ช่วงที่ผ่านมาคนไทยเผชิญหลายปัญหา กระทบต่อการเป็นอยู่การทำมาหากิน โดยเฉพาะการเข้ามาของโควิดตั้งแต่ปี 2563 จนมาถึงปัจจุบัน แต่ด้วยความไม่ท้อแท้เต็มไปด้วยความหวัง ทำให้ยืนหยัดต่อสู้กันไปได้ เป็นความสุขเล็กๆ ที่หาได้ไม่ยาก ในการหยิบยื่นความรัก ความเห็นอกเห็นใจต่อคนในครอบครัว การมีความโอบอ้อมอารีแก่ผู้อื่น กระทั่งการเมตตาต่อสัตว์ แค่นี้เราก็เรียกว่าความสุขแล้ว
แม้ว่ารายงานความสุขโลก ประจำปี 2565 ของสหประชาชาติที่เก็บรวบรวมข้อมูลความสุขเฉลี่ยของประชากรทั่วโลก 146 ประเทศ ระหว่างปี 2562-2564 ได้ชี้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด มีส่วนในการส่งผลกระทบต่อความสุขของผู้คน แต่ทำไมประเทศฟินแลนด์ ยังคงเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 5 เพราะยังมีปัจจัยอื่นส่งผลให้เกิดความสุข ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ที่ดีและความสัมพันธ์ที่ดีในการไว้วางใจกันของประชากรและคนในครอบครัว เป็นค่านิยมที่เอื้อต่อความสุขกายสุขใจ รวมถึงการศึกษา เสรีภาพทางการเมือง ความเท่าเทียมทางเพศและสังคม
ส่วนความสุขของคนไทยในปี 2565 ตกไป อยู่อันดับที่ 61 จากในปี 2557 อยู่อันดับที่ 34 ปี 2558 อันดับ 33 และอันดับ 32 ในปี 2559 จากนั้นได้ร่วงลงมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 มาที่อันดับ 46 ปี 2561 อันดับที่ 52 และอันดับที่ 54 ติดต่อกันในปี 2563 จนถึงปี 2564 กระทั่งล่าสุดอยู่อันดับที่ 61
...
ขณะที่ความเป็นจริงในสังคม หลายปัญหายังรอการแก้ไข จากภาพที่เห็นชัดเรื่องความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียมและความไม่เสมอภาคของคนในสังคม ตอกย้ำรวยกระจุกจนกระจาย ซึ่งเป็นเรื่องจริงและเป็นเช่นนี้ตลอดไป เพราะการคาดหวังให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขอย่างจริงจัง อาจเลือนราง ด้วยเสถียรภาพของรัฐบาลขณะนี้ยังลุ่มๆ ดอนๆ และสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ การงัดมาตรการแจกเงินผ่านโครงการต่างๆ มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ด้วยสายเลือดนักสู้ไม่ท้อถอยของคนไทย สามารถฟันฝ่าอุปสรรคให้ผ่านพ้นไปได้ จนถึงทุกวันนี้.