นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประเมินศึกเลือกตั้ง 66 เกมหนัก ขัดแย้ง ดุเดือด และสูสี เชื่อทุกพรรคจัดเต็มแน่นอน...

“ศึกเลือกตั้ง 2566 ที่ใกล้มาถึงจะเป็นการต่อสู้ภายใต้ความขัดแย้ง ที่เต็มไปด้วยความดุเดือดสูสี และจะเป็นเกมหนักที่ทุกพรรคการเมืองสู้กันเต็มที่แน่นอน!” เหตุใด?...ขุนศึกผู้เจนจบการเลือกตั้งและคลุกคลีการเมืองไทยมาอย่างยาวนานอย่าง “นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า จึงมีมุมมองเช่นนั้น และขุนศึกผู้นี้ถึงคราวต้องหวนคืนลงสนามเลือกตั้งเพื่อรักษาฐานที่มั่นสำคัญอย่างเมืองโคราชแล้วหรือยังวันนี้ “เรา” ไปร่วมรับฟังทุกคำตอบผ่าน “ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์” ในวันนี้...

“นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า
“นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า

...

สุวัจน์ ลิปตพัลลภ กับศึกเลือกตั้ง 66 :

“ปัจจุบันพรรคชาติพัฒนากล้า มีผมทำหน้าที่เป็นประธานพรรค คุณกรณ์ จาติกวณิช เป็นหัวหน้าพรรค คุณเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็นเลขาธิการพรรค ส่วนใครจะลง ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี...ตั้งแต่ผมทำงานการเมืองมา ไม่เคยเห็นประเทศชาติบอบช้ำจากปัญหาเศรษฐกิจขนาดนี้มาก่อน เพราะฉะนั้นในเมื่อผมสั่งสมประสบการณ์ทางการเมืองมานานถึง 35 ปี วันนี้ก็ถือเป็นวันเวลาที่ต้องช่วยกันคิดช่วยกันทำ มีสรรพกำลัง มีปัญญา มีประสบการณ์ มีความรู้อะไรก็ต้องใส่มาให้เต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน

แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี :

“สำหรับประเด็นเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคชาติพัฒนากล้า อยากให้รอยุบสภาก่อน ทางพรรคจึงจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ส่วนตัวผมไม่ได้ปฏิเสธนะ...(หัวเราะ) แต่ทุกอย่างขอให้มีความชัดเจนตามปฏิทินการเมืองเสียก่อน”

เป้าหมายพรรคชาติพัฒนากล้า :

“เป้าหมายขั้นต่ำของพรรคพัฒนากล้า คือ อย่างน้อยที่สุดขอให้ได้ ส.ส. รวมกัน 25 คน เพื่อให้สามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ 1 รายชื่อ ตามรัฐธรรมนูญ ส่วนขั้นสูงสุด ไม่ทราบ...(หัวเราะ)”

ฐานที่มั่นพรรคชาติพัฒนากล้า ศึกเลือกตั้ง 66 :

“สำหรับพรรคชาติพัฒนากล้า ก็คงต้องเน้นที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นลำดับแรก เพราะถือเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเรา เราเกิดที่นี่เราก็ต้องสู้ตายที่นี่ เพราะเรามีผลงานมากมายที่ผูกพันกับชาวโคราชมายาวนานตั้งแต่ก่อตั้งพรรคเป็นต้นมา ฉะนั้นเราจึงอยากทำงานต่อเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับชาวโคราชต่อไป

สำหรับกรุงเทพมหานคร ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ทางพรรคอยากมี ส.ส. เพราะ ท่าน พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ท่านได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า จะเป็นพรรคการเมือง ยังไงก็ต้องมี ส.ส.กรุงเทพฯ เพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวง ซึ่งในส่วนนี้ คุณกรณ์ จาติกวณิช จะเป็นแม่ทัพหลักในการดูแล”

ยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคชาติพัฒนากล้า :

ยุทธศาสตร์หลักที่พรรคชาติพัฒนากล้าจะนำมาใช้ คือ การนำเสนอการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชน โดยการวางแพลตฟอร์มใหม่ให้กับระบบพื้นฐานทางเศรษฐกิจประเทศ ที่จะนำไปสู่การสร้างขีดความสามารถทางด้านการแข่งขันให้กับภาคเศรษฐกิจ เพื่อให้สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนท่ามกลางภาวะผันแปรที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

“เรากำลังจะบอกว่า ต้องหางานใหม่ให้กับประชาชน ต้องหาเงินให้กับประชาชน และต้องลดผลกระทบด้วยการทำให้สินค้าราคาไม่แพง ซึ่งทั้งหมดนี้คือยุทธศาสตร์หลักของพรรคชาติพัฒนากล้า

ยกตัวอย่างเช่น ภาคการเกษตรซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของประเทศไทยในฐานะครัวโลก แต่เรื่องที่น่าแปลกคือ ทุกวันนี้เรายังคงส่งออกสินค้าเกษตรเป็นวัตถุดิบ แทนที่จะหันไปเน้นเรื่องความคิดสร้างสรรค์ เพื่อแปรเปลี่ยนสินค้าเกษตรให้กลายเป็นสินค้าแปรรูปเพื่อการส่งออก ซึ่งจะสามารถสร้างทั้งมูลค่าเพิ่มรวมถึงการสามารถสร้างงานสร้างเงินให้กับประชาชนได้อย่างมหาศาลเป็นต้น

...

นอกจากนี้สำหรับภาคการท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของประเทศ พรรคชาติพัฒนากล้า มองว่า สามารถเพิ่มรายได้ 2 ล้านล้านบาท หรือ 15% ของ GDP จากจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ที่คาดว่าน่าจะมีตัวเลข 40 ล้านคน ให้กลายเป็น 5 ล้านล้านบาท หรือ 30% ของ GDP ด้วยการที่ 1.เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจาก 40 ล้านคน ให้กลายเป็น 70 ล้านคน ภายในอีก 4 ปีข้างหน้า 2.เพิ่มค่าเฉลี่ยระยะเวลาที่นักท่องเที่ยวจะพำนักอยู่ในประเทศไทยจาก 10 วัน เป็น 12 วัน ด้วยการเชื่อมโยงจุดท่องเที่ยวต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน และสร้างความหลากหลายให้มากขึ้น 3.เพิ่มค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อวันจาก 5,000 บาท เป็น 6,000 บาท ด้วยการสนับสนุนการสร้างผลิตภัณฑ์โอทอป หรือผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับ Soft Power ต่างๆ ให้มากขึ้นเป็นต้น และนี่คือหลักการในภาพใหญ่ๆ ที่เราคิดและอยากนำเสนอให้กับประชาชนได้พิจารณา”

...

เกมการแข่งขันสมรภูมิเลือกตั้งโคราช :

การแข่งขันครั้งนี้ต้องยอมรับว่าสูงมาก เพราะมีพรรคการเมืองเกิดขึ้นเยอะมากท่ามกลางกระแสการเมืองที่ยังมีความขัดแย้งอยู่ ทำให้ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีความสำคัญอย่างมาก เพราะยิ่งขัดแย้งกันเยอะก็ยิ่งต่อสู้กันเยอะ เกมมันก็จะออกมาแบบดุเดือดสูสี และเกมหนักๆ แบบนี้ ทุกคนก็ต้องสู้กันเต็มที่ ทั้งความคิดทั้งนโยบายทั้งคน

ฉะนั้นความเต็มที่ของทุกพรรคทุกฝ่ายมันก็จะเกิดสิ่งดีๆ ที่แต่ละคนคิด ฉะนั้นมันก็จะเป็นกำไรของประเทศ เป็นกำไรของประชาชน ที่จะมีตัวเลือกที่มากขึ้นทั้งในเชิงนโยบาย หรือในเชิง ส.ส. รวมถึง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการแข่งขันที่สูงมากๆ แต่อย่าไปกังวลและมองให้มันเป็นเพียงการแข่งขันกีฬาไปซะ เพราะยิ่งสูสีก็ยิ่งสนุก แต่กลับกันหากทิ้งห่างก็ยิ่งไม่สนุก และคำตอบก็ไปรู้กันวันเลือกตั้งนะครับ...(หัวเราะ)” นายสุวัจน์ กล่าวปิดท้าย กับ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์

...

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง