3 พี่น้อง 3 ป. อดีต ปัจจุบัน และอนาคต กับการเมืองไทยวันนี้เป็นอย่างไร? ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาทุกท่านไปร่วมรับฟังการวิเคราะห์ ของ "รศ.สุขุม นวลสกุล" นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และนักวิเคราะห์การเมืองไทย ถึงอนาคตการเมืองไทยที่เข้าใกล้การเลือกตั้งเข้าไปทุกขณะ

"รศ.สุขุม นวลสกุล" นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และนักวิเคราะห์การเมืองไทย

พรรคพลังประชารัฐ = ไม่มีเอกภาพ

ปัจจุบันต้องยอมรับว่าเกิดการต่อสู้กันภายในพรรคพลังประชารัฐ จากการที่กองเชียร์ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่างออกมาดาหน้าให้การสนับสนุนลูกพี่ของฝ่ายตัวเอง หากแต่การต่อสู้กันที่ว่านี้ คงไม่ถึงกับ “เกิดแตกแยก” เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ยังถือว่าเป็น “พวกเดียวกัน” เพียงแต่การต่อสู้ที่ว่านี้ ทำให้ภายในพรรคพลังประชารัฐ เกิดความไม่เป็นเอกภาพขึ้น

...

อย่างไรก็ดีสิ่งที่ทำให้ “ฝ่ายบิ๊กป้อม” ได้เปรียบกว่า “ฝ่ายบิ๊กตู่” คือ นอกจากจะเห็นกันอยู่ชัดๆ แล้วว่า สามารถเป็นฝ่ายกุมสภาพภายในพรรคพลังประชารัฐได้มากกว่าแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ “บิ๊กป้อมสามารถกุมปัจจัยภายนอกพรรค” ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นทั้งกลุ่มข้าราชการ กองทัพ หรือพรรคการเมืองที่เป็นพันธมิตร เพราะการคงอยู่ของรัฐบาลมันไม่ได้เกิดขึ้นได้ เพราะมีพรรคพลังประชารัฐเพียงพรรคเดียว

อนาคตของบิ๊กตู่ :

“ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านไม่ยอมออกต่างหากล่ะ”

พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนประเภทต้องเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง และแม้จะเป็น พล.อ.ประวิตร ก็จะมาเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตให้กับ “บิ๊กตู่” ไม่ได้ ดูง่ายๆ อย่างกรณีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ “บิ๊กป้อม” พยายามจะออกมากางปีกปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล้าที่จะลงมือเลย

แต่อย่างไรก็ดี ความเห็นต่างระหว่าง “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กป้อม” คงไม่เลยเถิดถึงขนาดจะ “ฟาดฟัน” กันเองแน่นอนเพราะอย่างไรก็ยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพียงแต่ที่ผ่านมา บรรดากองเชียร์ที่หนุนหลังทั้งคู่มักคอยจ้องที่จะหาโอกาส “ทิ่มแทง” อีกฝ่ายอยู่เสมอมันเลยเข้าทำนองน้ำหยดลงหินทุกวัน มันก็ต้องมีกันบ้างเป็นธรรมดา

“ก็ดูสิ อยู่ดีๆ ไปขึ้นป้ายต้อนรับ บิ๊กป้อม นายกรัฐมนตรีของประชาชน คุณก็ลองคิดดูแล้วกันว่า จะไม่ให้คิดมันก็คงไม่ได้เหมือนกัน”

บิ๊กตู่ กับ ควรพอได้แล้วหรือยัง :

“เอากันจริงๆ ก็ครบ 8 ปีแล้ว ก็น่าจะเลิกๆ ไป (หัวเราะ) เพราะหากท่านตัดสินใจเดินลงเองก็น่าจะได้พวงมาลัยไปแล้ว แต่ทีนี้...ท่านคิดอีกแบบและเลยจุดที่ว่านั้นไปแล้ว ท่านจะสู้ของท่าน เพราะท่านอาจจะมองว่า การหลุดตำแหน่งคือการแพ้ก็เป็นได้”

กองเชียร์ กับบิ๊กตู่ :

“ผมว่าใจท่านสู้อยู่แล้ว แต่ว่ากองเชียร์ก็มีส่วน ไม่ต้องดูอื่นไกลหรอก ก่อนหน้านี้เห็นกันชัดๆ ว่า บิ๊กตู่ ท่านก็พยายามฉายภาพของท่านแข่งกับบิ๊กป้อม พยายามส่งข่าวออกสื่อตลอดเวลา แต่ปัจจุบันนี้ดูจะรู้สึกเบาลงไปหน่อยแล้ว แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า บิ๊กตู่ท่านยังเล่นการเมืองไม่เป็นเหมือนกับบิ๊กป้อม เพราะที่ผ่านมาท่านก็ไม่เคยทำมาก่อน พูดง่ายๆ คือ ฟอร์มห่างกัน เพราะอีกฝ่ายมีทีมที่เล่นการเมืองได้เป็นมากกว่า”

...

อนาคตบิ๊กป้อม :

“บิ๊กป้อมท่านมีท่าทีที่จะเป็นนักการเมืองได้”

ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ การโชว์ภาพนั่งดูกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยและนักกีฬาไทยประเภทอื่นๆ มันชวนให้คิดถึงวลี “เจ็บไหมลูก” ของ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ไหมล่ะ? คือ มันชัดเจนมากว่าในทางการเมืองแล้ว บิ๊กป้อม “เล่นเป็นกว่าบิ๊กตู่มาก”

...

อนาคตบิ๊กป๊อก :

“ส่วนตัวผมเชื่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ ช่วงนี้ท่านคงพยายามทำตัวให้เงียบที่สุด เพราะฝ่ายตรงข้ามกำลังจ้องมองทุกความเคลื่อนไหว”

ภาพใหญ่การเมืองไทย กับ สมรภูมิการเลือกตั้ง :

“นักการเมืองเขาจะตัดสินใจอะไรกัน มันมักจะเกิดขึ้นตอนใกล้เลือกตั้งและหลังการเลือกตั้งเสมอ”

เวลาลงเลือกตั้งกันจริงๆ มันยิ่งต้องสร้างกองเชียร์ข้างตัว ยิ่งต้องปลุกระดมเพื่อให้เห็นว่าอีกฝ่าย เป็นฝ่ายตรงกันข้าม เพราะเทคนิคที่พรรคการเมืองไทยนิยมใช้มากที่สุดในช่วงการเลือกตั้งคือ การทำลายฝ่ายตรงข้าม เพราะฉะนั้นการต่อสู้มันจะเป็นไปแบบสุดลิ่มทิ่มประตูแน่นอน พูดง่ายๆ คือ ให้คนเกลียดอีกฝ่ายไปเลย เพราะหน้าฉากคือเป็นศัตรูกันเพื่อไม่ให้กองเชียร์รู้สึกว่าโดนหลอก หรือมีการฮั้วกัน แต่หลังฉากจะเป็นอย่างไรมันก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะที่เห็นๆ ทะเลาะกันไปมา หรือขู่ว่าจะแยกตัวออกไป มันก็แค่ทำไปเพื่อหาทางสร้างความได้เปรียบทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งเท่านั้น ที่จะทะเลาะกันจริงๆ แล้วเป็นศัตรูกันจริงๆ มันไม่มีหรอก

“ถึงแม้ฝ่ายหนึ่งจะยืนกรานมาโดยตลอดว่าไม่เคยพูดจาอะไรกับอีกฝ่ายหนึ่ง หากแต่ร่องรอยอะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการเมืองไทยยุคความขัดแย้งสองขั้ว ก็ชวนคิดได้อยู่เสมอว่า มันจะเป็นไปได้หรือที่จะไม่มีการเจรจาต่อรองกันหลังฉาก คุณว่าจริงไหมล่ะ?”

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

...