ถือเป็นนักธุรกิจคนดัง และ ยูทูบเบอร์ไอดอลคนหนึ่ง ที่มีคนติดตามในช่องแล้วเกือบ 3 แสน สำหรับ "เบียร์ ใบหยก" หรือ นายปิยะเลิศ ใบหยก รองประธานกรรมการกลุ่มโรงแรมใบหยก ลูกชายคนโต "พันธ์เลิศ ใบหยก" ผู้สร้างตำนานตึกที่สูงที่สุดในประเทศ ก่อนจะเสียแชมป์ เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป มีตึกใหม่ที่สูงกว่า
อย่างที่ทุกคนรู้กันว่า "โควิด-19" คือโรคระบาดที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกมากมาย และทำลายล้างระบบเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม และใบหยกเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
แต่...เกิดเป็นคนมันก็ต้องดิ้นรน คิดค้นหาทางออก ซึ่ง "เบียร์ ใบหยก" คือตัวอย่างหนึ่งของนักธุรกิจเจ้าไอเดีย ที่ลงมือทำเพื่อแก้ไขสถานการณ์
วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ นักธุรกิจหนุ่ม ที่เป็นเจ้าของกิจการอาหาร ทายาทกิจการอสังหาริมทรัพย์ และ ยูทูบเบอร์คนดัง
เบียร์ ใบหยก ยอมรับว่า สถานการณ์เวลาเวลานี้ไม่แตกต่างจากล็อกดาวน์ครั้งแรก โดย 2 ปีที่ผ่านมาก็ยังไม่ค่อยดี การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าเราขายใคร พอเรารู้แล้ว เราก็จะทราบว่าเรากำลังมีปัญหา เพราะต่างชาติไม่เข้า จึงต้องเปลี่ยนเป้าหมายเพื่อโปรโมต
“ขาดทุนน้อยลง พยุงจนกำไรไหม..เป็นไปไม่ได้ นี่คือที่มาของแนวคิดการริเริ่มการจัดโปรโมชันเรื่องอาหาร เพราะเรามีพนักงานหลายพันคน จึงต้องแบกตรงนี้ค่อนข้างเยอะ แต่ถามว่าเลย์ออฟไหม เราไม่ได้ทำ"
...
นักธุรกิจหนุ่มและยูทูบเบอร์คนดัง เชื่อว่า คนในแวดวงธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว จะคิดและวางแผนคล้ายกัน ทุกคนหวังที่จะรอเปิดประเทศ (นายกฯ ประกาศเปิดประเทศ ในวันที่ 1 พ.ย. แต่ทีมข่าวฯ สัมภาษณ์เบียร์ไว้ก่อน) เพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แน่นอนเราเตรียมทีม Travel Agency บุกตลาดนั้นอยู่
อันดับสอง คือการมุ่งเน้นเรื่องตลาดออนไลน์ ที่ต้องเข้าถึงให้ได้มากๆ ก่อนโควิด เรามีลูกค้ากลุ่มจีนเยอะที่สุด ตอนนี้จึงบุกตลาดออนไลน์จีน
“เราจึงคิดว่า ควรจะมีคนจีนที่อยู่เมืองไทย มารีวิวอาหาร ตอนนี้เราพยายามทำทุกทางเพื่อให้คนจีนได้เห็น”
ส่วนเรื่องที่ 3 คือเรื่องอาหาร เราประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงอยู่แล้ว แม้บุฟเฟต์จะไม่เหมาะให้ลูกค้าไปตักเอง เราก็ปรับ นั่งห่างกันหน่อยแล้วพนักงานตักให้..ค่อยๆ ขยับ
นักธุรกิจ “ยูทูบเบอร์” ไม่ Hard Sell
นักธุรกิจหนุ่มที่มีสไตล์ของตัวเอง ยังเผยเบื้องหลังการเข้าสู่วงการ “ยูทูบเบอร์” ว่า ตอนแรกไม่คิดจะทำนะ แต่ช่วงที่ Work from Home ก็พอมีเวลาอยู่ไม่ใช่เหรอ ก็เลยคิดที่จะทำ โดยมีจุดเริ่มต้นจากความอยากที่จะเก็บความทรงจำไว้เอง และเหตุผลที่สอง เราอยากบอกกับคนดูว่า ธุรกิจใบหยกของเรามีอะไรบ้าง เหมือนการโปรโมตไปในตัว ว่าใบหยกไม่ได้มีแค่กินข้าวในโรงแรม แต่สามารถเดลิเวอรีได้ ส่งโดยพนักงานโรงแรม ไม่ใช่พนักงานไรเดอร์
“การทำช่อง ทำตลาดออนไลน์ของผม มีแบ่งออกเป็น 2 ทางคือ ส่วนตัวและบริษัท ในส่วนของผม ผมพยายามทำยังไงก็ได้เพื่อเป็นเพื่อนกับคนดู ไม่ใช่เปิดมาถึงก็มีแต่โปรโมชัน เราพยายามทำตัวให้เป็นเพื่อน ทำให้คนไม่เครียด นี่เป็นเหตุผลที่เราทำยูทูบ และ อินสตาแกรมของบริษัทให้เป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น”
เบียร์ ใบหยก มีแนวคิดทางการตลาดว่า การตลาดไม่มีถูก ไม่มีผิด ส่วนตัวมองว่าการตลาดแบบ Hard Sell หรือ การลดแลก แจก แถม แล้วไปยืนขาย ไม่ค่อยยั่งยืนเท่าไร สิ่งสำคัญคือ เรื่องภาพลักษณ์ คุณภาพ และราคาที่เหมาะสม เป็นสิ่งที่ยั่งยืนกว่าแน่ เราต้องคิดว่าทำยังไงให้เขากลับมาซื้อซ้ำกับเราให้ได้ ทำให้เขาชอบที่เรา อยากจะกลับมาเที่ยว หรือสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นในองค์กร คิดว่าสำคัญกว่าการ Hard Sell นะ ผมมองอย่างนั้น
...
ทำธุรกิจยังไงให้รอด...ในยุคโควิด
เชื่อว่าหลายๆ คน ก็คงอยากรู้ และทีมข่าวฯ เองก็อยากรู้ว่า การทำธุรกิจในยุคโควิด ต้องทำยังไงให้รอดได้ ซึ่ง “เบียร์ ใบหยก” เองก็ตอบว่า...สำหรับผม 2 ข้อ ตื่นเช้ามาคิดอยู่ 2 ข้อ
ข้อแรก ดูต้นทุน ต้นทุนต้องเปลี่ยนไปจากก่อนหน้ายุคโควิด ขอเปรียบเทียบกับร้านอาหาร ตอนนี้ต้นทุนร้านอาหารผมต่ำกว่าก่อนโควิด ถามว่าทำยังไงไม่ไล่ลูกน้องออกเลย
ผมพยายามปรับปรุงต้นทุนวัตถุดิบ หรือ แม้แต่ค่าเช้าก็ไปคุย เพื่อขอลดราคาก่อน ลูกน้องก็ใช้กระจาย put the right man on the right job โดยยกตัวอย่างว่า เมื่อก่อน 1 สาขา เคยมีพนักงาน 20 คน ตอนนี้ตัดเหลือ 14 คน ส่วนอีก 6 คน ก็กระจายไปสาขาอื่น พวกเขาอาจจะต้องทำงานหนักขึ้น
“เราก็บอกเขาว่า แม้งานหนักแต่ตัวหารมันน้อยลงนะ ถ้าบริษัทมีโอกาสที่จะเพิ่มเงิน มันก็อาจจะได้ส่วนแบ่งมากขึ้น”
ส่วนข้อที่ 2 เบียร์บอกว่า ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา “ผมจะทำอะไรใหม่ๆ ดี” อันนี้เป็นอะไรที่ยากมาก เพราะจะต้องเป็นเรื่องอินเทรนด์ เช่น จะทำลูกชิ้นยืนกินไหม ตามลิซ่า..ตอนนี้ขายได้ การทำของใหม่ๆ เราจึงจำเป็นต้องช่วยกันคิดตลอดเวลา เราเองก็ไม่ได้คิดคนเดียว ให้ลูกน้องช่วยคิด หรือแม้แต่ท่านประธาน อย่างคุณพ่อก็ช่วยกันคิด
...
คนรุ่นใหม่ ต้องทำอะไรที่ถนัด
มีไหม ที่น้องๆ รุ่นใหม่มาถาม ว่าเราจะทำอาชีพไหนดี ควรเดินไปทางไหน “เบียร์ ใบหยก” ถึงกับปาดเหงื่อเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า มีเยอะมาก บางทีต้องขอโทษด้วยที่บางที DM มาแล้ว ไม่ได้ตอบ
“ผมเข้าใจนะ เพราะใครๆ ก็อยากมีตังค์ อยากซื้อของที่ชอบ บ้าน ขอสาวแต่งงาน ชีวิตทุกคนที่มั่นคงทุกคนก็อยากได้”
สำหรับน้องๆ รุ่นใหม่ อายุ 20-30 กว่า ยังมีโอกาสเยอะ ถือว่าอยู่ในยุคที่ศึกษาง่าย แต่มันก็มีข้อดี ข้อเสีย เราเลือกเสพในสิ่งที่พัฒนาตัวเอง บางทีมันอยู่ที่โอกาสและความพยายาม หากเก่งด้านไหน ก็พยายามเก่งด้านนั้นที่เราถนัด ส่วนตัวไม่อยากแนะนำให้ศึกษาทุกทาง
“เอาเป็นว่า ก่อนนอนคุณเปิดดูอะไร นั่นแหละคือสิ่งที่คุณสนใจและอาจทำได้ดีกว่าคนอื่น ผมจะเน้นเสมอและสำคัญมาก อย่าลงทุนเยอะ อย่าลงทุนทำธุรกิจจนหมดตัว เช่น มีเงิน 10 บาท ผมว่า 5 บาทก็เยอะแล้ว เราเองไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตเราต้องเก็บเงินสดไว้ด้วย ถ้าไม่พร้อมก็อยากจะทำงานประจำไว้ก่อน”
...
ธุรกิจโรงแรม อสังหาฯ ยังมั่นคง มั่นใจคนต้องกลับมาเที่ยว
ในช่วงท้าย เราถาม รองประธานกรรมการกลุ่มโรงแรมใบหยก ว่า ธุรกิจโรงแรมยังมั่นคงอยู่ไหม เบียร์ ตอบอย่างมั่นใจทันทีว่า ธุรกิจอสังหาฯ ยังมั่นคง จะบอกว่าโรงแรมอย่างเดียวไม่ได้ เพราะมันอาจจะเปลี่ยนเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ได้ แต่เมื่อย้อนถามมาถึงโรงแรม ยังมั่นคงไหม...
“ถึงแม้ตอนนี้มันสะดุด แต่อีกไม่กี่ปีก็ต้องกลับมา เพราะยังไง คนเราก็ต้องเที่ยว เอาแค่ง่ายๆ ตอนนี้โรงแรมต่างจังหวัดเต็มแล้ว คนรู้สึกอั้นนะ คนจีน คนสิงคโปร์ หรือ ญี่ปุ่น อยากมามาก ตอนนี้ใบหยกไม่ใช่ตึกสูงที่สุด เป็นตึกมหานคร แต่ผมคิดว่าตรงนี้ไม่ใช่ปัญหา เพราะอีก 5-10 ปี ก็อาจจะมีตึกสูงกว่าอีก แต่สิ่งสำคัญที่อยากจะรักษาไว้ก็คือ อยากให้เป็นตึกคู่กับคนไทยที่มาเที่ยวได้” รองประธานกรรมการกลุ่มโรงแรมใบหยก กล่าวทิ้งท้าย.
ผู้เขียน : อาสาม
อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ