ลูกจ้างทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด เตรียมเฮ! เมื่อกระทรวงแรงงาน ส่งสัญญาณเตรียมปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ หลังผ่านขั้นตอนการพิจารณาของคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในแต่ละจังหวัดตั้งแต่เดือนเม.ย. จนถึงเดือนก.ค. 2565 และได้มีการประชุมไตรภาคีในทุกจังหวัด จนได้ตัวเลขมาทั้งหมดแล้ว จากการมอบนโยบายของสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และให้จบภายในเดือนส.ค.นี้ ในการสรุปตัวเลขอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ

คาดว่าจะเข้าที่ประชุมครม. ประมาณต้นเดือนก.ย. ก่อนจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้วันที่ 1 ต.ค. 2565 หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จากเดิมจะประกาศใช้ต้นปี 2566 เนื่องจากขณะนี้สินค้าอุปโภคบริโภคมีการปรับขึ้นไปแล้ว

เบื้องต้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจะปรับขึ้น 5-8% หรือปรับขึ้นเฉลี่ย 15.65-26.88 บาท ตามหลักสากลที่อิงจากฐานของอัตราเงินเฟ้อในการคำนวณ และองค์ประกอบอื่นๆ เช่น ดัชนีค่าครองชีพของแต่ละพื้นที่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) และสภาพเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละพื้นที่ ทำให้ตัวเลขแต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน มีการแยกตามจังหวัดแบ่งเป็น 12 อัตรา

...

ภายหลังอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในปัจจุบันแยกตามจังหวัดแบ่งเป็น 10 อัตรา ระหว่าง 313-336 บาท ไม่มีการปรับขึ้นมานาน 2 ปี ตั้งแต่ประกาศใช้เมื่อ 1 ม.ค. 2563 เนื่องจากสถานการณ์โควิดระบาด และที่ผ่านมามีข้อเรียกร้องจากกลุ่มผู้ใช้แรงงานต้องการให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 492 บาท เป็นอัตราเดียวกันทุกจังหวัด แต่เมื่อมีการพูดคุยและตกลงประนีประนอม จนในที่สุดยอมรับได้กับตัวเลข 5-8% เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ใช้แรงงาน

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ "สุชาติ ชมกลิ่น" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ จะพิจารณาพื้นที่โซนอุตสาหกรรมเป็นอันดับแรกก่อน เช่น ภูเก็ต กรุงเทพฯ และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งการจะปรับขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ต้องพิจารณาให้เหมาะสม ไม่สามารถปรับขึ้นเท่ากันทุกจังหวัด และเท่าที่ดูตัวเลขคร่าวๆ จะอยู่ประมาณ 5-8% เพื่อให้รับได้ทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง คาดว่าจะเข้าครม.ในเดือนก.ย.

ปัจจุบันพื้นที่จังหวัดชลบุรี และภูเก็ต ได้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำสูงที่สุด 336 บาทต่อวัน รองลงมาจังหวัดระยอง ได้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 335 บาทต่อวัน ส่วนกรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร อยู่ที่ 331 บาทต่อวัน ขณะที่พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ นครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น กระบี่ อยู่ที่ 325 บาท ต่อวัน และพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา ได้อัตราต่ำสุด 313 บาทต่อวัน

หากย้อนนโยบายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งเดือนมี.ค. 2562 จะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาทต่อวัน จนถึงขณะนี้ผ่านไป 3 ปีกว่า และเสถียรภาพรัฐบาลอยู่ในสถานการณ์ลุ่มๆ ดอนๆ ยังไม่มีทีท่าทำตามสัญญา หรือเป็นนโยบายขายฝัน ก่อนหน้านี้อ้างว่าหากปรับขึ้นจะมีผลกระทบต่อภาคเอกชน และเป้าหมายที่แท้จริงต้องการยกระดับฝีมือแรงงาน จึงจะสามารถขึ้นค่าแรงให้สูงตามคุณภาพฝีมือแรงงาน

ความชัดเจนของตัวเลขอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ จะต้องรอคณะกรรมการค่าจ้างมีมติออกมาอีกครั้ง ภายในเดือนส.ค.นี้ และจะอยู่ในอัตราระหว่าง 330.75-362.88 บาท หรือไม่ คงต้องรอดู เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมในการปรับขึ้นประมาณ 5-8% โดยพื้นที่ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ระยอง ชลบุรี กรุงเทพฯ นนทบุรี นครปฐม และสมุทรสาคร คาดว่าจะได้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำสูงที่สุด ส่วนนราธิวาส ปัตตานี และยะลา อาจยังคงได้อัตราค่าจ้างต่ำสุดในประเทศเช่นเดิม ทั้งนี้เป็นไปตามคาดการณ์จากการเปรียบเทียบข้อมูลที่เคยมีมาก่อนหน้า.