วิเคราะห์ Blackpink หลังต่อสัญญากลุ่ม ความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงถึงอนาคตของ YG Entertainment...

#Blackpink Fourever กระหึ่มโลกโซเชียลมีเดียทันที หลังชาว “Blink” ได้รับทราบข่าวอย่างเป็นทางการถึงการทำสัญญาของ จีซู, เจนนี่, โรเซ่ และ ลิซ่า กับ YG Entertainment “อันสุดแสนว้าวุ่น” มาตั้งแต่ทั้ง 4 สาวสิ้นสุดสัญญา 7 ปีกับต้นสังกัด ตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดย “ยาง ฮยอน ซอก” (Yang Hyun suk) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ Chief Producer ของ YG Entertainment กล่าวถึงการต่อสัญญาที่สำคัญที่สุดฉบับหนึ่งของวงการดนตรีโลก เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า...

“พวกเรารู้สึกยินดีมากที่สามารถสานต่อความสัมพันธ์ของเรากับ Blackpink ได้สำเร็จ และเราจะให้การสนับสนุนอย่างดีที่สุดเพื่อให้ Blackpink เปล่งประกายต่อไป และเพื่อเป็นการตอบแทนแฟนๆ ทั่วโลก จะมีการเดินหน้าผลิตสตูดิโออัลบั้ม และ World Tour ใหม่ในเร็วๆ นี้” 

...

สัญญาล่าสุดระหว่าง YG Entertainment และ Blackpink : 

ในการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ YG Entertainment ระบุเพียงว่า 4 สาว Blackpink ได้ลงนามใน “Exclusive Contract” ซึ่งเป็นสัญญากลุ่มสำหรับการทำกิจกรรมภายใต้ชื่อ “Blackpink” ร่วมกันของทั้ง 4 แมมเบอร์ ส่วนในรายละเอียดอื่นใดนั้น จนถึงวันนี้ (8 ธ.ค. 2023) ยังคงไม่มีการเปิดเผยในรายละเอียดออกมาอย่างเป็นทางการ 

ขณะเดียวกันทาง YG Entertainment ยังไม่ได้มีการพูดถึงสัญญาส่วนตัวของทั้ง จีซู, เจนนี่, โรเซ่ และ ลิซ่า อีกด้วย โดยสื่อหลักในประเทศเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ ยังคงรายงานถึงความคืบหน้าในเรื่องนี้เพียงว่า “ทั้งหมดกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา” 

เหตุใดสัญญาของ Blackpink จึงสำคัญกับ YG Entertainment :  

เกือบ 4 เดือนที่ผ่านมา หุ้น YG Entertainment เต็มไปด้วยความ “ผันผวน” โดยเฉพาะในยามที่เกิดข่าวขึ้นว่าทั้ง 4 สาว หรือเมมเบอร์คนใดคนหนึ่งอาจปฏิเสธที่จะต่อสัญญากับทางต้นสังกัด เพราะหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง จะเท่ากับว่า “รายได้ก้อนโตๆ” ที่เคยได้จาก Blackpink จะหายไปจากหนึ่งใน Big4 ของอุตสาหกรรม K-POP ทันที!   

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : 

อัปเดตล่าสุดการประเมินรายได้ที่ Blackpink สร้างให้กับ YG Entertainment : 

รายได้จาก Born Pink Tour :  

อ้างอิงจาก เว็ปไซต์ Touringdata ปัจจุบัน (8 ธ.ค. 2023) Born Pink Tour สร้างรายได้รวมแล้ว 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (9,193 ล้านบาท) จากการจำหน่ายบัตรรวม 1,485,245 ใบ 

...

Blackpink กับราคาหุ้น YG Entertainment : 

หุ้นของ YG ซึ่งเคยแตะระดับสูงสุดที่ 95,200 วอนต่อหุ้น เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่แล้วหลังจากบริษัทต้องเผชิญกับข่าวในเชิงลบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจากทั้งผู้บริหารหรือศิลปินบางคนในสังกัด รวมถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับการต่อสัญญาของ Blackpink ได้กดดันให้หุ้นของ YG ร่วงลงไปแตะระดับ 48,000 วอนต่อหุ้น ในวันที่ 5 ธ.ค. 2023

หากแต่เมื่อมีการแถลงข่าวต่อสัญญากับทั้ง 4 สาวได้สำเร็จในวันที่ 6 ธ.ค. 2023 หุ้นของ YG ก็พุ่งทะยานขึ้นทันทีหลังตลาดเปิด และสามารถพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 95,200 วอนต่อหุ้น ได้ในช่วงระหว่างการซื้อขายของวันนั้น ก่อนที่จะลดระดับความร้อนแรงลงมาอยู่ที่ 60,300 วอนต่อหุ้น ในช่วงปิดตลาด แต่แม้กระนั้นก็ยังถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าช่วงราคาต่ำสุดถึง 25.6%

รายได้ในภาพรวมของ YG จาก Blackpink :  

นักวิเคราะห์ของ Hyundai Motor Securities Company คาดคำนวณว่า Blackpink ทำรายได้คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 63-75% ของรายได้ทั้งหมดที่ YG สามารถทำได้ในปีนี้ (ปี 2023) ขณะที่ยอดขายอัลบั้มของ Blackpink นั้น คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 63% ของยอดขายอัลบั้มทั้งหมดของต้นสังกัด 

...

ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ 85% ของผลกำไรที่ YG ได้รับนั้น จึงมาจากอิทธิพลทางดนตรีของ จีซู, เจนนี่, โรเซ่ และ ลิซ่า นั่นเอง!

ทั้งนี้ จากรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2023 ของ YG Entertainment ซึ่งเพิ่งมีการประกาศเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัททำรายได้รวมสูงถึง 460,000 ล้านวอน (12,402 ล้านบาท) หรือ เพิ่มขึ้น 73% เมื่อเปรียบเทียบแบบปีต่อปี และมี “กำไร” จากผลการดำเนินงานมากกว่า 86,000 ล้านวอน (2,318 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้น 146% เมื่อเปรียบเทียบแบบปีต่อปี ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ การดำเนินงาน 27 ปี ของบริษัทด้วย

การต่อสัญญาของ Blackpink ส่งผลดีต่อ YG มากน้อยแค่ไหน? :  

ในสายตาของนักวิเคราะห์ในเกาหลีใต้ มองว่า การต่อสัญญากลุ่มกับ Blackpink นอกจากส่งผลในแง่บวกกับ YG เนื่องจากสามารถผ่อนคลาย “ความไม่แน่นอน” ในเชิงของการสร้างรายได้ให้กับบริษัทลงได้บางส่วนแล้ว มันยังถือเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยสำหรับ “การฟูมฟัก” Girl Group แห่งความหวังอย่าง “BabyMonster” ที่บริษัทหมายมั่นปั้นมือให้ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินเบอร์ใหญ่ของค่ายวงต่อไป ให้สามารถค่อยๆ เติบโตได้อย่างแข็งแรงในปีต่อๆ ไป เช่นเดียวกับวง Treasure ที่กำลังไปได้ดีกับการบุกตลาดญี่ปุ่น  

...

อย่างไรก็ดี แนวโน้มที่น่าเป็นห่วงสำหรับ YG Entertainment เมื่อเปรียบเทียบกับอีก 3Big ในอุตสาหกรรม K-POP คือ ยังมีการกระจายความเสี่ยงในแง่ของการหารายได้ “น้อยเกินไป” ดังจะเห็นได้จาก “รายได้” ในปีนี้เกือบทั้งหมดมาจาก 4 สาว Blackpink เพียงวงเดียวนั้น! 

เพราะหากมองไปที่ Hybe ซึ่งเดิมพึ่งรายได้จาก BTS เป็นหลักนั้น ปัจจุบันสามารถบริหารจัดการปัญหากรณีสมาชิก BTS เข้ากรมได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการต่อสัญญากับสมาชิกในวงทุกคนได้ก่อนจะตบเท้าเข้ารับใช้ชาติ หรือการกระจายความเสี่ยงในแง่ของการหารายได้ไปสู่วงอื่นๆ ในสังกัด โดยเฉพาะกับกรณีของ “New jeans”

ขณะเดียวกัน ยังมีการผลักดันเรื่องการบุกเข้าสู่ตลาดสตรีมมิงทั่วโลกอย่างเต็มตัว เพื่อเพิ่มฐานแฟนเพลงในตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตกอย่างจริงจัง เพื่อหารายได้เพิ่มเติมจากยอดขายซีดีอัลบั้มในเกาหลีใต้ที่ค่อยๆ ลดลง 

โดยปัจจุบัน ยอดสมัครสมาชิกรายเดือนของ Hybe บนแพลตฟอร์ม Spotify เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สูงถึง 62 ล้าน Subscribers หรือเพิ่มขึ้นถึง 90% เมื่อเปรียบเทียบแบบปีต่อปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการซื้อค่ายเพลงในสหรัฐฯ และลาตินอเมริกา เพื่อเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการบุกตลาดโลกอีกด้วย 

ซึ่งประเด็นนี้ ตรงกับที่บรรดานักวิเคราะห์ทางการตลาดในเกาหลีใต้ พยายามกระตุ้นให้ค่ายเพลงในอุตสาหกรรม K-POP ลดการพึ่งพาการทำกำไรจากยอดขายซีดีอัลบั้ม เพื่อมุ่งเน้นไปที่การเจาะตลาดสตรีมมิงให้มากขึ้น เพื่อให้ตรงกับจริตการฟังเพลงของโลกตะวันตก โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ ในยุคปัจจุบัน

ด้าน JYP Entertainment เองก็ไม่ได้แตกต่างจาก Hybe มากนักในแง่ของการ “ปรับตัว” เพราะล่าสุด “Twice” กำลังไปได้สวยในการบุกตลาดสหรัฐฯ เช่นกัน หลังบัตรทัวร์คอนเสิร์ต Ready To Be Tour ในสหรัฐฯ ถูกจำหน่ายหมดเกลี้ยง (อ้างอิง เว็บไซต์ Touringdata ล่าสุด Ready To Be Tour ทำรายได้รวม 78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2,781 ล้านบาท) จากการจำหน่ายบัตรรวม 596,956 ใบ) นอกจากนี้ JYP ยังจับมือกับ Live Nation บริษัทชั้นนำด้านการจัดคอนเสิร์ตในระดับโลก เพื่อกระตุ้นเม็ดเงินจากทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงด้วย 

สำหรับ SM Entertainment หลังสามารถสยบศึกภายในอันร้อนระอุลงได้สำเร็จ ล่าสุด ได้ประกาศเตรียมความพร้อมสำหรับการรุกเข้าสู่ตลาดตะวันตกอย่างเต็มตัวแล้วเช่นกัน โดยจะมีการเปิดตัวรายการ Audition ศิลปิน Boy Band วงใหม่ที่ประเทศอังกฤษในเร็วๆ นี้ รวมถึงมีแผนที่จะผลักดันเรื่องการทำอัลบั้มภาษาอังกฤษให้มากขึ้นด้วย 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง :  

Blackpink หลังต่อสัญญากลุ่ม และอนาคตของ YG Entertainment :

ปัจจุบัน จีซู, เจนนี่, โรเซ่ และ ลิ่า กำลังอยู่ในในช่วงการพักวงชั่วคราว โดยนักวิเคราะห์ในเกาหลีใต้ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า ทั้ง 4 สาว น่าจะกลับมารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมในฐานะ Blackpink อีกครั้งในช่วงประมาณไตรมาส 4 ของปี 2024 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง รายได้ที่ YG จะได้รับจาก Blackpink หลังการต่อสัญญากลุ่มฉบับล่าสุดนี้ จะเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป 

ด้วยเหตุนี้ นักวิเคราะห์ด้านการลงทุนจาก Yuanta Securities จึงคาดว่า รายได้ของ YG ในช่วงปี 2024 อาจลดลงมาเหลือเพียง 363,900 ล้านวอน (9,811 ล้านบาท) หรือ ลดลงถึง 32.7% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2023 และผลกำไรของบริษัทอาจลดลงมาเหลือเพียง 46,200 ล้านวอน (1,245 ล้านบาท) หรือลดลงถึง 51% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2023

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

อ่านบทความที่น่าสนใจ