เรียกว่าทำเอาแฟนบอล ช็อก! กันเลยทีเดียว สำหรับ 2 ทีมยักษ์ใหญ่ อดีตแชมป์ฟุตบอลโลก อย่าง “ฟ้าขาว” อาร์เจนตินา ที่พ่ายแพ้ให้กับ ซาอุดีอาระเบีย และอินทรีเหล็ก “เยอรมนี” พ่ายแพ้แก่ทีม ซามูไร ประเทศญี่ปุ่น ในสกอร์เดียวกัน คือ 1-2
ทั้งที่รูปเกมของทั้ง 2 คู่ มีลักษณะใกล้เคียงกัน ที่ฟ้าขาว และอินทรีเหล็กยิงนำไปก่อน แต่สุดท้ายโดนยิงแซง จบเกมแรกแบบช็อกโลกลูกหนัง
เกิดอะไรขึ้นกับทั้ง 2 โคตรทีมมหาอำนาจลูกหนังโลก และโอกาสเข้ารอบ ฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ ยังมีอยู่หรือไม่... ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ มาชวนฟังทัศนะของ “โค้ชตุ้ม” หรือ รังสิวุฒิ ชโลปถัมภ์ วิเคราะห์ฟุตบอล และอดีตผู้จัดการสโมสรตำรวจ และอุดรธานี เอฟซี
ความพ่ายแพ้ของ อาร์เจนตินา ล้ำหน้า แฮตทริก
โค้ชตุ้ม วิเคราะห์ว่า เกมนี้ อาร์เจนตินา มีโอกาสมากมายในครึ่งแรก เพราะกองหลังของทีมซาอุฯ ดันขึ้นสูงเกือบครึ่งสนาม ทำให้พื้นที่แดนหลังมีเยอะ ทำให้สร้างโอกาสได้มาก มีโอกาสหลุดเดี่ยวหลายครั้ง...(แต่ก็ล้ำหน้า)
...
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ นักเตะระดับโลกหลายคน อย่าง “เมสซี” เองก็น่าจะเลี้ยงไลน์เป็น (วิ่งตัดแผงหลังไม่ให้ล้ำหน้า) เขาไม่ควรที่จะออกตัวก่อน เพราะพื้นที่มีเยอะมาก เมื่อแทงบอลตามช่อง ยังไง...ได้เดี่ยวอยู่แล้ว เพราะกองหลังจะวิ่งไม่ทันแน่ๆ
“คนที่หันหน้าให้ประตู กับคนที่หันหลังให้ประตู ถึงแม้คนที่หันหน้าให้ประตูจะวิ่งทีหลัง ยังไงก็ได้เปรียบ”
โค้ชตุ้ม มองว่า ในครึ่งแรก ซาอุฯ ไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้แผน “ดักล้ำหน้า” ซึ่งที่ผ่านมา มีบางคนวิเคราะห์ในประเด็นนี้ แต่...ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น ไม่มีใครที่จะเล่นฟุตบอลเพื่อมาดักล้ำหน้าหรอก เพราะถือเป็นเรื่องที่อันตราย เพียงแต่สิ่งที่อาร์เจนตินาเป็นในเกมนั้น คือ “พลาด” ในลูกแบบนี้ ทั้งที่เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น
พอในช่วงครึ่งหลัง ซาอุฯ เปลี่ยนวิธีการเล่น จากเดิมที่ไม่ได้เล่นฟุตบอลแบบ “เข้าหนัก” แต่คราวนี้ เขาใช้วิธีการแบบนี้ สาเหตุว่า หากเป็นบอลฤดูกาล จะเน้นไปเรื่องการใช้ “แท็กติกฟุตบอล” แต่..เนื่องจากฟุตบอลโลก เป็นบอลทัวร์นาเมนต์
โค้ชตุ้ม กล่าวว่า เมื่อใช้ระบบเพรสซิ่ง ด้วยการบีบเข้ามา แม้แต่นักเตะที่เป็น “ยอดมนุษย์” อย่างเมสซี ก็ไม่รอด ส่วนหนึ่งเพราะ “เมสซี” ไม่เหมือนเดิม เริ่มอ้วนๆ หน่อยแล้ว และก็อายุเยอะแล้ว อีกอย่าง “เมสซี” ไม่ได้ขยันเหมือนเดิม เล่นแบบ “รอบอล”
การเล่นแบบกดดัน “เพรสซิ่ง” ฟุตบอล ไม่ว่าจะทีมระดับไหน หากเจอกดดันหนักๆ ก็ไปยาก เพราะไม่มีกองหลังคนไหนถูกฝึกมาเพื่อหลบกองหน้า สิ่งที่ทำได้ เมื่อกองหลังได้บอลก็ต้องเบิ้ลบอลออกไป ที่เห็นๆ เลย ที่ไม่เล่นบอลแบบเพรสซิ่ง คือ “คอสตาริกา” และเป็นอย่างไร...โดนสเปนถล่มไป 7-0
“สิ่งที่ซาอุฯ ทำได้ดีมากช่วงครึ่งหลังคือ การเล่นเพรสซิ่ง เข้าหนัก ทำให้อาร์เจนตินาหงุดหงิด เล่นไม่ได้ในเกมของตัวเอง เพราะ “แหยง” ไม่ค่อยหาพื้นที่เล่น บวกกับพวก “เก๋าเกม” อยู่มานาน พวกนี้จะไม่ค่อยขยับหาพื้นที่ แตกต่างจากพวกดาวรุ่ง เมื่อไม่หาพื้นที่ทำให้เกมเล่นยาก และจบลงแบบนั้น...”
อินทรีเหล็กปีกหัก พ่าย ซามูไร
สำหรับเกม เยอรมนี กับญี่ปุ่น โค้ชตุ้มให้ทัศนะว่า ครึ่งแรกเยอรมนีทำได้ดีกว่า ออกบอล สปีดบอลได้ แต่สิ่งที่ขาดคือ “ศูนย์หน้า” โดยเมื่อไม่มีตัวปักหลักในแดนหน้า ทำให้ “โทมัส มุลเลอร์” ไม่รู้จะเล่นกับใคร แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไร...
สิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนของเกม “เยอรมนี” กับ “ญี่ปุ่น” คือ การเปลี่ยน “อิลคาย กุนโดกัน” ออกจากสนาม ถือเป็นสิ่งที่ผิดพลาด
สิ่งที่ “กุนโดกัน” ทำมาทั้งเกมก่อนเปลี่ยนตัวออก คือ การสอดประสานในแดนกลาง เติมเล่นแดนหน้า ช่วยเกมรับ และเก็บบอลได้หมด แต่เมื่อเปลี่ยนตัวออก ทำให้แดนกลางเก็บบอลได้น้อยลง...
...
เมื่อเจอญี่ปุ่น “เพรสซิ่ง” เป็นแผง ก็เลยออกอาการ ถึงแม้...ครึ่งแรก เยอรมนีจะคุมได้หมด ญี่ปุ่นสู้ไม่ได้ แต่พอมาครึ่งหลังเปลี่ยน “กุนโดกัน” ออก กลายเป็นว่าเยอรมนีทำเกมไม่ได้ นี่คือความเสียหายรุนแรง ทั้งที่บอลนำอยู่ 1-0 มีโอกาสบวกเพิ่มเป็น 2-0 ได้
ถึงแม้จะเปลี่ยนตัวคนที่เล่นด้วยกันลงมา แต่...จุดเด่นที่ “กุนโดกัน” ทำให้มันต่างกันเยอะมาก ถึงแม้ปีกจาก “ริมเส้น” จะเล่นดี เคยได้บอลง่าย กลายเป็นได้น้อยลง...
กลับกัน การเปลี่ยนตัวของ “ญี่ปุ่น” ถือว่าได้ผล เรียกว่าแตกต่างจาก “เยอรมนี”
โค้ช รังสิวุฒิ ฟันธงว่า เกมที่เยอรมนีพ่ายมาจาก “การเปลี่ยนตัวที่ผิดพลาด!” ซึ่งมันชัดเจน และอีก 1 ข้อผิดพลาด มาจาก “มานูเอล นอยเออร์” ผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมนี
ลูกที่เสียประตูลูกที่สอง ก่อนอื่นต้องชม “ทากูมะ อาซาโนะ” ที่มีความเร็วในการหลุดไลน์ล้ำหน้า และวิ่งกระชากเข้าไป แต่...สิ่งที่เกิดขึ้น คือ การยิงอัดเข้าเสาแรกนั้น ผู้รักษาประตูต้องเซฟได้
...
เพราะธรรมชาติของ ผู้รักษาประตู เมื่อมีการกระชากขึ้นมา จะต้องมาปิดมุมเสาแรก แต่ “นอยเออร์” รับไม่ได้ นี่เรียกว่า “พลาด” หาก “อาซาโนะ” จะยิงเสาสอง มันจะยิงยาก เพราะมุมมันมีน้อย
“การที่ไม่ออกมาปิดมุมในวินาทีนั้น ถือเป็นการตัดสินใจ... ตอนนั้นมีผู้เล่นวิ่งเบียดอยู่ แต่เมื่อเฝ้าเสาแรกแล้วต้องปิดให้ ฉะนั้น จึงหนีความรับผิดชอบไปไม่ได้เลย เพราะถูกยิงเสาแรก แสกหน้า... เหมือนกับการตีเส้นเขตประตู หากลูกหลุดมา แล้วประตูไม่มารับ ผู้รักษาประตูก็ต้องรับผิดชอบ”
โค้ชตุ้ม ให้ความเห็นว่า ส่วนสาเหตุที่ทำให้ทีมฟุตบอลจากแดนปลาดิบชนะในเกมนี้ คือ ความมุมานะ ไม่ท้อ ในขณะที่ การมีระเบียบวินัยถือเป็นเรื่องที่ขึ้นชื่ออยู่แล้ว เวลาเล่นก็พร้อมใจและพร้อมเพรียงที่จะสู้กับทีมใหญ่กว่า ทำให้กลับมาพลิกชนะได้...
โอกาสเข้ารอบตัดเชือกของเยอรมนี และ อาร์เจนตินา
...
เมื่อถามว่า เยอรมนีจะซ้ำรอย 4 ปีก่อนหรือไม่... โค้ชตุ้ม ให้ความเห็นว่า เยอรมนี ยังมีโอกาสอยู่... เกมคู่สเปนกับคอสตาริกา แทบจะไม่มีอะไรเลย คือ คอสตาริกา ปล่อยให้สเปนเล่นอย่างเต็มที่
“ถ้าจะเล่นเกมแบบนี้ ไม่ควรจะมาบุกด้วย แค่ตั้งรับ 2 ชั้น ก็พอแล้ว คอสตาริกาไม่ไล่บอลเลย วิ่งแบบ จ๊อกๆ ทำให้สเปนเล่นสบาย”
ส่วนตัวยังมองว่า “เยอรมนี” ยังมีโอกาสชนะสเปน และคอสตาริกา ในขณะที่ ญี่ปุ่น ส่วนตัวมองว่ายังมีจุดอ่อนอยู่ โดยไม่มีผู้เล่นเก๋าเกมมาคอยสนับสนุน การมุ่งมั่นเล่นเกมของตัวเอง ซึ่งโอกาสชนะ คอสตาริกาได้ แต่กับสเปน น่าจะยาก
สิ่งที่ต้องดู คือ คอสตาริกา เพราะการเล่นบอลโลก ครั้งนี้แตกต่างจากรอบครั้งผ่านๆ มา ซึ่งการแข่งขันฟุตบอลโลกไม่ควรมีแบบนี้ โดนยิง 6-7 ลูก
“เมื่อคะแนนเท่ากัน จะดูที่ลูกได้-เสีย ซึ่งเยอรมนีเองก็ต้องยิงให้ได้มากที่สุด ซึ่งแมตช์ต่อไป หากเยอรมนีชนะสเปนได้ ความกดดันทั้งหมด จะกลับมาที่ญี่ปุ่น เพราะญี่ปุ่น เห็นแบบนี้ก็จริง แต่เมื่อมาเจอกับคอสตาริกา อาจจะสูสี ที่ชนะได้ เพราะมาจากลูกขยัน แต่รูปเกมก็เชื่อว่าไม่ได้เหนือกว่า ส่วนตัวเชื่อว่า เยอรมนีจะไม่แพ้สเปน”
ส่วน “อาร์เจนตินา” น่าจะมีปัญหา... เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น คือ ทุกทีมเห็นตัวอย่างในเกมซาอุฯ แล้ว ฉะนั้น เมื่อมาเจอกับอาร์เจนฯ ก็จะเล่นแบบนี้
ปัจจัยที่จะทำให้อาร์เจนตินากลับมาได้ เมสซี ต้องขยับมากกว่านี้ เพราะปัญหาคือ “เมสซี” ชอบเรียกบอลส่งมาให้ที่ตัว เข้ารอบหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ “เมสซี” ในขณะที่ “ดิ มาเรีย” ก็เล่นแนวเดิมๆ ซ้ำซาก ซึ่งต้องเจออีก 2 ทีม คือ โปแลนด์ กับเม็กซิโก อาจจะต้องลุ้น...
เสน่ห์ ฟุตบอลโลก 2022
โค้ชตุ้ม กล่าวถึงความแตกต่างระหว่าง ฟุตบอลโลก 2022 เมื่อเปรียบเทียบกับครั้งก่อนๆ คือ การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ ถือว่าเล่นกันสนุกมากกว่าเดิม เล่นกันเร็วขึ้น เพราะทุกทีมอยากจะได้ 3 แต้ม
“ฉะนั้น เราจะได้เห็นโค้ชตัดสินใจเรื่อง “แท็กติก” อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากผิดพลาด ก็ส่งผลทันที แก้ไขกลับไม่ได้ ฉะนั้น มันจึงขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของโค้ชและผู้เล่นด้วย นอกจากนี้ ยังถือเป็นกำไรของคนดูที่ได้ดูบอลในช่วงหัวค่ำ"
บราซิล อังกฤษ เต็ง! แชมป์ฟุตบอลโลก 2022
โค้ชตุ้ม มองไปที่ บราซิล โดยให้เหตุผลว่า มีผู้เล่นที่ครบเครื่อง ซึ่งคงต้องรอดูฟอร์มในการแข่งขันในนัดแรก ส่วนอีกทีม ที่มองคือ “อังกฤษ” อังกฤษมี 3 แนวรุกที่สอดประสานกันถึง 6 คน สามารถเปลี่ยนสลับหมุนเวียนมาใช้ได้ อาทิ ฟิล โฟเดน ราฮีม สเตอร์ลิง แจ็ค กรีลิช บูกาโย ซาก้า โดยทุกคนสามารถทดแทนกันได้หมด เพราะทุกคนมีความสามารถเท่าเทียมกัน
“ริมเส้นจัดมาก ทำให้กลาง เล่นง่าย ถึงแม้ “แฮร์รี เคน” ยังไม่ยิง แต่เขาก็เป็นตัวเชื่อมเกมที่ขาดไม่ได้ เรียกว่า ปีนี้ “อังกฤษ” ถือเป็นอีก 1 ทีมเต็งที่น่าสนใจ...”
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ