โครงการ "คนละครึ่งเฟส 4" กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย. 2565 นี้ ใครยังใช้ไม่หมดให้รีบ และหลังจากนี้ต้องดูท่าทีกระทรวงการคลัง จะเดินหน้าต่อ "คนละครึ่งเฟส 5" หรือไม่ เนื่องจากใช้งบประมาณสูง

ส่วนโครงการ "คนละเสี้ยว" ตามที่มีกระแสข่าว จะดำเนินการต่อจากโครงการคนละครึ่งเฟส 4 จากเดิมรัฐจ่ายเงินร้อยละ 50 และประชาชนจ่ายเองร้อยละ 50 จะปรับเปลี่ยนมาเป็นรัฐบาลให้เงินอุดหนุนคนละ 1,200 บาท และประชาชนจ่ายเอง 3,600 บาทต่อคน ก็เท่ากับว่ารัฐจ่ายลดลงเหลือร้อยละ 25 และประชาชนจ่ายเองร้อยละ 75 ได้สร้างความสับสนให้กับประชาชนในเรื่องข้อเท็จจริง

ล่าสุด "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันยังไม่มีแนวคิดนี้ และการจะเดินหน้าโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ต่อหรือไม่ คงต้องติดตามสถานการณ์และประเมินความจำเป็น เนื่องจากมีข้อจำกัดมากขึ้นในเรื่องงบประมาณ และเงินกู้

เช่นเดียวกับ "พรชัย ฐีระเวช" ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุต้องรอความชัดเจนหลังจากที่มีการหารือร่วมกับทุกฝ่าย และผลสรุปข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจจากโครงการคนละครึ่งเฟส 4 นำมาประเมินร่วมกัน เพื่อให้ทราบถึงภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง และเปรียบเทียบกับวัตถุประสงค์ของโครงการ

...



จากข้อมูลวันที่ 24 เม.ย.2565 มีผู้ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ที่เป็นประชาชนกลุ่มเดิมในโครงการคนละครึ่งเฟส 3 จำนวน 25.46 ล้านราย มียอดใช้จ่าย 59,014.1 ล้านบาท และมีผู้ใช้สิทธิกลุ่มใหม่ จำนวน 8.05 แสนราย มียอดใช้จ่าย 1,763.4 ล้านบาท รวมมีผู้ใช้สิทธิ 26.27 ล้านราย ยอดใช้จ่ายสะสม 61,048.94 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 31,085.69 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 29,963.24 ล้านบาท

แม้โครงการคนละครึ่งเฟส 5 ยังไม่มีคำตอบจะเดินหน้าต่อหรือจะออกมาในรูปแบบใด แต่ที่ผ่านมามีการใช้เงินกู้ จาก พ.ร.ก.กู้เงินฯ เพิ่มเติม วงเงิน 5 แสนล้านบาท ในโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 มากถึงจำนวน 34,800 ล้านบาท ยังไม่รวมโครงการคนละครึ่ง เฟส 1 เฟส 2 และเฟส 3 ซึ่งใช้เงินจำนวนมหาศาล แบบหว่านไปทั่วในช่วงโควิดระบาด ขณะที่วงเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินฯ เพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท เหลืออยู่เพียง 7 หมื่นล้านบาทเท่านั้น จะต้องใช้ในโครงการอื่นๆ ที่รอพิจารณาขอใช้วงเงิน ซึ่งต้องใช้อย่างคุ้มค่าตามความจำเป็น

หากจะต้องเดินหน้าต่อโครงการคนละครึ่งเฟส 5 จะต้องหาแหล่งเงินมาเพิ่มเติม ภายหลังรัฐบาลมีการออก พ.ร.ก.กู้เงิน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิดมาแล้วถึง 2 ฉบับ ตั้งแต่เกิดโควิดระบาดในรอบแรก เพื่อพยุงเศรษฐกิจ และสถานการณ์โควิดขณะนี้ประเมินกันว่าเริ่มเบาลง รวมถึงเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปีนี้ เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น

แต่ปัญหาเงินเฟ้อ สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ราคาพลังงาน และสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน จะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน จึงต้องเตรียมมาตรการออกมาดูแล เพื่อลดผลกระทบแบบเจาะจงเฉพาะกลุ่ม

หรือว่าโครงการคนละครึ่งเฟส 5 อาจไม่ได้ไปต่อ แต่ท้ายสุดขึ้นอยู่ฝ่ายการเมืองจะตัดสินใจ คาดว่าไม่น่าเกินต้นเดือน พ.ค.นี้ จะมีความชัดเจนออกมา.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง