ปัง ปัง ปัง... นาทีลั่นไก คมกระสุนพุ่งทะลุร่าง “เจ้าแม่ล็อก4” นักโทษประหารหญิงคนสุดท้าย ที่ต้องคดีฐานความผิดค้ายาเสพติดประเภทเฮโรอีน ที่คำร่ำลาสุดท้ายไม่มีโอกาสได้บอกลูก ถูกกลืนหายไปพร้อมอากาศ ปิดฉากเจ้าแม่ผู้ค้ายารายใหญ่ในพื้นที่คลองเตย หากย้อนกลับไป 25 ปีก่อน ไม่มีใครรู้ว่าเธอจะกลายเป็นนักโทษประหารหญิงรายสุดท้ายที่ถูกประหารด้วยการยิงเป้าของไทย
ภาพจากม้วนฟิล์มของ "ศูนย์ข้อมูลไทยรัฐ" ฉายให้เห็นภาพหญิงร่างเล็ก ผมหยักศก นั่งก้มหน้าอยู่ตรงกลางห้องแถลงข่าวการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2537 เธอคนนั้นคือ “สมัย” หรือ เอียง ผู้ที่คนขนานนามฉายา "เจ้าแม่ล็อก 4" โดยในกลุ่มผู้ถูกจับกุมมีเยาวชนที่เป็นผู้ร่วมขบวนการ ในภาพ “สมัย” เป็นผู้หญิงร่างเล็ก แววตาของเธอดูอ่อนโยน แทบไม่มีวี่แววความคิดร้าย แต่นั่นไม่อาจใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล เพื่อรอดประหารได้...
ด้วยเส้นทางชีวิตที่ “สมัย” เลือกเดิน จากเครือข่ายผู้เสพสู่ผู้ค้ารายใหญ่ ทำให้เป็นที่รู้จักนาม “เจ้าแม่ล็อก4” เพราะขบวนการของเธอมีการนำเฮโรอีน ที่ลักลอบนำเข้ามาจากภาคเหนือ แบ่งขายเป็นหลอดในพื้นที่ชุมชนคลองเตยล็อกที่ 4 มีพฤติกรรมลักลอบนำเข้ามาครั้งละ 15-20 ถุง และนำมาแบ่งขายให้กับนักเสพ และเอเย่นต์ในพื้นที่
...
30 มิ.ย. 2537 เครือข่ายของ “เจ้าแม่ล็อก4” กำลังขยับขยายไปพร้อมกับอายุที่ล่วงสู่วัย 54 ปี สิ่งที่กลัวมาตลอดชีวิตก็บังเกิดขึ้น ตำรวจปราบปรามยาเสพติดระดมกำลังล้อมบ้านพักแห่งหนึ่งในซอย รามอินทรา 15 ซึ่งเป็นบ้านพักของเพื่อนที่ร่วมขบวนการกับเธอ
วันถูกจับ “สมัย” กำลังก้าวลงมาจากบันไดชั้นบน เตรียมที่จะออกจากบ้าน เจ้าหน้าที่ทำตรวจได้บุกเข้าจับกุมอย่างไม่ทันตั้งตัว ไม่มีใครนึกว่าความตายบนหลักประหาร จะค่อยๆ เขยิบเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ
การตรวจค้นบ้านพักเกิดเหตุ พบหลักฐานสำคัญคือ เฮโรอีนตราสิงโตคู่เหยียบโลก 5 ถุง ขนาด 2 กิโลกรัม และยาเสพติดบรรจุในหลอดพลาสติก 2,800 หลอด นอกจากนี้ยับพบหลอดเปล่า ที่รอการบรรจุยาเสพติดอีกหลายพันหลอด วิทยุติดตามตัวและโทรศัพท์มือถือย่างละเครื่อง
“เจ้าแม่ล็อก4” ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อ้างว่ามาบ้านหลังดังกล่าว เพื่อยืมเงินเพื่อน หลังจากนั้นการต่อสู้คดีในชั้นศาล จนเธอถูกตัดสินประหารชีวิต ในศาลชั้นต้น ต่อมาทำการต่อสู้ในศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ยืนยันคำตัดสินประหารชีวิต
แม้ “สมัย” ที่กลายเป็นนักโทษหญิง ใช้ชีวิตในทัณฑสถานหญิงกรุงเทพฯ อย่างมีความหวัง เพราะผู้ร่วมขบวนการที่ถูกจับพร้อมกันถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ยกเว้นเธอที่ถูกตัดสินประหาร โดยไม่มีโอกาสร้องขอ
23 พ.ย. 2542 นักโทษหญิง “สมัย” ถูกผู้คุมพาออกมาจากทัณฑสถานหญิงกรุงเทพฯ ตั้งแต่ช่วง 4 โมงเย็น ปลายทางของเธอคือ เรือนจำบางขวาง และวันรุ่งขึ้น เธอก็ยังไม่รู้ว่า ปลายทางสุดท้ายจะต้องเผชิญหน้ากับหลักประหาร...
'ยุทธ บางขวาง' หรือนายอรรถยุทธ พวงสุวรรณ หรือที่รู้จักกันในนาม 'พี่เลี้ยงนักโทษประหาร' เคยเล่าไว้ในช่องโซเชียลส่วนตัวว่า วินาทีที่พา “สมัย” เดินไปยังหลักประหาร เขาต้องเข้าไปประคองเธอแทนผู้คุมหญิง ที่มีทีท่าว่าจะเป็นลม และทำการกล่อมนักโทษหญิงให้เชื่อฟัง เมื่ออยู่บนเส้นความตาย
...
นักโทษหญิง “สมัย” เอ่ยขอโทรศัพท์เพื่อขอคุยกับลูกเป็นครั้งสุดท้ายหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับอนุญาต คำสั่งเสียของเธอ ได้เพียงแค่เก็บไว้ในใจ เมื่อถึงห้องประหาร เธอเป็นรายแรกที่จะต้องเดินขึ้นไปบนหลัก ผู้คุมมัดร่างเล็กๆ ของเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา และแนะนำให้ทำจิตใจให้สงบ พร้อมท่อง พุทโธ..พุทโธ...พุทโธ...
เสียงท่องของเธอดังไปทั่วแดนประหาร ทำเอาคนลั่นไกวังเวง หนาวยะเยือกกับเส้นกั้นระหว่างความเป็นและความตาย จนผู้คุมพี่เลี้ยงต้องแนะนำให้เธอท่องในใจ แล้วกระสุนสั่งตายก็เจาะเข้าร่างของเธอ เสมือนคำพิพากษาสุดท้าย
ปิดฉาก “เจ้าแม่ล็อก 4” ในวัน 59 ปี ถือเป็นนักโทษประหารคนที่ 294 ของประเทศไทย และเป็นผู้หญิงคนสุดท้าย ที่ถูกลงโทษประหารด้วยการยิงเป้า หลังการประหาร ไม่นานเพื่อนผู้ร่วมขบวนการ ที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ได้แขวนคอตายในเรือนจำ.