อาชีพนักสืบ ตามจับเมียน้อย และเฝ้าดูพฤติกรรมของสามีที่นอกใจ กำลังได้รับความสนใจจากสังคม เพราะมีส่วนสำคัญที่เมียหลวง จะนำหลักฐานที่สายลับรวบรวมให้ ไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในชั้นศาล ทั้งจากสามีและมือที่ 3 จากประสบการณ์นักสืบกว่า 10 ปี ของนักสืบรายหนึ่ง เปิดเผยว่า อาชีพที่นอกใจมากสุดคือ ข้าราชการ โดยเฉพาะตำรวจ ทหาร นักสืบต้องใช้ประสบการณ์ในการติดตาม แต่รายได้ของนักสืบก็สูงถึงเดือนละหลักแสนบาท

นักสืบรายหนึ่ง ทำงานมากว่า 10 ปี เปิดเผยกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ถึงกรณีเมียหลวงให้สืบหาหลักฐาน และเฝ้าติดตามสามี ที่ไปมีมือที่ 3 มีมากขึ้นถึง 90% เฉลี่ยมีงานเดือนละ 10 - 20 เคส โดยคนที่มาจ้างส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ที่รู้ว่าสามีมีภรรยาน้อย แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจน เลยมาจ้างนักสืบให้ติดตาม

ส่วนอีกกรณีฝ่ายหญิงเริ่มสงสัย แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เลยให้นักสืบติดตามสามี เพื่อหาข้อพิรุธ โดยฝ่ายหญิงบางรายจดทะเบียนสมรส หรือยังไม่ได้จดก็ตาม

กรณีที่ตามสืบง่ายเป็นการนัดกันในที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร แต่ถ้าเป็นพื้นที่ส่วนตัวค่อนข้างใช้ความสามารถในการเข้าไป เช่น โรงแรม บ้าน ที่ทำงาน โดยรายที่ยากต้องมีการปลอมตัวคือ ต้องเปลี่ยนชุดบ่อย เพื่อไม่ให้จับได้ หรือสลับคนไปเฝ้า

...

พื้นที่ส่วนใหญ่ที่มักจะนัดไปคือ โรงแรม จะต้องแอบไปเฝ้าในพื้นที่ใกล้เคียง แต่มีบางรายที่หนักถึงขนาดว่า ซื้อบ้านแยกไว้อีกหลัง เพื่อนัดเจอเมียน้อยโดยเฉพาะ บางคนเปย์ให้เมียน้อยแทบทุกอย่าง ขณะเดียวกัน มีผู้ชายชาวต่างชาติ จ้างให้ติดตามภรรยาคนไทยอยู่หลายครั้ง

ตอนนี้เคสทหาร ตำรวจ มีค่อนข้างมาก แต่การติดตามต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะคนกลุ่มนี้ระมัดระวังตัว และเคยฝึกยุทธวิธีมาก่อน หลายรายต้องใช้ทักษะขั้นสูงในการติดตาม เช่น การปลอมตัวเข้าไปในบ้านพักทหาร เพราะนำเมียน้อยเข้าไปในบ้านพัก บางครั้งต้องไปดักรอหน้าค่ายอยู่หลายวัน

ยุคปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีมือถือทันสมัย อาจไม่จำเป็นต้องซ่อนกล้องเหมือนแต่ก่อน แต่จะถ่ายรูปเพื่อมาเป็นหลักฐานในการฟ้องร้องของภรรยาหลวง แต่ต้องรู้มุมและจังหวะ เช่น กำลังจูงมือ โอบกอดในที่สาธารณะ ที่ผ่านมาบางเคสถูกจับได้ หลายรายก็ให้ภรรยามาเจรจา เนื่องจากเป็นผู้สั่งให้เราติดตาม

มือที่สามในยุคนี้ ส่วนใหญ่อยากแสดงสถานะความเป็นเจ้าของ บางรายโพสต์ในโซเชียล ให้เมียหลวงเห็น โดยไม่อายว่าคนอื่นจะว่าอย่างไร เช่น ถ่ายรูปภาพกระจกมองข้างในขณะที่ฝ่ายชายเดินลงจากรถ แล้วมุมภาพเห็นว่ามีตัวเองอยู่ ซึ่งเมียหลวงหลายรายต้องจ้างนักสืบ เพราะทนไม่ไหวที่เมียน้อย โพสต์รูปหรือข้อความเหน็บแนม จนต้องทำการฟ้องให้เข็ด

คนที่นอกใจส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน หลายรายเจอกันในที่ทำงาน หรือเคยติดต่อกันผ่านการทำงาน ส่วนกลุ่มนักศึกษาจะพบได้น้อยมาก อายุคนที่นอกใจเฉลี่ยอยู่ที่ 30 ปี สำหรับการจ้างงาน มีในพื้นที่กรุงเทพฯ 60% พื้นที่ปริมณฑล และชลบุรี

การทำงานแต่ละเคสใช้เวลา 7 - 10 วัน ขณะที่ราคาการจ้างนักสืบอยู่ที่วันละ 2,000 - 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยากในการติดตาม ตอนนี้มีการเฝ้าติดตามพฤติกรรมสามีของลูกค้าผ่านการติดจีพีเอส บนรถกว่า 10 คัน หลายเคสติดตามจนงานสำเร็จได้รวดเร็ว เพราะติดจีพีเอส

“ตอนนี้มีคนที่มาทำงานนักสืบเพื่อจับกิ๊กมีอยู่หลาย 10 บริษัท แต่มีพวกที่หลอกลวงเอาเงิน ลูกค้าหลายราย โดยรายได้ของนักสืบ ถ้าเป็นเจ้าของบริษัทมีรายได้ 50,000 - 150,000 บาท ซึ่งนักสืบส่วนใหญ่จะไม่เปิดเผยตัวให้คนอื่นรู้”.