คุยกับ “ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล” ตำนานฟุตบอลไทยชนะเกาหลีใต้ เล่าความทรงจำฟรีคิกมหัศจรรย์ บรรยากาศเหมือนวันนี้ ทุกแรงใจส่งถึงนักเตะ วิเคราะห์ โอกาส ชนะ... 

วันนี้เชื่อว่าแรงใจคนไทยทั้งชาติ กำลังส่งใจเพื่อเชียร์ฟุตบอลทีมชาติไทย ในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่ 2 นัดที่ 4 ระหว่างทีมชาติไทย เปิดบ้าน สนามราชมังคลากีฬาสถาน เพื่อต้อนรับทีมชาติเกาหลีใต้ ภายหลังจาก ทีมชาติไทย ไปบุกตีเสมอด้วยสกอร์ 1-1 เก็บ 1 แต้มกลับมาจากเกาหลีใต้ได้ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา... 

เมื่อพูดถึงการเจอกันระหว่างทีมชาติไทยและเกาหลี เชื่อว่าแฟนบอลรุ่นเก๋าหลายคนจะนึกถึง “ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล” ที่ยิงฟรีคิกในตำนาน สยบทีมโสมขาวมาแล้ว และวันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะชวน “ธวัชชัย” มาเล่าถึง วินาทีในวันนั้น พร้อมคำแนะนำ 

ธวัชชัย ย้อนวันวานให้ฟังว่า วันนั้นผมยังจำได้ดี วันที่ทีมชาติไทยสามารถเอาชนะเกาหลีใต้ได้ ตอนนั้น บรรยากาศก็เหมือนกับวันนี้ คือ แฟนบอลชาวไทย หลั่งไหลเดินทางมาที่สนามฟุตบอล คนที่เข้ามาไม่ได้ก็ดูฟุตบอลอยู่นอกสนาม โดยเดินทางมารอมากมายเพื่ออยากกจะเข้าไปสนาม มานอนรอตั้งแต่กลางคืนของอีกวัน ความรู้สึก คือ ยิ่งใหญ่มาก เรารับรู้ได้เลยว่ามันคือความศรัทธาที่ล้นหลาม 

“วันนี้ คือ บรรยากาศที่เหมือนกับ 26 ปีที่แล้ว หากวันนี้ “น้องๆ ทีมชาติไทย” ทำสำเร็จ มันจะปูทางเป็นบันได ให้น้องๆ นำไปสู่ความสำเร็จ เป็นเส้นทางของฟุตบอลโลกได้ เพราะครั้งนี้เส้นทางเราเปิดกว้างกว่าทุกครั้ง เพราะ 1 แต้มที่เราเก็บได้ นั้นเป็น 1 แต้มที่ล้ำค่า และหากวันนี้มีแต้ม หรือ ได้ 3 แต้ม โอกาสจะเปิดกว้างยิ่งขึ้น เพราะต้องการถึง 8 ทีมครึ่ง  

...

นี่คือ ความรู้สึกของธวัชชัย ผู้เคยสร้างตำนานให้กับฟุตบอลไทย...แต่เมื่อถามถึงโอกาสในวันนี้ ผู้มีประสบการณ์ที่เคยต่อสู้กับทีมชาติเกาหลีใต้ แนะนำว่า 

“เชื่อว่าทางโค้ช มาซาทาดะ อิชิอิ อาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เชื่อว่า น่าจะต้องใช้วิธีการต่อยอดจากแมตช์ที่แล้ว คือ การรับแน่น และรอจังหวะโต้กลับ แม้การครอบครองบอล เราจะเป็นรองเขาอย่างมาก แต่สิ่งที่เราทำได้ดีคือ เราใช้โอกาสไม่เปลือง”

ธวัชชัย บอกว่า สิ่งที่เราจะดีกว่าเขา คือ การรับมือกับสภาพอากาศ เพราะอากาศบ้านเราค่อนข้างร้อน ดังนั้น จึงต้องอาศัยความอดทน และความมีระเบียบวินัยในการเล่น แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวัง คือ ลูกกลางอากาศ เพราะในแมตช์ก่อน เขาส่งคนที่ตัวสูงๆ ลงมา และสามารถเข้าแย่งโหม่งกับกองหลัง เราได้ แต่กองหลัง เราวันนั้น เราทำได้ดี สกัดเขา ทำให้เขาโหม่งไม่ถนัด

“เกมที่แล้ว 15 นาทีแรก และ 15 นาทีหลัง เรามีสมาธิดี โดยเฉพาะเกม เพรสซิ่งบอล ทำให้เขาเสียบอลง่าย ส่วนที่ต้องระวัง คือ เกมริมเส้น และ เปิดบอลตัดแบ็กหลังเรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเสียประตู กระทั่ง โค้ช อิชิอิ มีการปรับเกม จึงทำให้เจาะเรายากขึ้น” 

สิ่งที่ต้องระวังเกาหลีมากที่สุด 

เชื่อว่าวันนี้อาวุธของเกาหลี อาจจะมาหลากหลายแน่ๆ แต่ต้องระวังลูกกลางอากาศ และความสามารถเฉพาะตัวของเขา แต่เราอยากให้ยึดตามแท็กติกที่วางไว้ สิ่งสำคัญ และแตกต่างของทีมชาติไทย ในสมัยนั้น กับ สมัยนี้ เชื่อว่า น้องๆ สมัยนี้ถูกพัฒนามาด้วยระบบ “อาชีพ” ที่สูงกว่า มีวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วย ที่เห็นเด่นชัดเลย วันนั้นที่เราไปเยือนเขา สู้กับเขาท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ซึ่งตอนแข่งนั้น อากาศคือ 1 องศาฯ คือ “หนาวมาก” นี่คือ สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ เคยผ่านถ้วยฟุตบอลเอเชียมา จะเห็นว่า “น้องๆ ทีมชาติไทย ปรับตัวได้เร็วมาก หากเทียบกับยุคก่อน นักบอล เจอสภาพอากาศแบบนั้น ทำให้ปรับตัวค่อนข้างยาก” 

ทีมข่าวถามธวัชชัยว่า ถ้าเราได้ฟรีคิก ในระยะที่พี่เคยยิงได้ สำหรับชุดนี้ฝากความหวังไว้กับเขา อดีตตำนานชุดดรีมทีม บอกว่า คนที่ยิงฟรีคิกได้ดี สำหรับทีมชาติไทย คือ อุ้ม (ธีราทร บุญมาทัน) ถ้าเป็นการยิงโค้ง มุมซ้ายหรือขวา แต่ถ้าเท้าหนักๆ แบบผม นั้น ตอนนี้ยังไม่เห็น แต่ที่พอจะยิงได้คือ นิว (ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์) เราเห็นยิงไกลๆ บ่อยเหมือนกัน 

...

“วันนี้ อยากให้น้องๆ ทีมชาติไทย เล่นฟุตบอลด้วยความสนุก ความสุขต่อหน้าแฟนบอลชาวไทย ถ้าน้องทำได้ มันจะเป็นของขวัญอันล้ำค่าแก่แฟนบอลชาวไทย” 

ด้าน โค้ชเตี้ย สะสม พบประเสริฐ หัวหน้าฝึกสอน ทีมพีทีประจวบ ได้วิเคราะห์เกมทีมชาติไทย VS เกาหลีใต้ วันนี้ว่า ไทยยังมีโอกาสชนะเกาหลีใต้ได้ ส่วนแผนที่ใช้น่าจะใกล้เคียงกับเกมแรก ทั้งนี้ มีคนบอกว่าทีมชาติไทยจะบุกเต็มที่ แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น อาจจะใช้วิธีการ ตั้งรับและโต้กลับเร็ว 

“โดยสิ่งที่ต้องศึกษามากๆ คือ “พละกำลัง” ของคู่ต่อสู้ อาศัยสภาพอากาศที่จะทำให้เขา พละกำลังอ่อนยวบยาบบ้าง นี่คือ 1 ปัจจัยที่มีโอกาสได้ใช้ และสิ่งสำคัญคือ “แรงเชียร์” ทำให้เรามีโอกาสได้บุกมากกว่าเกมแรก และคิดว่าการมาครั้งนี้ของเกาหลีใต้ จะไม่เร่งเกมมาก และจะไม่โถมบุกอย่างเกมแรก เพราะต้องคำนวณสภาพอากาศและการยืนระยะ และคิดว่า อี คัง อิน ที่มีปัญหากันอยู่ (มีปัญหากับ ซน ฮึง มิน) ก็น่าจะกลับมาเล่นอีก เพราะการมี อี คัง อิน ในสนาม ทำให้เกมรุกดูวูบวาบมากขึ้น”

...

โค้ชเตี้ย วิเคราะห์ ว่า “เหลี่ยมออกเสมอ” นั้นเปิดกว้าง หรือ หลุดไปถึง ชนะได้ เพราะสภาพอากาศร้อน...

“สิ่งสำคัญคือ ระเบียบวินัย ในเกมรับ เพราะเมื่อเราเล่นไปเล่นมาแล้ว เราต้องเจอการกดดันในการรับ อีกอย่างคือ เกมเพรสซิ่ง ที่เราต้องชวนทะเลาะ เพื่อให้เขาเสียพละกำลัง ส่วนสิ่งที่ต้องระวังคือทีมเวิร์กของเขา เราอย่าเพลินไปกับเกมของเขา แม้เขาจะเล่นไม่เนียนเท่าญี่ปุ่น แต่เกมเขามีความหลากหลาย”

โค้ชเตี้ย มองว่า สิ่งที่อิชิอิ ทำเวลานี้ คือ การวางแผนตามหน้าเสื่อของผู้เล่น และศักยภาพของทีม แต่สิ่งที่แตกต่างจากสมัยก่อน คือ “นักเตะ” ชุดนี้ มีความ “กระหาย” ในการลงเล่น ที่สำคัญคือ “กระแส” ฟุตบอลไทยมันกลับมา หลังจากเราไปยันเสมอเขาได้ถึงถิ่น ทำให้นักเตะอยากจะเล่น อยากจะโชว์ แต่ก็ต้องระมัดระวังว่า อย่าโชว์มากเกินไป เพราะวินัยเป็นสิ่งสำคัญ แม้ทุกคนจะเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว 

อีกอย่างหนึ่งสำหรับเกมฟุตบอลนั้น ต้องมี “โชค” ด้วย สังเกตว่า ช่วงท้ายเกมที่เกาหลีใต้วันนั้นที่เรารอดมาได้ ซึ่งสิ่งที่ต้องชม คือ ปฏิวัติ คำไหม เขาพัฒนาขึ้นมาก ทำให้ทีมมีความมั่นใจมากขึ้น และอีกอย่างวันนั้นเราเล่นแบบ 6-4-0 คือป้องกัน แต่เกมนี้จะมาใช้แผนแบบนั้นไม่ได้ เราต้อง “แอบสู้” รับแน่น รอจังหวะ บุกเป็นชุดบ้าง 

...

เมื่อถามว่า โอกาสแพ้ชนะเสมอ เป็นอย่างไร ชนะ 30% เสมอ 60% โดยลึกๆ ก็หวังว่า “เราจะสร้างประวัติศาสตร์ชนะเกาหลีใต้ อย่างที่เคยทำได้ในอดีต... 

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

อ่านบทความ