“มันจบแล้ว” คำตอบชัดๆ จาก "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" แกนนำพรรคไทยสร้างไทย หลังเคยดีลกับพรรคสร้างอนาคตไทยของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน เบื้องหลังทางการเมือง และจุดยืนของ พรรคไทยสร้างไทย ของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จะมีแผนยุทธศาสตร์เลือกตั้ง 2023 เป็นอย่างไร "ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์" จึงถือโอกาสเปิดใจหญิงแกร่งที่คร่ำหวอดวงการเมืองไทยมากว่า 30 ปี

ไทยสร้างไทย และ พันธมิตรการเมือง :

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เรามองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจจะเดินไปสู่การ “ติดล็อก” ทางการเมืองอีกครั้ง หลังเลือกตั้งอาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติอีกครั้ง หากยังมีตัวเลือกแค่ 2 ขั้ว

“หากไม่ใช่อารมณ์เป็นตัวนำ เชื่อว่าทุกคนย่อมเห็นปัญหานี้ ดังนั้น ไทยสร้างไทย จึงสร้างจุดยืน คือ “ทางรอดประเทศ” หากประชาชนเห็นด้วย ก็หวังว่าประชาชนจะเลือกให้เป็นทางรอดของประเทศได้ แต่ถ้าประชาชนพอใจยังเรียกขั้วต่างๆ และหากพิจารณาแล้วว่า “ไม่เป็นประโยชน์” ก็จะขอทางเลือกที่จะไปทำเรื่องที่ประโยชน์ประชาชนดีกว่า...”

...

แปลว่านี่เหมือนเป็นการเดิมพันหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ ตอบว่า “ไม่ใช่...คนที่วางเดิมพันคือ 2 ขั้วทางการเมืองมากกว่า ซึ่งตรงนั้นเรียกว่าเป็น “สงคราม” เลยก็ว่าได้ เป็น “สงครามครั้งสุดท้าย” ของ 2 ขั้ว แต่สำหรับเรา คือ ความพยายามในการสร้างอนาคตให้กับลูกหลานคนไทย

หมายความว่า โอกาสที่จะรวมกับ รวมไทยสร้างชาติ หรือ เพื่อไทย เอง ก็ไม่มี...? คุณหญิงสุดารัตน์ ตอบทันทีว่า หลักการของพี่เป็นแบบนี้ ผลเลือกตั้งเป็นแบบใด...ยังไม่รู้ แต่สิ่งที่จะทำคือ การจับมือกับประชาชนสร้างทางรอด

“พี่ไม่ร่วมกับ “เผด็จการ” เด็ดขาด เพราะตลอดชีวิตของพี่ ตั้งแต่ปี 2535 ก็จับไมค์ไล่เผด็จการอยู่แล้ว พี่ไม่มีทางว่าไปร่วมเผด็จการ”

กรณีกับ พรรคเพื่อไทย ณ วันที่เดินออกมา....คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยันว่า ทำงานอย่างมีอุดมการณ์มาตลอด เป็นคนที่หวงแหนสิทธิของประชาชนและประชาธิปไตย ตลอด 30 ปีในการทำงานการเมือง โดยดูแลพี่น้องประชาชนใกล้ชิด ไม่เคยทิ้งห่าง และมีประสบการณ์

“พี่มีประสบการณ์และเขี้ยวพอ จึงเอาราชการอยู่ เป็นที่มาของการทำโครงการ 30 บาทสำเร็จ ดังนั้นเมื่อเราไม่อยากทิ้งประสบการณ์ 30 ปีเฉยๆ เราอยากสร้างพรรคการเมืองที่ดี สร้างเครื่องมือทำงานที่ดีที่สุดในการทำงานให้กับประชาชน ก่อนที่เราจะจบชีวิตทางการเมือง ซึ่งถือเป็นภารกิจสุดท้ายของชีวิตในการสร้างพรรคนี้ให้เป็นพรรคของพี่น้องประชาชน”

มันจบแล้ว ไทยสร้างไทย & สร้างอนาคตไทย :

เมื่อถามว่า ความคืบหน้าการดีลรวมกับพรรคสร้างอนาคตไทยของนายสมคิด คุณหญิงสุดารัตน์ อุทาน มันจบแล้ว เมื่อเขาย้ายไปอยู่กับพรรค....ฝั่งนู้น มันก็จบ เพราะเราชัดเจนอยู่แล้วว่าเราอยู่ในซีกของประชาชน เพื่อผู้รักประชาธิปไตย

เป้าหมายและอนาคตทางการเมือง :

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า เวลานี้ได้วางตัวผู้สมัคร ส.ส.แล้วทั้งหมด 66 จังหวัด โดยคัดเลือกคุณภาพของบุคคลที่เรามองเห็นว่ามีความตั้งใจในการทำงานเพื่อประชาชน และจากที่สูตรเลือกตั้งใช้บัตร 2 ใบ แบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ลงทุกจังหวัด

เมื่อถามว่า ส่วนตัวแล้วมีความตั้งใจลง ส.ส.เขต หรือ บัญชีรายชื่อ คุณหญิงสุดารัตน์ อธิบายว่า การสร้างพรรคครั้งนี้จำเป็นต้องมีเสาเข็มที่แข็งแรงก่อน ฉะนั้นเราจึงต้องทำตัวเป็น “เสาเข็ม” เพราะเป็นคนที่มีคนรู้จักเยอะ จึงต้องยอมเหนื่อยในการลงพื้นที่หน้างาน ไปช่วยหาเสียงยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ฉะนั้นเมื่อภารกิจเป็นเช่นนี้เราจึงต้องอยู่ในตำแหน่งบัญชีรายชื่อ เพราะต้องเดินทางไปทั่วประเทศ

...

เป้าหมาย ส.ส.กี่ที่นั่ง : หญิงหน่อย ตอบอย่างชัดเจน ขอทำเต็มที่ ถือว่าพยายามแข่งกับตัวเอง เรามีความตั้งใจออกแบบพรรคการเมืองของเราให้เป็นแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงิน “บ้านใหญ่” ในการหาเสียง หรือซื้อเสียง เราจะใช้อุดมการณ์การทำงานการเมืองของเรา เพื่อส่งมอบให้กับคนรุ่นต่อไป

“ความตั้งใจคือ การ “หยุด” การเมือง 2 ขั้ว ถ้าเลือกแบบเดิม ไม่ว่าขั้วไหนจะชนะ ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติชาติ สิ่งที่ทำคือความพยายามในการแข่งกับตัวเอง ทำให้ได้มากที่สุด”

นโยบาย ไทยสร้างไทย กับ หญิงหน่อย สุดารัตน์ :

คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยัน (อีกครั้ง) การสร้างพรรคไทยสร้างไทยเป็นเหมือนภารกิจสุดท้ายที่จะสร้างประเทศที่ดีกว่านี้เพื่อส่งมอบให้กับลูกหลานของเรา โดยใช้ประสบการณ์ทางการเมืองกว่า 30 ปีที่รู้เท่าทันระบบราชการไทย และมีความตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน ไม่ได้หวังอำนาจ หรือการเข้ามาทุจริตโกงกิน ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีประวัติเรื่องนี้

สำหรับการเตรียมตัวในการเลือกตั้งจะมีส่วนผสมของคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ โดยรุ่นเก่าจะเป็นเสาเข็มฐานราก ส่วนคนรุ่นใหม่จะเป็นการต่อยอด ให้ตึกอย่างประเทศไทยเป็นตึกที่ยอดสูงสุด

...

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า เป้าหมายของพรรค คือ การสร้างประเทศไทยให้ดีกว่านี้ เป็น “ทางรอด” ของประเทศ จึงต้องมีแนวคิด “เปลี่ยนประเทศ” เราคิดในแบบเดิมไม่ได้

ประเทศนี้เต็มไปด้วยโอกาส แต่...เราถูกกดทับ โดยรัฐราชการ อำนาจนิยม และกฎหมาย สิ่งที่ต้องทำคือ การปลดล็อก โดยเราจึงชูนโยบายว่า ทำสงครามกับความยากจน ไม่ส่งต่อหนี้สินให้กับลูกหลาน เพราะประเทศเราเป็นหนี้มาก หนี้ครัวเรือนก็มาก เราจะแก้ป้ญหาด้วยการสร้างรายได้ ไม่ใช่การกู้หนี้มาโกง

การสร้างรายได้ : บนความเข้มแข็ง 3 ด้าน ประกอบด้วย

1.อาหาร เกษตร เป็นศูนย์กลางการส่งออกหารไปขาย ยิ่งเวลานี้มีสงคราม อาหารยิ่งขาดแคลน ซึ่งถือเป็นโอกาสของไทย ทำให้เกษตรกรร่ำรวยขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำ
2.รายได้จากการท่องเที่ยว สนับสนุนชุมชน เที่ยวได้ 12 เดือน 12 อีเวนต์ โดยตั้งเป้ารายได้ 2 ล้านล้านบาท
3.ส่งเสริมด้านสุขภาพ ตั้งแต่ทำโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค เป็นคนบุกเบิกเรื่อง Medical Hub โดยจะยกระดับเป็น Global Health being Hub ทำให้คนทั้งโลกมาฟื้นฟูสุขภาพ เสริมความงาม ทำให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งตลาดนี้ทั่วโลกมีมูลค่า 156 ล้านล้าน ขอเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ ก็จะได้ 1.5 ล้านล้าน เป็นรายได้เข้าประเทศ

...

อีกนโยบายที่ผลักดัน คือ การมุ่งศึกษาคลองสันติภาพไทย เนื่องจาก ประเทศไทย มีชัยภูมิที่ขวางกั้น 2 มหาสมุทรอินเดีย และแปซิฟิก โดยหวังว่าคลองสันติภาพไทยนี่จะสร้างความยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า EEC (เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก) ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญของการย้ายฐานการผลิต มีการเปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์โลก

“เรื่องสำคัญอีกเรื่อง คือ การทำสงครามกับคอร์รัปชัน ด้วยการปฏิรูปองค์กรอิสระ ทั้งตำรวจ อัยการ ศาล ให้ประชาชนสามารถฟ้องราชการได้ เพื่อให้นักการเมืองที่โกงชาติ ต้องติดคุก ยกตัวอย่างอย่างประเทศเกาหลีใต้ที่ประธานาธิบดีก็ติดคุกได้”

คุณหญิงสุดารัตน์ กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า ในอดีตเคยมีคำทำนายว่าจะมีชื่อ คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี มองคำทำนายนี้อย่างไร คุณหญิงหน่อย ตอบว่า พี่ยืนยันว่าที่ทำงานการเมืองครั้งนี้ เป็นเหมือนภารกิจสุดท้ายเพื่อสร้างประเทศไทยให้ดีกว่านี้ และส่งมอบให้กับลูกหลานของเรา ตั้งใจทำให้ ไม่ได้ทำเอา เป็นการสร้างทางรอดของประเทศ ดังนั้นตำแหน่งแห่งหนไม่ใช่เรื่องสำคัญ การลงเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะได้ ส.ส.กี่ที่นั่ง หรือ เป็นรัฐมนตรีกี่กระทรวง แต่อยากเห็นประเทศไทยดีกว่านี้...

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์

อ่านบทความ