ในช่วงหลายทศวรรษก่อน เกิดเหตุการณ์บุกยึดเครื่องบินโดย “สลัดอากาศ” หลายครั้ง หลายหน และ 1 ในนั้น ที่ก่อเหตุระทึก และยิงกันสนั่น ณ สนามบิน ดอนเมือง ก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในปี 2524

3 นาทีคดีดัง โดย ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาทุกคนไปย้อนรอยเหตุการณ์ครั้งนี้ เรียกว่า “นาทีต่อนาที”

เมื่อเวลา 17.12 น. วันที่ 28 มี.ค. 24 เกิดเหตุวุ่นวายที่ “สนามบินดอนเมือง” เมื่อเจ้าหน้าที่หอบังคับการบินได้รับการติดต่อจาก “กัปตัน” สายการบิน “การูด้า” เที่ยวบิน GA 602 สายการบินแห่งชาติของอินโดนีเซีย
ถูกสลัดอากาศยึด และจะขอลงจอดฉุกเฉิน...

เมื่อทราบดังนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยจะไม่ยอมให้ลง และบ่ายเบี่ยงให้ไปลงที่อู่ตะเภา แต่กลุ่มสลัดอากาศอิเหนา ไม่ยอม และขู่จะลงให้ได้ สุดท้าย เครื่องบินลำดังกล่าว ก็ร่อนลง และไปจอดที่ข้างโรงเรียนอากาศโยธินเก่า โดยมีกำลังทหาร ตำรวจตามประกบ

อะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น!


ย้อนไป ช่วง 08.00 น. ตอนเช้า เที่ยวบิน GA 602 มีกำหนดออกจากสนามบิน “จาการ์ตา” ไปที่เมือง “เมดาน” หลังจากนั้น ก็จะไปแวะที่เมือง “ปาเล็มบัง” อยู่ทางตอนใต้เกาะสุมาตรา

...

และที่เมือง “ปาเล็มบัง” นี่เอง สลัดอากาศ ได้ปะปนเป็นผู้โดยสารขึ้นเครื่องบินมา จากนั้นได้ฉวยโอกาส ใช้อาวุธสงครามจี้เจ้าหน้าที่ และยึดเครื่องบินได้สำเร็จ กว่ากัปตันเครื่องบินจะทราบเรื่อง ก็ผ่านไป 19 นาที หลังเครื่องบินขึ้นแล้ว โดยมีตัวประกันเป็นผู้โดยสาร และลูกเรือมากกว่า 50 คน และเมื่อกัปตันทราบ ก็ได้แจ้งไปยัง เจ้าหน้าที่ภาคพื้น เจ้าหน้าที่ทางการอินโดฯ จึงเร่งประชุมวางแผนแก้ปัญหา

ตัดกลับมา ที่ดอนเมือง หน่วยคอมมานโดของไทย ล้อมเครื่องบินไว้ทันที โดยเบื้องต้นคาดการณ์ว่า กลุ่มคนร้ายมีทั้งสิ้น 7 คน เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง กลุ่มคนร้าย จึงยื่นข้อเรียกร้องออกมา...

1. ปล่อยนักโทษการเมืองอินโดนีเซีย จำนวน 20 คน ให้ส่งตัวไปที่ศรีลังกา
2. รัฐบาลจัดส่งนักบินมาที่ดอนเมือง เพื่อบินไปที่ศรีลังกา
3. ต้องปล่อยนักโทษดังกล่าวภายใน 28 ชั่วโมง!

ข้อเรียกร้องดังกล่าว ได้มีการพูดคุยผ่าน เอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย

ในเบื้องต้น ทางการอินโดฯ ได้ขอทางการไทย “อย่าเพิ่งใช้ความรุนแรง” แต่ในทางกลับกัน ก็มีรายงานว่า ได้ส่งหน่วยคอมมานโดแม่นปืน 20 คน ร่วมคณะกับ พล.ท.ยูการ์โซ โคโม อธิบดีกรมประมวลข่าวกลางของอินโดนีเซีย ที่ถูกยกย่องว่าเป็นยอดมือปราบของอินโดฯ เดินทางมาไทย

22.30 น. เครื่องบิน ของ พล.ท.ยูการ์โซ แตะพื้นรันเวย์สนามบินดอนเมือง เข้าประชุมและเข้าเจรจากับกลุ่มสลัดอากาศ

การพูดคุยในครั้งแรก ดูเหมือนไม่เป็นผล แถมยังโดนข่มขู่ว่าจะระเบิดเครื่องบินลำนี้เสีย!

วันที่ 2 ของการจี้เครื่องบิน วันที่ 29 มี.ค. 24 เวลา 00.45 น. ทางการอินโดนีเซีย มีท่าทีอ่อนลง และมีท่าทีจะยอมปล่อยตัวประกัน โดยอ้างคำสั่งของ ประธานาธิบดีซูฮาร์โต

03.00 น. ทิศทางการเจรจา ทำท่าจะมืดมัวลง เมื่อกลุ่มคนร้ายได้เพิ่มเงื่อนไข จากขอปล่อย 20 นักโทษ เพิ่มเป็น 80 นักโทษ

04.00 น. มีกระแสข่าว กองกำลังของอินโดฯ เตรียมใช้มาตรการเด็ดขาด!! แต่...
“จะมาใช้กำลังได้ยังไง นี่มันบ้านเมืองเรา เราไม่อนุญาตเด็ดขาด!” พล.ร.อ.อมร ศิริกายะ รมว.คมนาคม (ขณะนั้น) ให้สัมภาษณ์สื่อ ถึงกระแสข่าวดังกล่าว

จากสถานการณ์ความตึงเครียด ทุกอย่างจึงเบาบางลง

07.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายเสบียง ได้นำอาหารไปส่งแก่กลุ่มสลัดอากาศ และตัวประกัน โดยใช้วิธีขับรถเสบียงรอบเครื่องบิน 3 รอบ แล้วจอดรถไว้ จากนั้น สลัดอากาศ 2 คน ได้ควบคุมตัวแอร์โฮสเตส ออกมารับ

08.00 น. หน่วยสอดแนมของไทย เริ่มระบุตัวคนร้าย ทำให้รู้ว่าแต่ละคนแบ่งหน้าที่กันควบคุมเครื่องบิน ประกอบด้วย ด้านหน้า กลางลำ ห้องกัปตัน และท้ายเครื่อง!

ในเวลาต่อมา ทางการอินโดนีเซีย ได้ส่งวิทยุฯ ถึงไทย เพื่อขอให้กองกำลังอินโดฯ มาเสริม แต่..ไทยไม่อนุญาต

“ผมสั่งการไปแล้วว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ให้มาลงในแผ่นดินไทย เพราะเป็นการรุกล้ำ 'อธิปไตย ของเรา” พล.อ.ประจวบ สุนทรางกูร รองนายกฯ (ขณะนั้น) กล่าว

11.15 น. เกิดเหตุระทึกขึ้น เมื่อมีผู้โดยสารชาวอังกฤษคนหนึ่ง เปิดประตูเครื่องบิน ข้างที่ใช้เปิดรับเสบียงอาหาร วิ่งหนีสุดชีวิตลงมา

ไทยมุงและผู้สื่อข่าวตรงนั้นเห็น รีบตะโกน เจ้าหน้าที่ “อย่ายิง...อย่ายิง” และโบกมือให้วิ่งมาที่ปลอดภัย

เหตุการณ์นี้ ถือว่าโชคดีมาก เพราะกลุ่มสลัดอากาศก็เห็นเหตุการณ์ แต่...ไม่ยิงลงมา จึงทำให้ฝรั่งรายนี้รอดตาย

เมื่อหนีมาได้ หนุ่มอังกฤษรายนี้จึงเล่าสถานการณ์บนเครื่อง พร้อมระบุว่า คนร้ายมีทั้งสิ้น 5 คน ไม่ใช่ 7 คนอย่างที่เราเข้าใจ

“คนร้ายบางคนก็ทะเลาะกันเอง คนร้ายบางคนเครียด ร้องไห้ออกมาก็มี..”

เมื่อมีคนหนีรอดรายแรก ผู้โดยสารคนอื่นจึงขอลองดูบ้าง

ปัง ปัง ชายอเมริกัน วัย 47 ปี พยายามจะหนีบ้าง แต่ถูกยิงร่างกายกระแทกพื้นใต้ท้องเครื่องบิน เมื่อเจ้าหน้าที่เห็น จึงเข้าไปช่วย นำตัวไปรักษา

เวลาผ่านไปถึงช่วงคำ กลุ่มสลัดอากาศก็เพิ่มข้อเรียกร้องมากขึ้น ขณะที่ทางการไทย เริ่มเปลี่ยนใจ ให้กองกำลังของอินโดฯ ลงเครื่องที่สนามบิน เพราะชาวอเมริกันถูกยิงบาดเจ็บสาหัส

เข้าสู่วันที่ 3 ของการจี้เครื่องบิน

วันที่ 30 มี.ค. 24 เวลา 05.30 น.

พล.ท.เบนนี่ มูรดายี ได้เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่บ้านพัก โดยมีการหารือ 30 นาที

ตอนเช้า นักข่าวถามนายกฯ ไทยว่า ทางการอินโดฯ จะลงมือปฏิบัติการหรือไม่...

พล.อ.เปรม ตอบว่า ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ต้องได้รับการอนุญาตจากเราก่อน
หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงอินโดฯ คุยกับนายกฯ ไทย ตลอดทั้งวัน ก็ไม่มีความคืบหน้านัก กระทั่ง...

...

เข้าสู่วันที่ 4 ของการจี้เครื่องบิน 31 มี.ค. 24 เวลา 02.35 น. นาทีประวัติศาสตร์ได้เกิดขึ้น กองกำลังคอมมานโด 2 ชาติ ไทยและอินโดฯ กว่า 60 นาย ได้เริ่มบุก!

เพียงครึ่งนาที บันไดที่เตรียมไว้ก็ถูกพาดปีนขึ้นจากท้ายเครื่อง

หน่วยกล้าตาย 3 นาย ปีนบันไดขึ้นไป เสี้ยววินาทีนั้น คอมมานโดเดนตายอินโดฯ นำหน้าตะโกนส่งสัญญาณ “เอี้ย...” เสียงเงียบไปครู่หนึ่ง.... มีเสียงดัง “เคล้ง” ประตูเปิดออก ทันใดนั้น คอมมานโดเดนตายพุ่งกายเข้าไปในเครื่อง เสียงปืนกล รัวดังขึ้น 

คมกระสุน พุ่งใส่หน่วยกล้าตาย กระเด็น ร่างเกือบตกเครื่อง แต่เพื่อนคอมมานโดก็ช่วยรับ

อีกคนก็กรูเข้าไปอย่างไม่หวาดหวั่นความตาย

จากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นเป็นระยะ ปังปังปัง! ยิงรัว เป็นชุดๆ ต่อเนื่อง ไม่กี่วินาทีต่อมาประตูเครื่องบินด้านข้างเครื่องก็ถูกเปิดออก

คอมมานโดนับสิบนาย กรูขึ้นเครื่องบิน ในจังหวะเดียวกัน คอมมานโดไทย-อินโดฯ ที่ล้อมอยู่ด้านนอกก็บีบวงให้แคบขึ้น เพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน

วินาทีแห่งความเป็นความตาย จู่ๆ มีชายคนหนึ่งกระโดดลงมา ก็ถูกยิงล้มคว่ำทันที คนนั้นคือ สลัดอากาศ
สลัดอากาศอีกคนพยายามจะวิ่งหนี เจ้าหน้าที่คอมมานโดก็รายล้อม จับขึงพืดไว้กับพื้น

ช่วงเวลาผ่านไปดังติดปีกเพียง 6 นาที ก็มีรายงานว่า ปฏิบัติการครั้งนี้สำเร็จ สามารถยึดเครื่องบินคืนได้สำเร็จ

แต่สถานการณ์ที่คาดว่าปกติ กลับไม่ใช่ จู่ๆ มีเสียงปืนดังขึ้นอีก คอมมานโด วิ่งกรูขึ้นเครื่องหนที่สอง เรียกว่าวิ่งแบบปูพรมเคลียร์ทุกซอกมุม เพราะเข้าใจว่า สลัดเวหา ยังเหลือรอดอีก 1 โดยสามารถควบคุมตัวไว้ได้

...



เวลา 02.47 น. ทุกอย่างเงียบลงอีกครั้ง

เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือคนเจ็บ ทราบว่ามี 3 คน สลัดอากาศอินโดนีเซีย กัปตันเครื่องบิน และคอนมานโดของอินโดฯ ที่เป็นหน่วยกล้าตาย ในเวลาต่อมา มีรายงานว่า คนเจ็บทั้ง 3 เสียชีวิต ซึ่งกัปตันเครื่องบินถูกยิงแสกหน้า

ผลสรุป การบุกยึดเครื่องบินคืนครั้งนี้ สลัดอากาศตาย 4 ศพ จับเป็น 1 คน ส่วนตัวประกันทั้งหมดรอดชีวิต หลังเกิดเหตุระทึกครั้งนี้ ทางการอินโดฯ จึงเดินหน้ากวาดล้างผู้ที่เกี่ยวข้องมากกว่า 50 คน

ขณะที่ คนร้ายที่ถูกจับเป็น 1 คน นั้น ก็ต้องจบชีวิตลงในอีก 1 ปีต่อมา หลังศาลพิพากษา ให้ “ประหารชีวิต”

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน