การขยายตัวของตลาดเสื้อผ้ามือสองที่สัมพันธ์กับการช่วยโลกจากปรากฏการณ์เรือนกระจก และรู้หรือไม่ว่า เพียงแค่ "เรา" ช่วยกันซื้อเพียงหนึ่งชิ้นในปีหน้า จะทำให้มีไฟฟ้าสำหรับดู Netflix ได้ถึง 37,000 ล้านชั่วโมง!
จากข้อมูลที่มี ณ ปัจจุบัน เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า "ธุรกิจ Fast Fashion" กำลังทำร้ายโลกสีน้ำเงินของเรา ด้วยการปล่อย "ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์" ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิด “ปรากฏการณ์เรือนกระจก” เฉลี่ยถึงปีละ 8% จากทั้งกระบวนการผลิต การขนส่ง รวมถึงการเผาทำลายกองขยะเสื้อผ้าขนาดมหึมาในทุกๆ ปี
อ่านเพิ่มเติม : Fast Fashion ความเร็วที่ทำให้โลกไม่ยั่งยืน
อย่างไรก็ดี ด้วยเหตุที่ชาวโลกเริ่มหันมาตระหนักในประเด็นปัญหาเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงทำให้เกิด “ทางเลือก” สำหรับช่วยลดปริมาณขยะเสื้อผ้าจำนวนมหาศาลเหล่านั้นขึ้นมา นั่นก็คือ “ตลาดขายเสื้อผ้ามือสอง”
...
แล้ว “ตลาดขายเสื้อผ้ามือสอง” สามารถลดปริมาณขยะจากเสื้อผ้าที่ถูกผลิตออกมามากกว่า 100,000 ล้านชิ้นต่อปี จนทำให้เกิดปริมาณขยะสิ่งทอทั่วโลกเฉลี่ยสูงถึง 92 ล้านตันต่อปี หรือคิดเป็น 7% ของปริมาณขยะทั้งหมดในพื้นที่ฝังกลบทั่วโลก ณ ปัจจุบัน ได้มากน้อยเพียงใดแล้ว?
“เรา” ไปเริ่มกันที่...อะไรบ้างแล้วที่เริ่ม “เปลี่ยนแปลง!”
การขยายตัวของตลาดขายเสื้อผ้ามือสอง :
จากรายงานของ thredUP เว็บไซต์ร้านขายของมือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และแหล่งรวมแบรนด์แฟชั่นมากกว่า 45,000 แบรนด์ รวมทั้งยังเป็นพันธมิตรสำคัญกับผู้ค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ เช่น วอลมาร์ท (Walmart) และ เมซี (MASE) ระบุว่า ในปี 2023 มูลค่ารวมของตลาดสินค้ามือสองทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 211,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (7.4 ล้านล้านบาท) และคาดว่าในปี 2027 มูลค่ารวมของตลาดสินค้ามือสองจะพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (12.3 ล้านล้านบาท)
ทัศนคติที่เปลี่ยนไปของ Gen Z :
จากการสำรวจของ thredUP พบข้อมูลที่น่าสนใจ คือ กลุ่ม Gen Z และ กลุ่มมิลเลนเนียล ในสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นฐานลูกค้าสำคัญของธุรกิจ Fast Fashion นั้นมากถึง 58% ยอมรับว่าจำนวนเสื้อผ้าที่ซื้อมาเก็บไว้ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศโลก และในจำนวนนี้มากถึง 63% เชื่อว่าสามารถลดกิจกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่จะส่งผลให้เกิดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกด้วย
ขณะเดียวกัน “กลุ่มคนรุ่นใหม่” มากถึง 61% ยอมรับว่าเริ่มคำนึงถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับเทรนด์ “ความยั่งยืน” (Sustainability) มากขึ้นด้วยเช่นกัน
เสื้อผ้ามือสองช่วยลดปริมาณการผลิตเสื้อผ้าใหม่ได้มากน้อยแค่ไหน :
Research and Markets ประเมินว่า ปัจจุบันมีปริมาณเสื้อผ้าใหม่ที่ถูกผลิตออกมาสู่ตลาดมากกว่า 100,000 ล้านชิ้น สำหรับประชากรโลกประมาณ 8,000 ล้านคนในทุกๆ ปี แต่จากผลการสำรวจของ thredUP พบว่า ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่โดยปกติมักนิยมซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่มากที่สุด กลับซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมือสองรวมกันมากถึง 1,400 ล้านชิ้น ในปี 2022 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากปี 2021 ถึง 40%
...
เป็นผลให้บรรดาผู้ค้าปลีกในธุรกิจแฟชั่นมากกว่า 1 ใน 3 ยอมรับว่า หากตลาดเสื้อผ้ามือสองยังคงมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อไปเช่นนี้ อาจมีความจำเป็นที่จะต้องลดกำลังผลิตสินค้าใหม่ของตัวเองลง
การเพิ่มขึ้นของจำนวนแบรนด์แฟชั่นในตลาดเสื้อผ้ามือสอง :
จากรายงานของ thredUP ระบุว่า ระหว่างปี 2009-2018 มีแบรนด์แฟชั่นที่ขายเสื้อผ้ามือสองเพียง 4 แบรนด์เท่านั้น แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาจำนวนแบรนด์ที่เข้าสู่ตลาดก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นๆ โดยในปี 2022 นั้นมีจำนวนแบรนด์ที่เปิดขายเสื้อผ้ามือสองมากถึง 124 แบรนด์
การซื้อเสื้อผ้ามือสองช่วยโลกได้จริงหรือไม่? :
อีกหนึ่งข้อมูลจาก thredUP ซึ่งมีการเปรียบเทียบข้อมูลระหว่าง เสื้อผ้าใหม่ และ เสื้อผ้ามือสอง ในเรื่องการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เอาไว้อย่างน่าสนใจ และอาจทำให้ “คุณ” สามารถเข้าใจประเด็นนี้ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น...
...
เสื้อผ้าใหม่ VS เสื้อผ้ามือสอง
1. เทียบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก :
เสื้อผ้าใหม่ : 35.96 Ibs of Co2e
เสื้อผ้ามือสอง : 27.55 Ibs of Co2e
ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก : 8.41 Ibs of Co2e
2. เทียบปริมาณการใช้ไฟฟ้า :
เสื้อผ้าใหม่ : 75.59 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
เสื้อผ้ามือสอง : 60.11 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า : 16.48 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
3. เทียบปริมาณการใช้น้ำ :
เสื้อผ้าใหม่ : 1,067 ลิตร
เสื้อผ้ามือสอง : 733 ลิตร
ลดการใช้น้ำ : 336 ลิตร
รู้หรือไม่? เพียงแค่คุณซื้อเสื้อผ้ามือสองหนึ่งชิ้นในปีหน้า สามารถช่วยโลกได้มากแค่ไหน?
ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก :
2B+ Ibs of CO2e = ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของรถยนต์ 76 ล้านคันที่วิ่งบนถนนหนึ่งวัน
...
ลดปริมาณการใช้น้ำ :
87,064 ล้านลิตร = ปริมาณน้ำที่คนหนึ่งคน ดื่มได้นาน 46,000 ล้านวัน
ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า :
4,000 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง = ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสำหรับดู Netflix 37,000 ล้านชั่วโมง
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านบทความที่น่าสนใจ