ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงสงครามธุรกิจ “สตรีมมิง” อย่างเต็มตัว เพราะหลายๆ ค่ายก็ขนคอนเทนต์ลงมาแข่งขัน และน้องใหม่คนล่าสุด ก็คือ Disney+ Hotstar ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปีที่แล้ว และบุกตลาดไทย เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งก็อาจจะเป็นผลดีกับธุรกิจนี้เพราะคนอยู่บ้านมากขึ้น

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้คิกออฟ กับ “สงครามสตรีมมิง” ครั้งนี้ ด้วยการบุกสัมภาษณ์ผู้บริหารจากหลากหลายค่าย และแน่นอน เราเริ่มต้นด้วยน้องใหม่ไฟแรงในธุรกิจ แต่ฟอร์มเก๋าสุดแกร่งในวงการบันเทิง 

นายวินท์รดิศ กลศาสตร์เสนี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย) จำกัด และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่าผลตอบรับดีมาก และขอบคุณผู้บริโภคในไทย ซึ่งถือว่าแอกทีฟมากที่สุดในตลาดหนึ่งเลย ถ้าเทียบกับภูมิภาคที่รับผิดชอบโดยตรง  

โควิดทำให้ยอด SUB ดิสนีย์เพิ่ม? ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า นัยหนึ่งถือว่าใช่ ผมมองภาพกว้างกว่านั้น คือ อย่างน้อยทำให้คนที่กำลังเครียดได้ลืมตรง หรือ inspiration และได้ enjoy กับคอนเทนต์ของเรา 

สำหรับแผนเด็ดที่จะชนะคู่แข่งสนาม วินท์รดิศ เผยว่า ก่อนอื่นต้องมาดูจุดแข็ง (brand strengths) ของดิสนีย์ฯ เช่น การ์ตูน PIXAR MARVEL STAR WARS หรือแม้เต่เฟรนด์ชายที่คนลืมไปแล้ว เช่น AVATAL ซึ่งก็ BRAND STR ส่วนที่สองคือเรื่องการทำ คอนเทนต์คุณภาพ ทั้งคอนเทนต์ผลิตเอง หรือพาร์ทเนอร์ 

...

“เนื่องจากเราเป็นองค์กรระดับโลก เราจะมีเทคโนโลยี และ Service ที่แข็งแรง เราเชื่อว่าคอนเทนต์เราสามารถตอบโจทย์ในหลายๆ กลุ่มอายุ ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ 

แข่งขันด้านราคา ถูกกว่าคู่แข่ง แต่ถูกติงเรื่อง quality ภาพ 

นายวินท์รดิศ เผยว่า ก่อนจะเปิดตัว...เราได้เก็บข้อมูลด้านต่างๆ มาก่อน เพื่อหาราคาที่เหมาะสมในแต่ละตลาด มาจาก 2 องค์ประกอบ  

1. องค์รวมแต่ละประเทศ… 
2. ความแตกต่างของคอนเทนต์ ….ตามตลาดที่จะโฟกัส ซึ่งไทยเป็นตลาดมีความสำคัญ ต้องขอบคุณพาร์ทเนอร์ที่จะทำให้การเข้าถึงง่ายขึ้น ปัจจัยดังกล่าวทำให้เป็นราคาที่แข่งขันในโปรดักส์ที่แมสได้ 

“ส่วนฟีดแบ็กจากประชาชนอย่างล้นหลาม ยอมรับเลยว่า ข้อที่ติงมา...ภาพโดนคัด บางซีนหายไป ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดในส่วน QC เราเอง ข้อดีเมื่อเราได้ฟีดแบ็กก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เมื่อถูกติงมาแล้วก็เลยมาปรับปรุง”

 
ประเด็น quality แม้จะเป็นบริษัทดิสนีย์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะมีเรื่องไม่เพอร์เฟกต์ ยังไม่เคยเห็นเซอร์วิสไหน ให้บริการวันแรกและเพอร์เฟกต์เลย 


“ถามว่า ตลอด 5-6 วันที่ผ่านมา เราพัฒนา quality เรื่องภาพ หรือไม่ ตอนนี้เราได้รับฟีดแบ็กในด้านบวกเยอะขึ้น บางคนบอกว่าภาพชัดขึ้น HD แล้ว หรือ 4K ซึ่งมี 2 ปัจจัย 1 สปีดอินเทอร์เน็ตและดีไวซ์ที่ผู้บริโภคมี สามารถสตรีมได้ถึงด้วยไหม อะไรที่ควบคุมได้ เราจะมีการปรับเปลี่ยนแก้ไข แน่นอนว่าไม่มีอะไรเพอร์เฟกต์...เราจะไม่หยุดพัฒนา” 



มาช้า เสียเปรียบคู่แข่ง? นายวินท์รดิศ ตอบอย่างมาดมั่นว่า ผมเชื่อว่ามาช้า ดีกว่ามาเร็ว แล้วไม่พร้อม ซึ่งความพร้อมมี 2 ปัจจัย 

เมื่อ 7 ปีที่แล้ว....ปัจจัยภายนอก คือ ความพร้อมด้านสตรีมมิง หากย้อนกลับไป 7 ปี คนทั่วไปยังไม่พร้อมซื้อบริการประเภทนี้ เพราะเป็นช่วงก่อน Netflix จะเปิดตัวในเมืองไทย 
2. ปัจจัยภายใน คอนเทนต์ข้างในแข็งแรงพอในระยะ long-term ไหม

...

“ผมเชื่อว่า ดิสนีย์+ ตอบโจทย์ทั้ง 2 แกนได้ ซึ่งภายในเดือนตุลาคมนี้ เรามี Original contents มากกว่า 50 เรื่อง ซึ่งถือว่าเยอะมาก ยังไม่รวมคอนเทนต์ที่เคยเข้าโรงภาพยนตร์….คอนเทนต์เราน่าจะเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร”

เมื่อถามว่า “จะได้เห็นซีรีส์ไทยไหม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย) ยิ้มรับ ได้เห็นแน่นอน แต่เราไม่อยากเร่ง อะไรที่ไม่พร้อม เช่น สคริปต์ ซึ่งวันนี้ยังเร็วไปนิดนึงที่จะบอกว่า ออริจินอลของไทยจะออกในเวลาไหน แต่บอกได้ว่าสคริปต์ที่เห็นน่าสนใจหลายเรื่อง…”

เนื้อหานี้ยังเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ยังมีอีกหลายคำถามที่น่าสนใจ อาทิ โรงภาพยนตร์ยังอยู่ในแผนดิสนีย์ หรือไม่ เป้าหมายสำหรับ disney+ hotstar จะเป็นอย่างไร สามารถรับชมได้ในคลิป

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ 

...