความเปลี่ยนแปลงทางนโยบาย แต่การเปลี่ยนแปลงทางทัศนคติในสังคมอาจยังต้องใช้เวลา โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทหรือกลุ่มที่ยึดถือค่านิยมดั้งเดิม
...
5. การสร้างเสถียรภาพในชีวิตคู่และครอบครัว
-ผลต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิต: การได้รับการยอมรับทางกฎหมายช่วยลดความเครียดและแรงกดดันทางสังคมในกลุ่ม แอลจีบีที
-การเสริมสร้างบทบาทในชุมชน: คู่รัก แอลจีบีที ที่ได้รับการยอมรับสามารถมีบทบาทในชุมชนและสนับสนุนการพัฒนาสังคม เช่น การดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว หรือการสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม
ข้อสรุป
กฎหมายสมรสเท่าเทียมอาจมีผลในเชิงบวกต่อด้านประชากรในหลายมิติได้ เช่น การส่งเสริมความหลากหลายของครอบครัวและโครงสร้างครอบครัว
การดึงดูดทรัพยากรมนุษย์ทั้งในและนอกประเทศ การเพิ่มความมั่นคงทางจิตใจและสังคมให้กับคู่รัก แอลจีบีที แต่อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์บางอย่าง เช่น การย้ายถิ่นของผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือการสร้างครอบครัวในกลุ่มที่ครอบครัวให้การยอมรับ ได้เกิดขึ้นอยู่แล้วแม้ในช่วงที่ยังไม่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม ทำให้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ากฎหมายนี้จะส่งผลให้สถานการณ์ด้านประชากรเปลี่ยนแปลงไปมากหรือน้อยเพียงใด