เทรนด์นักขายออนไลน์ ปี 2567 มีการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้มากขึ้น โดย "พ่อค้า-แม่ค้า" สามารถนำมาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า ขณะที่การไลฟ์สด ยังเป็นรูปการนำเสนอที่สำคัญ เช่นเดียวกับลูกค้า ที่นำ "เอไอ” มาวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของร้านค้า และการขายสินค้าที่ผ่านมาได้อย่างละเอียดมากขึ้น
การขายสินค้าออนไลน์ เทรนด์ในปี 2567 มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว โดย ผศ.ดร.สุทธิศักดิ์ จันทวงษ์โส ผู้อำนวยการหลักสูตร Master of International Digital Business (MIDB) วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์กับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า เทรนด์นักขายทั้งออนไลน์ ปี 2567 เป็นช่วงเวลาที่มีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เข้ามาช่วยคนขายสินค้ามากขึ้น ขณะที่คนซื้อสามารถใช้เอไอ ในการตรวจสอบผู้ขาย ถึงความน่าเชื่อถือก่อนตัดสินใจซื้อ
เทรนด์ปีหน้า "พ่อค้า-แม่ค้า" ออนไลน์ การไลฟ์สดยังมีความจำเป็นอยู่ แต่การนำเสนอสินค้าแบบยัดเยียด จำเป็นต้องลดลง เพราะผู้ชมเริ่มคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าผ่านไลฟ์สด ทำให้ผู้ซื้อเริ่มพิจารณาสินค้ามากขึ้น ต่างจากเดิมที่คนขายพยายามยัดเยียดให้ซื้อสินค้าเร็วๆ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากพฤติกรรมคนไทยเป็นคนขี้เกรงใจ เมื่อถูกจู่โจมจากคนขาย ก็ตัดสินใจซื้อเพราะเกรงใจ
...
“ปัจจัยที่ทำให้การขายสินค้าแบบไลฟ์สด ต้องเปลี่ยนการนำเสนอ มาจากการแพร่ระบาดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มักจู่โจมเหยื่อด้วยคำถามอย่างรวดเร็ว เลยทำให้คนไทยเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น ส่วนสินค้าที่นำมาขายในไลฟ์สด เป็นสินค้าราคาไม่สูงมาก เช่น เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ขณะเดียวกันกลวิธีการขายก็เป็นเรื่องสำคัญ แม้เป็นสินค้าที่ราคาไม่แพงมาก แต่ถ้ามีการจูงใจ ลดแลกแจกแถม สามารถขายสินค้าได้มากขึ้น”
แพลตฟอร์มในการขายสินค้าที่จะลดความนิยมในปีหน้า ได้แก่ "เมตาเวิร์ส" ถูกแทนที่ด้วย “แชตจีพีที” (ChatGPT) ขณะที่แพลตฟอร์มเดิมที่ได้รับความนิยมอยู่ เช่น เฟซบุ๊ก ติ๊กต่อก อินสตาแกรม ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีเอไอ เข้ามาช่วยให้การขายมีลูกเล่นในการวิเคราะห์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนมากขึ้น
ด้านอีเมล และช่องทางในโซเชียล นักขายหลายคนอาจมองข้าม แต่ยังมีความจำเป็นอยู่ ในการสร้างความน่าเชื่อถือ และเป็นฐานข้อมูลสำคัญให้ลูกค้าใช้ในการค้นหา ประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้า
น่าสนใจว่า "คลับเฮาส์" ในต่างประเทศยังเป็นช่องทางสำคัญในการขายสินค้า ต่างจากไทยที่คนเริ่มเล่นน้อยลง จึงทำให้นักขายในไทยใช้ช่องทางนี้ลดลง
...
ปี 2567 AI ปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาเปลี่ยนแปลงนักขาย
ผศ.ดร.สุทธิศักดิ์ วิเคราะห์เทรนด์ของนักขายในปี 2567 ว่า AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ จะเข้ามีอิทธิพลต่อการขายสินค้ามากขึ้น เดิมลูกค้าหาสินค้า หรือข้อมูลของร้านค้าผ่านการค้นหาของกูเกิล แต่ตัว AI มีความฉลาดมากขึ้นกว่าเดิม ในการช่วยให้ผู้ซื้อวิเคราะห์ เบื้องหลังของผู้ขาย ว่าสินค้าที่ขายเคยมีปัญหา หรือให้บริการที่ผ่านมาดีหรือแย่ ส่วนคนขายเองก็สามารถใช้ระบบเอไอ สำเร็จรูปในการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้บริโภค เพื่อหาสินค้าและบริการตรงกับความต้องการมากที่สุด
AI ช่วยให้คนขายสินค้ารู้กลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีโปรแกรมสำเร็จรูป ช่วยเหลือคนขายสินค้าที่ไลฟ์สดในการตอบลูกค้าระหว่างไลฟ์สดได้ทันที
โปรแกรมที่จะช่วยวิเคราะห์ได้ คือ Google Bard และแชตจีพีที (ChatGPT) ขณะเดียวกันโปรแกรม AR และ VR ยังมีความสำคัญในการนำเสนอสินค้าให้มีความน่าสนใจมากขึ้น
ส่วนเทรนด์สินค้าที่นำมาขาย ปัจจุบันจะไม่ใช่สินค้าเพียงอย่างเดียว แต่มีอุปกรณ์เสริม และการบริการหลังการขายเข้ามาช่วยลูกค้า ให้ได้รับบริการตรงจุดมากขึ้น ขณะเดียวกันเทรนด์สินค้าที่มีราคาแพง มีขายจำนวนจำกัด ถือเป็นอีกฐานลูกค้าที่น่าสนใจในปี 2567
...
สำหรับพ่อค้า-แม่ค้า ที่ยังไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ควรเริ่มต้นในการใช้ผ่านโปรแกรมสำเร็จรูป ในแพลตฟอร์มร้านค้าที่มีบริการเช่น ช้อปปี้ หรือ ลาซาด้า ที่มีโปรแกรมสำเร็จรูปเข้ามาช่วย ทำให้สามารถไลฟ์สด และปิดการขายได้เร็วมากขึ้น
สิ่งที่คนขายสินค้าต้องมี เมื่อมีเทคโนโลยีเอไอ เข้ามาตรวจสอบ คนขายต้องมีจรรยาบรรณ ไม่โกหก หลอกลวง ใช้คำที่รุนแรงกับลูกค้า ส่วนการนำเสนอสินค้า ต้องทำความเข้าใจกับคนซื้อให้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน การมีหน้าร้านยังมีส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมในการขาย เนื่องจากผู้บริโภคบางรายยังอยากจับต้องสินค้า บางอย่างอยู่ จึงจำเป็นต้องลองสินค้าก่อนการซื้อ ประกอบกับตอนนี้ลูกค้าต้องการความเชื่อมั่นมากขึ้น การมีหน้าร้าน ก็เป็นการการันตี ถึงความมีตัวตนของร้านค้าด้วย.