บุก 'บึงฉวากฯ' สุพรรณบุรี นักท่องเที่ยวชมพื้นที่สะอาด บรรยากาศน่าประทับใจ แต่ลงความเห็นยังขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดี ด้าน หัวหน้าฯ บอกที่นี่ไม่เคยเงียบ นายก อบจ. ชี้ งบประมาณดูแลตกปีละ 20 ล้านบาท ปีที่ผ่านมาคนใช้บริการกว่า 6 แสนราย และช่วงปีใหม่มีรายได้กว่า 6 แสนบาท...
เกิดประเด็นร้อนฉ่ากระหน่ำโซเชียล ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติที่ผ่านมา เมื่อชาวเน็ตคนหนึ่งโพสต์รูปมาสคอต 'นีโม่' สีส้มซีด ค่อนข้างเก่า และดูอ่อนแรง ขัดกับภาพจำที่หลายคนรู้สึก ว่าเจ้าปลาน้อยนีโม่จะมีสีส้มสดใส ร่าเริงและน่ารักจนกินใจคนทั้งโลก พร้อมระบุข้อความต้นโพสต์ "สุดเงียบเหงา มีของดี แต่ไม่มีคนเที่ยว"
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ไม่รีรอ มุ่งหน้าจากถนนวิภาวดีสู่สถานที่เกิดประเด็น ณ "สวรรค์แห่งโลกใต้ท้องทะเล" สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติฯ ต.เดิมบาง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
...
'บึงฉวากฯ' ในวันศุกร์ ดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ รถทัวร์ไม่น้อยกว่า 10 คัน จอดเรียงรายอยู่บริเวณด้านหน้า พร้อมเด็กนักเรียนนับร้อยชีวิตที่เดินทางมา 'ทัศนศึกษา' กับคณะครูและผู้ปกครอง ทำให้บรรยากาศดูจะขัดกับโพสต์ที่เรากล่าวถึงข้างต้น
บึงฉวากฯ ไม่เงียบ ปีใหม่ที่ผ่านมารายได้กว่า 6 แสนบาท ผู้ใช้บริการกว่า 6 แสนคน :
'ดร.ประสิทธิ์ เวทประสิทธิ์' นักวิชาการประมง ชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติฯ ได้ชี้แจงประเด็นดราม่าต่อทีมข่าวฯ ในวันที่เราไปเยือนว่า
"หลังจากเกิดประเด็นนั้นคนก็ครึกครื้นขึ้น แต่ความจริงแล้วคนที่บึงฉวากฯ ก็ครึกครื้นตลอดนะ ภาพที่ออกไปว่าคนน้อย เขาคงไปถ่ายตอนที่ใกล้จะปิดแล้ว คือที่นี่เป็นที่ท่องเที่ยวของจังหวัด ถ้าวันเสาร์และวันอาทิตย์คนจะมาเยอะ แต่วันธรรมดาคนจะน้อยบ้างเป็นปกติ"
หัวหน้าสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากฯ กล่าวต่อว่า ช่วงที่เกิดประเด็นรับโทรศัพท์จนเบลอไปเลย แต่เราก็มีกำลังใจทำงานต่อ เพราะคนส่วนใหญ่เข้าใจ ส่วนคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดียก็มีคนให้กำลังใจ พร้อมระบุว่า "ตอนที่เขามาไม่ได้เป็นอย่างนี้"
ทางด้าน 'นายบุญชู จันทร์สุวรรณ' นายก อบจ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติฯ โดยตรง กล่าวกับทีมข่าวฯ ไปในทิศทางเดียวกันว่า
"ที่มีคนบอกว่าบึงฉวากฯ เงียบนั้นไม่จริงครับ เพราะว่าผมดูข้อมูลการเก็บเงินที่บึงฉวากฯ พบว่ามีจำนวนมากตลอด อย่างช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ผมยังตกใจเลยว่าเก็บเงินได้กว่า 6 แสนบาทเลยเหรอ เพราะฉะนั้นที่นี่ไม่มีเงียบ มีแต่ดีกว่าเก่าแน่นอนครับ"
อย่าง ปีที่ผ่านมา (2566) จำนวนผู้เข้าใช้บริการ ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง เดือนธันวาคม อยู่ที่ประมาณ 6 แสนราย ซึ่งนี่เป็นเพียงการนับจากหางบัตรเท่านั้น เพราะยังมีคนพิการ คนชรา และเด็กความสูงไม่ถึงกำหนดที่ไม่ได้เก็บสถิติ นั่นแสดงว่าอาจมีมากกว่านั้น
นายบุญชู แสดงความคิดเห็นต่อไปว่า หากไม่ใช่ช่วงเทศกาล ช่วงวันหยุด หรือวันเสาร์และวันอาทิตย์ คนมาไม่เยอะนั้นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้รับผิดชอบ ได้เข้ามาช่วยดูแลเกือบทุกส่วน และเข้ามามีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง เมื่อเกิดกระแสขึ้นมา จึงได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว ทางเราต้องขออภัยประชาชนทุกคนด้วย บางเรื่องอาจจะหลุดสายตาไปบ้าง แต่จะพยายามทำกันอย่างเต็มที่เสมอ
...
นักท่องเที่ยวลงความเห็น ยังขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดี :
แม้ว่าวันที่ทีมข่าวฯ ลงพื้นที่ จะมีผู้เดินทางมาจำนวนมาก แต่หลังจากได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ใช้บริการทั้งคนในและนอกพื้นที่ ต่างแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า "รู้สึกว่าที่นี่ยังขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดี ถ้าทำให้ดีกว่านี้ได้จะดีมาก เพราะไม่อยากให้ของดีๆ ต้องปิดตัวลง"
ในอดีต 'คุณแนน' เคยเดินทางมาที่นี่กับครอบครัวแล้ว แต่วันนี้เลือกเดินทางมาจากกรุงเทพฯ อีกครั้งพร้อมกับ 'คุณกานต์' แฟนของเธอ ซึ่งยังไม่เคยมาเลยสักครั้ง ทั้งสองคนตั้งใจใช้เวลาวันหยุดร่วมกัน ท่ามกลางสวรรค์แห่งโลกใต้ท้องทะเล
คุณแนน แสดงความคิดเห็นว่า อยากให้มีการประชาสัมพันธ์ลงสื่อต่างๆ มากขึ้น เช่น ติ๊กต่อก อย่างเราเองก็เดินทางกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพราะเห็นจากในนั้น ที่มีประเด็นเรื่องมาสคอตนีโม่ ตอนดูคลิปคิดว่าเงียบมากๆ ไม่อยากให้ที่นี่ปิดตัวลง เลยมาใช้บริการเพื่อเป็นการให้กำลังใจ
...
"พอมาแล้วมีเรื่องที่กังวล คือ ไม่ค่อยเห็นคนที่มาเป็นครอบครัว หรือมากันเอง เห็นแต่เด็กนักเรียนกับคณะครู" คุณแนนกล่าว
ด้าน คุณกานต์ กล่าวเสริมขึ้นมาว่า "ใช่ครับ" ตอนที่ผมเดินเข้ามายังพูดกับแฟนว่า ถ้าที่นี่ไม่มีเด็กคงมีคนเดินอยู่ไม่กี่คน รถจอดกันนิดเดียวเอง ขับรถเข้ามาจอดยังมีที่ว่างเยอะ "ตอนนี้กระแสที่มันมี มันได้มาจากภาคประชาชน ยังไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ หลักๆ ผมเลยมองว่าอยากให้ที่นี่มีการประชาสัมพันธ์ที่ดีขึ้นเหมือนกัน"
คุณแนนเสริมเพิ่มอีกครั้งว่า "ค่าเข้าที่นี่ก็ไม่แพงนะคะ ถ้าเทียบกับที่อื่น ยังคุยกับแฟนเลยว่า ถ้าไม่มีคนมาแล้ว หรือวันที่เงียบจริงๆ หน่วยงานเขาจะลำบากไหม จะมีเงินมาจ่ายค่าบำรุงรักษา และเงินเดือนพนักงานหรือเปล่า"
'คุณรถเมล์' จาก จ.ชลบุรี คืออีกหนึ่งคนที่ไม่ได้มาบึงฉวากฯ เป็นครั้งแรก แต่ครั้งนี้ก็ห่างจากล่าสุดถึง 10 ปีเลยทีเดียว และเธอเองก็กลับมาเพราะจากติ๊กต่อกและโลกโซเชียลเหมือนกัน แม้ว่า 10 ปีที่หายไป ทุกอย่างจะดีขึ้นแต่เธอก็มองว่า "ที่นี่ขาดการโปรโมต"
...
"เรามองว่า สุพรรณบุรีมีของดีอยู่ในมือแล้ว ไม่อยากให้เสียเปล่า ภาครัฐและการท่องเที่ยวก็ควรเข้ามาช่วยดูแลด้วย เมล์มองว่าไม่อยากให้ชะล่าใจในการดูแลและการสื่อสาร ตอนนี้อาจจะอยู่ได้เพราะเด็ก แต่ถ้าในอนาคตไม่มีเด็กอาจจะแย่ก็ได้"
'คุณโบว์' ชาวสุพรรณบุรีโดยกำเนิด มาบึงฉวากฯ ตั้งแต่เปิดตัวใหม่ สมัยอดีตนายกฯ บรรหาร ศิลปอาชา เธอเล่าความทรงจำในอดีตให้ทีมข่าวฯ ฟังว่า สมัยก่อนคนมาเยอะมาก เรามากี่ครั้งก็มีคน แต่ช่วงโควิดที่นี่ซบเซามากๆ เงียบจนเรากลัวว่าจะปิดตัวลง แต่วันนี้พาหลานมาอีกครั้ง รู้สึกว่าบรรยากาศกลับมาครึกครื้นขึ้น ถึงจะไม่ดีเท่าเมื่อก่อน แต่นี่ก็ดีแล้ว
ทีมข่าวฯ ถามว่า คิดว่าเพราะอะไรคนถึงกลับมา?
"คิดว่าเป็นเพราะกระแสโซเชียล" คุณโบว์ตอบ
"เราเรียนการท่องเที่ยวมา เรามองว่าบึงฉวากฯ ต้องได้รับการประชาสัมพันธ์มากกว่านี้ จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่ที่นี่ที่เดียวนะ สุพรรณบุรีมีของดีเยอะมาก อยากให้เกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยวมากกว่านี้ ถึงตอนนี้จะยังดูประคับประคองไปได้ แต่เราก็กังวลใจ ยังไม่อยากเห็นบึงฉวากฯ ปิดตัวลง"
คุณโบว์ แสดงความคิดเห็นต่อว่า เรื่องพวกนี้ก็คงเกี่ยวกับงบประมาณด้วยนั่นแหละ เราเห็นว่าหลายอย่างก็มีการปรับปรุงที่ดีขึ้น แต่งบอาจจะไม่พอมาช่วยในส่วนโปรโมตหรือเปล่า?
ผลักดันเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่ เรียนรู้การประชาสัมพันธ์ :
ดร.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ที่นี่ค่อนข้างถนัดเรื่องวิชาการ และเชี่ยวชาญในเรื่องของปลา ปลาสุขภาพจะดี น้ำจะใส และความสะอาดค่อนข้างดีเลยทีเดียว แต่ เรื่องของประชาสัมพันธ์ เราไม่มีเจ้าหน้าที่เฉพาะทาง ตอนนี้พยายามทำเต็มที่เท่าที่พอจะทำได้ในทุกช่องทาง
ทีมข่าวฯ สอบถามว่า เมื่อไม่มีทีมเฉพาะด้าน แล้วประชาชนอยากให้มีการประชาสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ในอนาคตจะมีการจัดตั้งทีมงานหรือไม่ หรือจะมีแผนสำหรับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง?
หัวหน้าสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากฯ ตอบว่า หลังจากนี้คงจะใช้คนที่มีอยู่ช่วยกัน เรียนรู้กันให้มากขึ้น เพื่อจะได้สร้างการประชาสัมพันธ์ที่ดี แต่เราดำเนินงานในส่วนราชการ การจะเพิ่มบุคลากรขึ้นมา คงเป็นเรื่องที่ยาก "เราว่าเราประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางแล้วนะ แต่อาจจะยังไม่พอ"
นายก อบจ.สุพรรณบุรี แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ว่า ตอนนี้คนของเราถือว่าพยายามทำเต็มที่ เท่าที่จะทำได้ ต้องเข้าใจและยอมรับว่าคนที่ทำงานด้านประชาสัมพันธ์เก่งๆ เขาไม่ชอบอยู่ในระบบราชการ หรือหน่วยงานรัฐ เขามีทางไปและทางเลือกที่มากกว่า เมื่อไม่ได้คนที่รู้เฉพาะทาง ก็ต้องยอมรับความจริงว่า งานอาจจะออกมาดีบ้างหรือไม่ดีบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
แล้วมีแผนหรือคิดว่าจะดึงคนที่รู้เฉพาะทางเข้ามาหรือไม่? ทีมข่าวฯ สอบถาม
"เราก็พยายามจะผลักดันงานประชาสัมพันธ์อยู่แล้วนะครับ แต่บางทีเงินจ้างข้าราชการมีข้อจำกัด สมมติว่าตำแหน่งนี้ต้องเงินเดือนเท่านี้ ห้ามเกินที่กำหนดไว้ อย่างประชาสัมพันธ์อาจจะได้แค่ 15,000 บาท พอคนเห็นว่าจบปริญญาตรีมาแล้วได้เงินเท่านี้ คนก็ไม่อยากอยู่ ตัวเงินก็น้อยกว่าอยู่กับเอกชน คนจบตรงเขาไม่อยากรับเงินหมื่นห้าหรอก แต่ถ้าคนพื้นถิ่นเขายังรับได้ ดังนั้น สิ่งที่เราพอทำได้ตอนนี้ คือการพยายามกระตุ้นให้เขาเกิดการเรียนรู้เรื่องนี้ให้มากขึ้น" นายกฯ บุญชูตอบ
งบประมาณปีละ 20 ล้าน กับการดูแลบึงฉวากฯ :
นายก อบจ.สุพรรณบุรี เผยกับทีมข่าวฯ ว่า งบประมาณดูแลสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติฯ ในแต่ละปี จะตกอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านบาท ทาง อบจ. จะเป็นคนจัดสรรงบประมาณให้บึงฉวาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำเรื่องมาว่าต้องการทำอะไรบ้าง มีการพูดคุยปรึกษากันตลอด อย่างปีที่ผ่านมาเราก็พยายามปรับปรุงตู้ปลา
"ที่บึงฉวากฯ เวลาทำอะไรไปอาจจะเห็นไม่ชัดมาก เพราะที่นี่มีอายุกว่า 20 ปีแล้ว เราก็ต้องดูแลไปเรื่อยๆ เพื่อให้สภาพคงดีอยู่เสมอ ตู้ปลาเราก็เปลี่ยนอะคริลิก เปลี่ยนบรรยากาศภายในตู้ ดังนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มเติมไม่เคยหยุดนิ่ง เพราะนโยบายของผมคือ ต่อให้ท่านบรรหารไม่อยู่แล้ว เราก็ต้องไม่ทำให้บึงฉวากฯ เสื่อมโทรม เพราะทุกอย่างมีความสัมพันธ์กัน เราอยากทำให้ทันดีต่อไปเรื่อยๆ"
ส่วนหัวหน้าฯ พูดถึงประเด็นนี้ไว้สั้นๆ อย่างกระชับว่า "งบประมาณถือว่าใช้เยอะพอสมควร ส่วนใหญ่จะเป็นค่าไฟกับค่าพนักงาน แต่รายได้ที่ได้รับมาก็ถือว่าใกล้เคียงกัน"
หัวหน้าฯ ชี้แจงเรื่องมาสคอตนีโม่ :
หลังจากได้ชี้แจงเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวไปข้างต้น ดร.ประสิทธิ์ เวทประสิทธิ์ ก็ไม่ลืมที่จะชี้แจงเรื่องมาสคอตนีโม่
"เรื่องของมาสคอต ที่จริงเรามีตัวใหม่ก็คือตัวกลาง (ชี้ที่จอ) ซึ่งทำมาหลายปีแล้ว และนำมาใช้บางโอกาสอยู่แล้ว แต่เคยเห็นเด็กที่ใช้ตุ๊กตาตัวเก่า ผ้าขนหนูเก่าไหม คนที่ใส่ชุดมาสคอตก็เหมือนกัน เขาชอบและคุ้นชินที่จะใส่มาสคอตตัวเก่า
มันมีเหตุผลเพิ่มเติมอีกว่า เด็กที่มารุ่นก่อนเขาอยากเห็นนีโม่ตัวนี้ (ตัวเก่า) เขาอยากเจอของที่เหมือนเป็นความทรงจำ ซึ่งกระแสนี้ทำให้เราต้องสั่งมาสคอตนีโม่ตัวใหม่โดยใช้รูปแบบเดิม"
หัวหน้าฯ เน้นย้ำว่า เรามีของอยู่แล้ว ไม่งั้นเราหาไม่ทันหรอก ซึ่งตัวใหม่ที่เราทำไว้ เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งคนใส่ก็ยังใส่ไม่ถนัด และคนที่เคยมาก็ยังชอบรูปแบบเก่าอยู่ และที่นี่มาสคอตจะเดินมาให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเฉพาะวันหยุดนะครับ
ความประทับใจของผู้มาเยือน :
'ครูแก้ว ณรินทร์นิตา' จากโรงเรียนอนุบาลกาญจนบุรี ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวฯ ว่า ส่วนตัวแล้วเคยเดินทางมาที่นี่ และพบว่ามีพันธุ์ปลาที่หลากหลาย พื้นที่สะอาดและสวยงาม ภาพรวมสำหรับเราคือดีมาก และเราก็คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ และสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้เด็กได้ เมื่อทางโรงเรียนมีโครงการทัศนศึกษา จึงลงความเห็นเลือกสถานที่แห่งนี้
"เราพาเด็กมาดู เรารู้เลยว่าเด็กชอบมาก เพราะปกติแล้วพวกเขาจะอยู่ในห้องเรียนและเห็นแต่รูปภาพ แต่วันนี้เมื่อได้มาเห็นของจริง เราเห็นได้ชัดว่าเด็กทุกคนตื่นเต้น และสนุกไปกับการเดินชมสัตว์น้ำ ถือว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ บางคนอาจจะรู้สึกชอบ และเกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะเรียนรู้เรื่องนี้ ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเลยก็ได้"
อีก 1 โรงเรียนที่เดินทางมาในวันนี้ คือ โรงเรียนเกาะแก้ว จาก อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาส ทาง 'ครูธนัชชา' เล่าว่า จากที่สังเกตเด็กๆ อนุบาล เราเห็นว่าเขามีความสุขและตื่นเต้นมาก เพราะคงเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับพวกเขาจริงๆ
"ส่วนตัวของเราในวัย 26 ปี แม้จะเคยเห็นมาแล้ว แต่พอเข้ามาก็รู้สึกผ่อนคลาย สบาย เย็น มองแล้วดูเพลินตามาก พื้นที่ด้านในก็กว้างขวาง สะอาด น้ำในตู้ก็สะอาดดี ส่วนตัวแล้วรู้สึกประทับใจ"
แววตาที่เหมือนเด็กในวัยผู้ใหญ่ของ 'คุณกานต์' ถูกส่งผ่านประกอบกับสิ่งที่เขาพูดว่า ผมเดินทางมาครั้งแรก ที่นี่สะอาดทั้งข้างในและข้างนอก ส่วนของตู้ปลาก็สวย น้ำใส ผมยังว้าวเลย ถึงมีกระแสบอกว่าเงียบกัน มันก็ยังดูสะอาด "ถ้าเทียบกับที่อื่นที่บอกว่าเงียบ ป่านนี้คงถูกปล่อยให้สกปรกไปแล้ว"
มาดูในมุมของเด็กน้อย จากโรงเรียนอนุบาลกาญจนบุรี กันบ้างดีกว่า 'น้องโมเดล' และ 'น้องภูมิ' คือสองอาสาสมัครตัวจิ๋วที่เดินตรงมาหาเรา หลังจาก 'ครูแก้ว' ถามว่าใครอยากคุยกับพี่ๆ บ้าง แม้ว่าน้องๆ จะยังพูดไม่เก่งนัก แต่เราก็ยังพอจับใจความได้
'น้องภูมิ' กล่าวว่า เคยมากับคุณพ่อคุณแม่แล้ว แต่เขาก็ยังบอกว่า "มาอีกก็ยังชอบอยู่ วันนี้อยากมาดูฉลามครับ"
ส่วน 'น้องโมเดล' บอกว่า "หนูมาที่นี่เป็นครั้งแรก รู้สึกสนุก ชอบดูปลาว่ายน้ำ และชอบเดินดูด้วยค่ะ"
เมื่อพี่ทีมข่าวฯ ถามว่า ครั้งต่อไปอยากมาอีกไหม เด็กน้อยสองคนตอบพลางพยักหน้าพร้อมกันว่า "อยากมาครับ/อยากมาค่ะ" น้องโมเดลพูดขึ้นต่อว่า "ครั้งหน้าอยากพาที่บ้านมาด้วย"
แผนในอนาคต และการสนับสนุนการเรียนรู้ :
ดร.ประสิทธิ์ เวทประสิทธิ์ กล่าวแสดงเจตนารมณ์ว่า เราตั้งใจให้เป็นที่ท่องเที่ยวของจังหวัด และให้เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องสัตว์น้ำให้แก่เด็กทั่วประเทศ บางจังหวัดแม้ไกลหน่อยเขาก็เลือกมา กลุ่มเป้าหมายของเราจึงเป็นนักท่องเที่ยวทั่วประเทศ รวมไปถึงครอบครัวและนักเรียน
"เราพยายามพูดคุยและสอบถามความคิดเห็นอยู่ตลอด ซึ่งคุณครูที่พานักเรียนมา ต่างบอกว่ามาที่นี่ เพราะรู้สึกว่าครบทั้งปลาน้ำจืดและปลาน้ำเค็ม เด็กๆ ได้เรียนรู้ครบจบที่เดียว"
หัวหน้าสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำฯ เสริมว่า ในอนาคตอาจจะมีการจัดทำโต๊ะนั่งเพิ่มมากขึ้น เพราะมีเด็กนักเรียนมาใช้บริการจำนวนมาก จะได้มีพื้นที่รองรับให้ทุกคนนั่งกินข้าวได้ทั่วถึง ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะต้องหารือกันต่อไป
ในส่วนแผนพัฒนาบึงฉวากฯ จากความคิดเห็นของ นายก อบจ.สุพรรณบุรี ได้กล่าวว่า ทีมงานทุกคนคิดและปรึกษากันตลอดว่า อยากเพิ่มอะไรที่แปลกใหม่ขึ้น อย่างเช่นเราเคยคิดอยากจะทำแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานและให้เป็นที่ท่องเที่ยวได้ด้วย เลยลองคุยกับผู้ออกแบบและรับจ้างว่า จะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง เช่น เอาไปไว้กลางน้ำได้ไหม แล้วทำเป็นสะพานให้คนเดินไปถ่ายรูป ซึ่งกำลังคิดอยู่
"ส่วนของพันธุ์และจำนวนปลา ถ้าจะเพิ่มเข้ามา เราต้องมีงบประมาณในการทำตู้เพิ่ม เพราะตอนนี้ที่มีอยู่ก็แน่นพอควรแล้ว ถ้านำเข้ามาอีก จะทำให้ปลาลำบาก น่าสงสารพวกมัน ตอนนี้จึงยังไม่อยากลงทุนอะไรมากเท่าไร"
นอกจากนั้น นายก อบจ. ยังกล่าวถึงการสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนว่า เราพยายามประชาสัมพันธ์ให้เด็กในจังหวัดสุพรรณบุรีมาเที่ยวบึงฉวากฯ ถ้าโรงเรียนไหนอยากจะมา ทาง อบจ. มีรถไปรับไปส่ง แถมเราจะเลี้ยงข้าวด้วย ส่วนเด็กๆ ต่างจังหวัด เราอยากให้มาวันที่ไม่ใช่ ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เพราะจะได้ดูแลได้อย่างทั่วถึง
"เราอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาเที่ยวบึงฉวากฯ การันตีได้เลยว่าจะไม่ผิดหวัง น้ำใส ปลาสมบูรณ์ ที่อื่นเก็บหลายร้อย แต่ของเรา ได้ดูพันธุ์ปลาทั้งหมดเก็บไม่ถึง 200 บาท"
ภาพ : วัชรชัย คล้ายพงษ์ #ThairathPhoto
อ่านบทความที่น่าสนใจ :