สถานการณ์ต่างชาติเที่ยวไทย เข้าเป้าเฉลี่ยเดือนละกว่า 2 ล้านคน 7 เดือน โกยเงิน 6.5 แสนล้าน โกจง ประธาน สทท. หนุนนายกฯ ดันท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ แนะอย่าลืม ไทยเที่ยวไทย...

คิกออฟกระตุ้นเศรษฐกิจทันที สำหรับ “เศรษฐา ทวีสิน” หลังจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ และเรื่องแรกที่จัดการ คือ การลดค่าพลังงาน โดยลดดีเซล จากภาษีสรรพสามิต และน้ำมันเบนซิน จากค่าการตลาด และให้มีผลทันที 20 ก.ย.

นอกจาก นโยบายน้ำมัน ก็ลุยเรื่องการท่องเที่ยว จัด “ฟรีวีซ่า” ให้อีก 2 ประเทศ ได้แก่ จีน และคาซัคสถาน แบบว่าให้ชาวคาซัคสถานหนีหนาวมาพักร้อนเจอลมทะเลในไทย...

ท่องเที่ยวไทย ยังเข้าเป้า เงินเข้ากระเป๋า 6.5 แสนล้าน 

สำหรับเป้าหมายเศรษฐกิจการท่องเที่ยวปีนี้ รัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทย ปี 2566 รวม 25 ล้านคน หรือเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน กระทั่งผ่านมาถึงเดือน 9 แล้ว ถือว่ามีแนวโน้มที่ดี และเมื่อไปดูตัวเลขที่ กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เก็บไว้ ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม (7 เดือน) ก็พบว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย รวม 15 ล้านคน ค่าเฉลี่ยแต่ละเดือน คือ 2.2 ล้านคน เรียกว่าเป็นไปตามเป้าหมาย 

ขณะที่ 5 อันดับ ชาวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวไทย ได้แก่ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และรัสเซีย ขณะที่รายได้จากชาวต่างชาติรวมกว่า 6.5 แสนล้านบาท 

...

ฟรีวีซ่า กระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว มาถูกทาง

โกจง ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) บอกกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า หากนับถึงเดือน 8 จริงๆ (สิงหาคม) ก็พบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทย 18,530,280 คน ซึ่งค่าเฉลี่ยก็มากกว่า 2 ล้านคน ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้  

โดยในช่วง 2 ไตรมาสแรกถือว่ามีนักท่องเที่ยวเข้าตรงเป้า มีเพียงไตรมาสที่ 3 ที่ดูชะลอตัว ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลทำ เริ่มหมด รวมไปถึงงบประมาณต่างๆ ก็เริ่มใช้หมด 

แต่ภายหลังจากได้รัฐบาลแล้ว ทิศทางเป็นบวกทันที โดยเฉพาะ 2-3 เรื่องที่ทำให้ภาคเอกชนรู้สึกมั่นใจ ได้แก่ 1.นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว หากรัฐบาลใดได้นายกรัฐมนตรีมานั่งหัวโต๊ะคุมการท่องเที่ยว จะทำให้การทำงานเดินได้เร็วมาก และ 2.การเดินนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวทันที ได้แก่ การฟรีวีซ่าช่วง 5-6 เดือน ในช่วงไฮซีซั่น ถือเป็นนโยบายที่ถูกที่ถูกเวลา เป็นการกระตุ้นให้ไตรมาส 3 ที่ตัวเลขยังไม่ค่อยดีนัก 

“หากเป็นไปได้ สิ่งที่อยากนำเสนอ คือ การกระตุ้นการท่องเที่ยวในลักษณะ “ไทยเที่ยวไทย” ด้วย เพราะเป็นการ “ลดความเสี่ยง” ที่ไม่ได้แต่หวังตัวเลขต่างชาติ หากทำในเวลาเดียวกัน ในการกระตุ้นท่องเที่ยวต่างชาติ และไทยเที่ยวไทยด้วย จะเป็นการดี” 

ประธาน สทท. ยังได้ยกตัวอย่างการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ด้วยการส่งเสริมให้มีรถบัสท่องเที่ยวเดือนละ 5,000 คัน เพื่อให้ไปท่องเที่ยวในทุกภูมิภาค โดยกินระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างรอช่วงไฮซีซั่น ซึ่งข้อดีของการใช้รถ คือ การกระจายเงินไปถึงมือประชาชนในทุกๆ ภาคส่วน ไม่ใช่แต่จะมุ่งไปที่เครื่องบิน 

“สาเหตุที่สนับสนุน ไทยเที่ยวไทย ด้วย เพราะถึงแม้เราจะกระตุ้นด้วยการ ฟรีวีซ่า แต่ความเป็นจริงใช่ว่าจะมีนักท่องเที่ยวแห่มาเที่ยวแบบถล่มทลายทันที สิ่งสำคัญของการท่องเที่ยว คือ การพึ่งพาระบบโลจิสติกส์ในการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ การจะเพิ่มเที่ยวบินก็ใช่ว่าจะทำได้อย่างเร็ววัน ฉะนั้นถ้าเราเติมไทยเที่ยวไทยก่อน สถานประกอบการต่างๆ จะรักษาสถานะผู้ประกอบการไว้ได้ มีเม็ดเงินมาเลี้ยงดูลูกน้อง รวมถึงดูแลรถท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวของตนเองที่เสื่อมโทรม” 

ทำไม ฟรีวีซ่า จีน และคาซัคสถาน กับอนาคตท่องเที่ยวยั่งยืน 

โกจง อธิบายการฟรีวีซ่า ที่รัฐบาลเริ่มต้นนั้น ไม่ได้มีผลแต่ประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายเข้าประเทศ เพียงแต่มันทำให้เขาเข้าเมืองได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าจะให้ดี คือ ต้องไปลด “คอขวด” ที่ค้างอยู่ในสนามบินได้ ก็จะทำให้ช่วยให้นักท่องเที่ยวรู้สึกดี ได้ประสบการณ์ดีๆ จากเมืองไทย ตั้งแต่สนามบิน ไป-กลับอย่างราบรื่น ซึ่งการ “บอกต่อ” ของนักท่องเที่ยวนี่เองจะเป็นสื่อที่ดีที่สุด

...

“หลายคนเห็นชื่อประเทศ คาซัคสถาน ก็งงว่าเพราะอะไรต้องฟรีวีซ่าให้ประเทศนี้ ความจริงคือ นายกฯ และรัฐบาลทำการบ้านมาอย่างดี เพราะ คาซัคสถาน ถือเป็นประเทศที่มีประชากรที่มีสถานะการเงินดี และชอบเดินทางมาเที่ยวภาคใต้ของเรา โดยเฉพาะ “ภูเก็ต” กลุ่มนี้ถือเป็นนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งการให้ ฟรีวีซ่า ถือเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบไม่จำเป็นต้องเติมเงินกระตุ้น ถือว่าเป็นการใช้แผนที่ฉลาดมาก” 

เมื่อถามว่า มีชาติไหนที่ควรต่อยอด อธิบายว่า “หลายคนไม่เข้าใจระบบการท่องเที่ยว ซึ่งความจริงเราจะมาหวังพึ่งชาติใดชาติหนึ่งเป็นพิเศษไม่ได้ เราต้องการเฉลี่ยนักท่องเที่ยวหลายๆ ประเทศ ที่ผ่านมาเราหวังพึ่งจีนมากเกินไป มีนักท่องเที่ยวจีนเคยเดินทางมากที่สุดถึง 30% จากตัวเลขทั้งหมด แล้ววันหนึ่งคนจีนหายไป คนที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคนจีนก็จะได้รับผลกระทบทันที ฉะนั้นวันนี้เราต้องพูดเรื่องความเสี่ยงต่างๆ ที่แท้จริง และอย่าพึ่งตลาดหนึ่งตลาดใดมากเกินไป”

โกจง กล่าวว่า ในอนาคตการท่องเที่ยวจะมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) หรือจะพัฒนาและประกาศไปเลยว่า “ประเทศไทย เมืองเกษียณโลก” ถ้าเราประกาศไปว่าประเทศไทย คือเมืองที่น่าอยู่ เหมาะกับการอาศัยของคนวัยเกษียณ นี่คือการ “ต่อยอด” บอกไปเลยว่าไทยพร้อมสำหรับคนวัยเกษียณเหล่านั้น 

...

“หากเราได้นักท่องเที่ยวที่อาศัยในเมืองไทยแบบระยะยาวมากขึ้น หรือคนวัยเกษียณเข้ามา ก็จะมีเม็ดเงินเข้ามามหาศาล และที่สำคัญคือ นี่คือนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง”

โกจง ย้ำว่า สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้คือ การ REDESIGN หรือออกแบบการท่องเที่ยวแบบใหม่นำไปสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ คนตัวเล็ก หรือตัวใหญ่ ต้องได้โอกาส ไม่ใช่แค่มุ่งไปที่ใดที่ไหนแห่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ต้องทำ และต้องเร่งทำในเวลานี้ คือ อัปสกิล รีสกิล ให้กับทรัพยากรบุคคลในภาคการท่องเที่ยว เพื่อสร้างมาตรฐานคน จิตสำนึก การเป็นเจ้าบ้านที่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันต้องทำควบคู่กันไปเพื่อให้ความสุขกลับมาดังเดิม 

“ท่องเที่ยว” วาระแห่งชาติ ต้องช่วยผู้ประกอบการอย่างเท่าเทียม 

ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการจำนวนมากล้มหายตายจากจากปัญหาโควิด จะช่วยเหลืออย่างไร นายชำนาญ ยอมรับว่า ก็หายไปจำนวนหนึ่งหายไป ผู้ประกอบการบางรายอยู่ไม่ไหวก็ต้องยอมรับ แต่เท่าที่ประเมินในเวลานี้ จำนวนหนึ่งยังรองรับการท่องเที่ยวได้ไหว ขณะเดียวกันแรงงานบางส่วน เขาขยับตัวไปตามกระแสการจ้าง 

...

“แรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่ได้มีค่าจ้างถูกนะครับ อย่าง มัคคุเทศก์ ค่าแรงวันละ 2,000 บาท ซึ่งถือเป็นแรงงานที่มีทักษะ อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างจริงจังใน 100 วันแรกได้ มันก็จะส่งผลดีต่อการจ้างงาน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้นมันเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง ทบวง กรม ไม่ได้มีแค่การท่องเที่ยว เพราะมันเกี่ยวข้องกับการจ้างงาน ทางที่ดีก็อยากให้รัฐบาลสนับสนุนการท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ” 

โกจง กล่าวว่า ถ้านายกฯ ประกาศเป็นการท่องเที่ยวแห่งชาติ ก็จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มาก ซึ่งความจริงนโยบายบางเรื่องไม่จำเป็นต้องใช้เงินเลย เช่น โรงแรมหลายๆ แห่งต้องการใบอนุญาต หากเขาได้ใบอนุญาต เขาก็จะสามารถกู้แบงก์ได้...

ทีมข่าวฯ ถามทันทีว่า ปกติแล้วโรงแรมเล็กๆ มักไม่มีอนุญาตเป็นเพราะอะไร ประธาน สทท. บอกว่า เรื่องนี้มันเป็นกฎหมายที่ค้างคามานานแล้ว บางอย่างมันต้องปรับในส่วนของกฎหมาย เช่น หากทางเดินขาดเนื้อที่ไป 3 ซม. ก็ไม่อนุญาตเปิดโรงแรม 

“ของแบบนี้บางครั้งต้องให้โอกาสกับคนยากจน คนตัวเล็กบ้าง ผู้ประกอบการเหล่านี้อยากจะเข้าระบบอยู่แล้ว แต่ภาครัฐต้องการให้เขาเข้าระบบหรือไม่ ภาครัฐควรเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ หากเห็นอะไรไม่ถูกต้อง ไม่ปลอดภัย ต้องสั่งแก้ไข แล้วมาขอจดใหม่ บางอย่างก็จำเป็นต้องเซอร์วิสประชาชนบ้าง อะไรไม่ดีก็บอกให้แก้ไขเป็นเรื่องเป็นราว และระบบราชการกับเรื่องเหล่านี้ก็อยากให้รวดเร็ว เหมือนกับการทำพาสปอร์ต ซึ่งผมก็หวังว่าหากนายกฯ นั่งหัวโต๊ะแล้วจะสั่งการแก้ปัญหาทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วกว่านี้” ประธาน สทท. กล่าว.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

อ่านบทความที่น่าสนใจ