คุยกับ “ตั๊กเพาะกล้า” เจ้าของสวนเพาะกล้า ผักสวนครัว จากขอนแก่น ใช้ที่ดินน้อย รายได้หลักล้าน ความสุขล้นเพราะรักในงาน ดูแลเหมือนลูก...
การทำงานที่รัก จะรู้สึกเหมือน ไม่ได้ทำงาน
หลายคนพูดคำนี้ หลายคนต่างใฝ่ฝันอยากจะทำอาชีพที่ตนชอบและสนใจ
คนจำนวนมากไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็มีไม่น้อยที่ได้ทำตามฝัน
คุณ ตั๊ก สิริกร ชาญชำนิ เจ้าของสวน "ตั๊กเพาะกล้า" ผักสวนครัวทุกชนิด ตั้งอยู่ที่ บ้านท่าโพธิ์ ตำบลท่ากระเสริม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น โดยเริ่มต้นกิจการกว่า 15 ปี แต่มีประสบการณ์เกี่ยวกับ “เมล็ดพันธุ์พืช” มาก่อน 20 ปี
ทิ้งเงินเดือน 40,000 เกือบ 30 ปีก่อน
ตั๊ก สิริกร ในวันนี้วัย 53 ปี เล่าให้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ฟังว่า ตอนเรียนก็พอมีความรู้ด้านเกษตรบ้าง คือ เรียนจบเกษตรแม่วัง (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาลำปาง) จากนั้นก็มีโอกาสได้มาเป็นเซลส์ให้กับบริษัทเมล็ดพันธุ์พืชแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม ด้วยบริษัทแห่งนี้เป็นเพียงบริษัทเล็กๆ พนักงานไม่ได้มาก แต่ละคนจึงต้องทำหน้าที่หลายอย่าง นอกจากเราจะเป็นเซลส์แล้ว เรายังช่วยทำงานอื่นๆ หลายอย่าง โดยความรู้เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์พืชก็ได้จากการทำงานที่บริษัทแห่งนี้
...
“ตอนนั้นเกือบ 30 ปีก่อน เราได้เงินเยอะมาก เพราะเป็นเซลส์ได้ค่าคอมมิชชั่น และยังมีโอทีต่างๆ แต่ละเดือน ได้เงินเกิน 4 หมื่นบาท อีกทั้งเราเป็นคนที่ประหยัด บางครั้งออกไปขายของต่างจังหวัดก็จะประหยัดเบี้ยเลี้ยง โดยเลี่ยงจะเสียเงินค่าโรงแรม อาศัยไปนอนตามปั๊มเอา เราก็เก็บหอมรอมริบเรื่อยมา กระทั่งวันหนึ่งมีการถ่ายเลือดเก่าเลือดใหม่ มีการเปลี่ยนแปลง เราจึงตัดสินใจลาออกจากบริษัท ซึ่งเวลานั้นเราเริ่มสร้างครอบครัวด้วย จึงเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม”
เจ้าของกิจการ “ตั๊กเพาะกล้า” เผยว่า หลังจากลาออก สิ่งที่คิดคือ ถ้าเราไม่ทำงานด้าน “นักวิชาการเกษตร” ก็คงต้องเปิดกิจการที่เกี่ยวกับการเพาะกล้าพันธุ์ผักขาย
เริ่มต้นอาชีพ "เพาะกล้า" เจอปรามาส จะขายใคร!
และผลก็เป็นไปอย่างหลัง.... นางสิริกร เผยว่า ตอนที่ลาออกมา มีเงินเก็บล้านกว่าบาท มาลงทุนที่บ้านเกิด จ.ขอนแก่น ตอนแรกที่เริ่มทำ ก็เจอปรามาสทันที!
“เพาะพันธุ์กล้าขาย ใครจะซื้อ เพราะแต่ละบ้านเขาก็มีอยู่แล้ว”
นี่คือเสียงจากชาวบ้านใกล้เคียง เขาไม่ได้มองร้ายกับเรา แต่เขาพูดสิ่งที่เขาคิดเท่านั้น แต่ด้วยความชอบเรา เราก็ยังทำต่อ โดยเพาะกล้าพันธุ์ ควบคู่กับการเป็นหมอยาพันธุ์พืช รวมถึงขายปุ๋ย ขายสินค้าอื่นๆ
2 ปีขายไม่ได้ ต้องแจกจ่ายเป็นของแถม ให้ฟรี
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชาวบ้านพูดก็มีส่วนถูกต้อง คือ เราเปิดร้านหวังจะขายพันธุ์กล้าผัก แต่เราขายไม่ได้เลยตลอด 2 ปี
“ยอมรับว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่ลำบาก เรียกว่า อุปสรรค ปัญหาในชีวิตมีเข้ามาเรื่อยๆ ล้มลุกคลุกคลาน แต่เราก็ไม่ท้อ ใครมีปัญหาเรื่องการปลูกพืช เจอรา เจอแมลง หรือพืชเน่า เขาก็มาปรึกษา พร้อมให้ยาแก้ไข ซึ่งเมื่อให้คำปรึกษาเสร็จ เราก็แจกกล้าพันธุ์ที่เราเพาะไว้ไปให้คนละถาด จากตรงนั้นเอง ทำให้เราเริ่มมีลูกค้าบ้าง แต่เราก็ต้องทนแบบนี้ถึง 6 ปี กระทั่งมีวันหนึ่งมีนักข่าวจากช่อง 9 เข้ามาขอสัมภาษณ์ลงข่าว เราก็งงว่าทำไมเขาถึงเข้ามาหาเรา”
พี่ตั๊ก สิริกร บอกว่า จากการสอบถาม นักข่าวเขาเล่าให้ฟังว่า เขาได้ไปสัมภาษณ์เกษตรกรหลายๆ คน ที่เป็นลูกสวน ที่ประสบความสำเร็จในการปลูกผัก และหลายคนนั้นเขาก็บอกว่านำเมล็ดพันธุ์มาจากเรา
...
“2 ปีแรกลำบากมาก เรียกว่าเกือบตาย เพราะไม่ได้ขายเลย แต่ยังดีที่ยังพอขายยาพืช ยาแมลง ได้บ้าง ส่วนต้นกล้า พันธุ์พืช ขายไม่ได้เลย แถม แจกอย่างเดียว ถามว่าท้อไหม ตอบเลยไม่ท้อ เพราะเรามีความุ่งมั่นและใฝ่ฝัน โดยมีความตั้งใจว่าเรา “ต้องรวยทางนี้ให้ได้” หากไม่ให้เราทำต้นกล้า หรือขายยาพืช เราก็ทำอย่างอื่นไม่เป็น กระทั่งปีที่ 6 ถึงเริ่มฟื้น”
หัวใจสำคัญคือ ใจรัก มุ่งมั่น และความซื่อสัตย์
เจ้าของสวนตั๊กเพาะกล้า เผยว่า สิ่งสำคัญในการทำงานขายต้นกล้า คือ มีใจรัก และมุ่งมั่น สำคัญที่สุด คือ ความซื่อสัตย์ เช่น ขายพันธุ์พริกมี 4-5 สายพันธุ์ ถ้าสมมติว่าลูกค้าอยากได้พันธุ์ที่ 1 หมด เราก็ต้องบอกเขาตรงๆ ว่ามันไม่มี แต่ก็แนะนำพันธุ์อื่นให้ แต่เราจะบอกลูกค้าตรงๆ เพราะการปลูกพืชผัก บางครั้งจะดูยากหากมันจะเป็นแค่กล้าอ่อน ตรงนี้เองความซื่อสัตย์จึงสำคัญ
นางสิริกร เผยว่า การซื้อขายสินค้า ลูกค้ามีสิทธิ์เลือกจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ คนขายก็มีเยอะ แต่ด้วยความซื่อสัตย์และความใส่ใจของเรา จะทำให้เขาคิดถึงเรา แม้ของเราจะแพงกว่าเจ้าอื่นนิดหน่อยก็ตาม ซึ่งเขาจะมั่นใจในสินค้าของเรา
...
ใช้เนื้อที่ 3 งาน เพาะกล้าขาย รายได้เป็นล้าน!
สำหรับขั้นตอนการเพาะกล้า นางสิริกร อธิบายว่าขั้นตอนสำคัญที่สุดคือ การใช้ดินที่ดี คือ ดินพีทมอส ซึ่งถือว่าเป็นดินที่มีต้นทุนราคาสูง แต่ว่าเวลามาเลี้ยง มาปลูกพืช มันให้ผลที่ดี
เราใช้ที่ดินประมาณ 3 งาน ปลูกต้นกล้าเป็นถาด (จำนวน 105 ต้น) จำนวนประมาณ 600 ถาด (ประมาณ 50,000 ต้น) รายได้ที่รับไม่แน่นอน บางปีรายได้ดี ก็มีเงินเป็นล้าน แต่ว่ารายได้นี้ยังไม่หักค่าใช้จ่ายนะ แต่เมื่อหักแล้ว ค่าลูกจ้าง ค่าปุ๋ย ค่าดิน ค่าเมล็ดพันธุ์ รวมถึงโอกาสความเสียหายของพืช มันก็พออยู่ได้
“ช่วงที่ผ่านมา แม้จะมีช่วงที่ขายดี แต่ก็มีบ้างที่ขายไม่ได้ โดยเฉพาะช่วงโควิด ช่วงน้ำท่วม มันก็ทำให้ผลผลิตเราเสียหาย ถึงวันนี้ก็ไม่ถึงกับรวยอะไร มีหนี้สินอยู่บ้าง แต่เราก็มีความตั้งใจ ปลูกต้นกล้าแบบนี้ เพราะเรามีความรักกับมัน รักต้นกล้า ตื่นเช้ามา มาดูต้นกล้าเหมือนกับได้เห็นหน้าลูก เท่านี้ก็มีความสุข ได้ทำงานสิ่งที่รักก็มีความสุขแล้ว” นางสิริกร กล่าวและว่า
...
ชีวิตเราเจออุปสรรคมามาก ล้มลุกคลุกคลานมาแล้วหลายหน แต่ก็ไม่เคยรู้สึกท้อถอย เนื่องจากชีวิตเราเริ่มจากศูนย์ แต่เวลาหกล้ม เราอาจกลับไปที่ 1 หรือ 3-4 ถึงมันจะล้มอีกที เราก็ไม่กลัว เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยมีเงินขนาดนี้ และที่สำคัญคือ เรามีลูกค้าประจำ ทำให้เรามีแรงฮึดกลับมาใหม่ได้
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของ คุณตั๊ก สิริกร ชาญชำนิ เจ้าของสวนเพาะกล้า ที่มีความมุ่งมั่น ซื่อสัตย์ ทำให้ได้ทำงานอย่างที่ฝันตั้งใจได้
แล้วท่านผู้อ่านล่ะ อยากปลูกพืช ทำสวน หรือหันเหมาทำเกษตรเป็นของตนเองบ้างไหม?
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านบทความที่น่าสนใจ