สาวเปิดประสบการณ์หลอน เดินขึ้นเขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี กว่า 8 ชั่วโมง หลงป่า ไฟฉายดับ คลำหาทางออกช่วงเวลาข้ามคืน เจอดวงไฟลึกลับ เชื่ออาถรรพณ์เมืองลับแล หลังชาวบ้านเตือนตำนานวิญญาณ "ยายหาบทอง" พร้อมทิ้งปริศนาตัวเลขให้ถอดรหัส

กลายเป็นคลิปไวรัลที่ผู้ใช้ติ๊กต่อก : som.watcharee เล่าเรื่องคุณยายหาบทอง เขาคิชฌกูฏ ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ทำให้มีคนเข้ามากดถูกใจกว่า 8.7 หมื่นคน และเข้ามาคอนเมนต์จำนวนมาก เนื้อหาในคลิปหญิงสาวรายหนึ่งเดินทางไป เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี พร้อมกลุ่มเพื่อน ตัดสินใจเดินขึ้นไปบนยอดเขากว่า 8 ชั่วโมง ซึ่งไม่ได้นั่งรถโดยสารอย่างที่ผ่านมา เมื่อเดินไปสักพัก ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเดินเข้าไปในป่า ที่มีความชันน้อยกว่า และเพื่อความปลอดภัย เพราะบนถนนมีรถวิ่งตลอดทาง แต่เรื่องที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่อไฟฉายของเพื่อนที่นำทางดับลง ท่ามกลางช่วงเวลาที่เข้าสู่วันใหม่ ทำให้การเดินทางยากลำบากมากขึ้น เพราะตลอดทางมีขอนไม้ใหญ่ขวางทาง

สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่อมีแสงจากไฟฉายปริศนา นำทางเธอและกลุ่มเพื่อนไปจนถึงจุดหมาย ซึ่งเธอเชื่อว่าชายปริศนาอาจเป็นเจ้าที่ เพราะก่อนเดินเท้าขึ้นมา คนในพื้นที่ก็เตือนว่า ถ้าตัดสินใจเดินขึ้นแล้ว ไม่สามารถขอขึ้นรถได้ระหว่างทาง และในระหว่างเดินถ้าเจอ "ยายหาบทอง" ที่เป็นหญิงชราหาบของมานั่งระหว่างทาง ห้ามทักเด็ดขาด เพราะมีหลายคนเจอ และเลื่องลือว่ามาจากเมืองลับแล หากทักและเดินตามจะหลงไปอีกมิติ

...

โดยคอมเมนต์ของผู้ที่เข้ามาชมคลิป ให้ความเห็นทั้งเชื่อและไม่เชื่อเช่น "เรื่องจิงจากใจเด็กเขาคิชฌกูฏคั้บ ปีที่แล้วมีคนเจอหลายคนเลยค่ะ", “เมืองลับแลมีจริงครับ แต่เราไปด้วยใจศรัทธา แสวงบุญก็จะปรอดภัยตลอดทางคับ”, “จากใจคนเขาคิชฌกูฏนะค่ะ ที่นี่มีจริงค่ะ เป็นเขตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ทุกคนขึ้นด้วยความดี คิดแต่สิ่งดีๆค่ะ”, “เมื่อ10กว่าปีที่แล้วเคยลงทางลัด มืดมาก เดินจนพูดว่าหลงแน่ๆ จู่ๆ มีหมาดำตัวใหญ่มากกระโดดตัดหน้า แล้วเดินนำหน้าแถว เลยลองเดินตามหมามาเรื่อยๆ”

ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ สอบถามไปยัง "วัชรี ชัยณรงค์" เจ้าของคลิปที่ไปกับเพื่อนอีก 7 คน ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมาเคยขึ้นไปบนเขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งในเดือนกุมภาพันธุ์ที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจกลับมาอีกครั้ง เพราะเคยมาขอแล้วได้ตามสิ่งที่คาดหวัง ก่อนขึ้นไป คุณป้าที่ร้านข้าว ก็ถามพวกเราว่าจะเดินขึ้นกันจริงๆ หรือ และทักว่าถ้าเจอคุณยายที่หาบของมาขาย หรือหาบทองอยู่ข้างทาง ห้ามทักเด็ดขาด เพราะเป็นคุณยายจากเมืองลับแล หรือถ้าเจออะไรแปลกประหลาดระหว่างเดินขึ้นไปห้ามทัก เพราะมีหลายคนเคยเจอมาแล้ว

“ตอนเดินขึ้นไปประมาณ 2 ทุ่มกว่า เมื่อเดินเข้าไปด้านหน้าป้อมทางขึ้น จะมีสมุดเซ็นการเดินเข้าไปยังอุทยาน ซึ่งเมื่อดูเวลาชุดที่ไปก่อนเซ็นชื่อ ทิ้งเวลาไปก่อนหน้าค่อนข้างนาน และส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม ไม่มีคนที่มาคนเดียว ทางเดินขึ้นช่วงแรกจะมีป้ายและไฟส่องทาง ซึ่งตลอดการเดินช่วงแรก มีทางที่เดินเข้าไปในป่า และออกมายังถนนสลับกัน จนมาถึงทางตัน ที่ไม่มีไฟส่องทาง เลยใช้ไฟจากมือถือที่มีอยู่ส่องทาง”

พอเจอทางตันในป่า ซึ่งเดินมาตั้งแต่ทางขึ้นประมาณ 1 กิโลเมตร พี่ที่ไปด้วยกันก็พาออกมาเดินที่ถนน เป็นทางชันมาก เดินขึ้นลำบาก โดยทุกคนที่ไปด้วยกันก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ได้แต่เงียบไม่กล้าพูดอะไร เพราะทุกคนก็รู้สึกกลัว เนื่องจากระหว่างเดินมารู้สึกมีคนเดินตามและคุยกันตลอดทาง ทั้งที่ในสมุดเซ็นชื่อตรงทางเข้า ไม่มีคนที่เดินเข้ามาเลย เมื่อเดินไปตามถนนได้สักพัก ต้องตัดสินใจเดินเข้าไปในป่าอีกครั้ง เพราะทางบนถนนค่อนข้างชันเดินได้ลำบาก

...

พอกลับเข้ามาเดินในป่าอีกครั้ง เป็นทางที่ไม่มีไฟ ทุกคนเลยใช้ไฟแฟลชในโทรศัพท์ส่องทาง โดยระหว่างเดินรอบนี้เจอกับแสงไฟปริศนาอยู่ทางด้านขวามือ ซึ่งดวงไฟค่อนข้างเคลื่อนที่เร็วผิดปกติ เพราะในป่าที่เป็นพื้นที่ชันถ้าเป็นคนก็ไม่น่าจะเคลื่อนที่เร็วขนาดนั้น จนแสงไฟดวงนั้นมาปรากฏตรงด้านหน้า ทุกคนก็เดินตามดวงไฟนั้นไป ซึ่งพี่ที่เดินนำหน้า ตะโกนบอกว่า "มีคนนำทาง เรารอดแล้ว" เพราะทุกคนกลัวจะหลงอีกครั้ง ซึ่งดวงไฟนั้นค่อนข้างเคลื่อนที่เร็ว และทุกคนได้ตามไปจุดถึงปลายทาง แต่ยังไม่กล้าพูดอะไรกัน

ตัวเลขที่พบบนต้นไม้
ตัวเลขที่พบบนต้นไม้

“โดยขากลับก็ได้นั่งรถโดยสารทะเบียน 110 ลงเขามา และได้เจอตัวเลขปริศนาอยู่บนต้นไม้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการให้โชค ซึ่งหลังจากลงคลิปก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น ว่าเจอในลักษณะเดียวกันหลายรูปแบบ เพราะชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเมืองลับแล โดยปีที่ผ่านมามีนายทหารมาเดินแล้วเจอยายหาบทอง นั่งอยู่ข้างทาง ซึ่งคนที่เจอบอกว่าแกก็คุยดี และหลังกลับไปก็ได้โชคตามที่คาดหวัง”

...

สำหรับ คนที่จะเดินขึ้นเขาคิชฌกูฏ ถ้าเจอเรื่องลี้ลับอยากให้ใช้สติ เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นความเชื่อที่หลายคนก็เจอในลักษณะคล้ายกัน ซึ่งคนที่ไปนอกจากจะต้องหาข้อมูลการเดินไปก่อนแล้ว อยากให้ไปด้วยใจบริสุทธิ์ เพราะตนเองเชื่อว่าพื้นที่นี้มีสิ่งที่ปกป้องคุ้มครอง หากมาแล้วคิดไม่ดี ก็อาจมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น.