Resident Evil 4 Remake จุดต่างจากต้นฉบับ กับการรีเมกระดับตำนานที่ทั้งพิถีพิถันและเคารพต้นฉบับ...

สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งในรายการ "รู้รอบเกม" EP: 14 กับผม "กุมภฤทธิ์ พุฒิภิญโญ" และไทยรัฐออนไลน์! สำหรับเกมเมอร์ทั่วโลกนั้น ซีรีส์ Resident Evil น่าจะเรียกได้ว่าเป็นต้นตำรับเกมแนว Survival Horror ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุดของวงการเกม นับตั้งแต่การวางจำหน่ายเกมภาคแรกบนเครื่อง PlayStation เมื่อปี 1996 จวบจนทุกวันนี้ Resident Evil มีเกมภาคหลักออกมาแล้วถึง 8 ภาค และภาค spin off อีกนับไม่ถ้วน นับเป็นหนึ่งในเกมที่มียอดขายสูงสุดซีรีส์หนึ่ง ของต้นสังกัดอย่างค่าย Capcom

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ กระแสการรีเมก-รีมาสเตอร์เกมเก่าๆ ของตัวเองมาขายใหม่ เป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ทีมพัฒนาเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายเกมที่มีประวัติศาสตร์ และมีผลงานซึ่งเป็นที่จดจำของแฟนๆ มันคือการนำเอาโครงสร้างของเกมบางส่วนมาปรับปรุงและวางจำหน่ายใหม่อีกครั้ง นับว่าเป็นการได้รับโอกาสครั้งที่สองในการแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงผลงานในอดีตของตัวเองให้มีเนื้อหาครบถ้วน หรือมีความทันสมัยมากขึ้น พร้อมกับประหยัดต้นทุนและเวลาที่จะใช้ในการสร้างเกมขึ้นมาใหม่ทั้งหมดในคราวเดียวกันด้วย แนวทางนี้ถือว่าค่ายเกมชอบกันมาก เพราะการนำเอาเกมเก่ามารีเมก หรือรีมาสเตอร์ใหม่ มักจะเป็นการการันตีฐานแฟน กระแสสื่อ และยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพประมาณหนึ่งเลย

...

Capcom เองก็เป็นหนึ่งในพับลิชเชอร์ที่มีเกมเก่าอยู่ในคลังเป็นจำนวนมาก และเริ่มใช้นโยบายรีเมกรีมาสเตอร์เกมมาขายใหม่บ่อยครั้ง โดยสำหรับซีรีส์ดังอย่าง Resident Evil พวกเขาก็เคยรีเมกเกมภาค 1 ไปเมื่อปี 2002 ภาค 2 ในปี 2019 และภาค 3 ในปี 2020 ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ประกาศโปรเจกต์ในการรีเมก Resident Evil ภาคที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในวิดีโอเกมที่ดีที่สุด เท่าที่มีการเคยสร้างกันมา นั่นก็คือ Resident Evil 4 จากวันนั้นจนถึงวันนี้ 3 ปีผ่านไปครับ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา Resident Evil 4 Remake ก็ได้วางจำหน่าย และมันยังคงความยอดเยี่ยมเอาไว้ไม่แพ้ต้นฉบับ จนถึงขนาดที่บางคนอาจจะบอกว่า มันเหนือล้ำกว่าเกมต้นฉบับเสียด้วยซ้ำ

รายการ "รู้รอบเกม" ในวันนี้ เราจะมาพูดถึงเหตุปัจจัย ที่ทำให้เกม Resident Evil 4 กลายเป็นเกมอตมะ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงและแรงกระเพื่อมให้กับวงการเกม และความแตกต่างใหม่ๆ ที่ถูกใส่เข้ามาในภาค Remake จนมันได้กลายเป็นการรีเมกระดับตำนานซ้อนตำนานได้ เชิญรับชมกันได้เลย

อย่างที่ผมได้เกริ่นไปในช่วงต้นว่า Resident Evil 4 นั้นเป็นหนึ่งในเกมที่ถูกยกย่องว่าดีที่สุดตลอดกาล สาเหตุก็เพราะนอกจากเกมเพลย์ที่สนุกเร้าใจแล้ว RE4 ยังได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมพัฒนาเกมในยุคหลังอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราจะมาจำแนกองค์ประกอบกันว่า อะไรที่ทำให้เกมนี้ยอดเยี่ยม เริ่มกันตั้งแต่ ความพยายามที่จะสร้างอะไรใหม่ๆ

หากเรามองย้อนกลับไป ในวันที่ RE4 วางจำหน่าย ต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่าก่อนหน้านั้นมีเกม Resident Evil วางขายมาแล้ว 12 เกม ซึ่งผูกเนื้อหาโยงใยกับองค์กร Umbrella การทดลองลับ และเหล่าอสุรกายปิศาจร้ายที่เราต้องรับมือ ต้องบอกว่าแนวทางที่ผ่านมาของ RE ในช่วงเกือบ 10 ปีที่เกมนี้อยู่ในท้องตลาด ณ ตอนนั้น ไม่พ้นจากขนบเหล่านี้เลย หรือจะพูดง่ายๆ ว่ามันเริ่มจะวนซ้ำลูปถึงทางตันกันแล้ว ในวันนั้นผมจึงเชื่อว่าทีมงาน Capcom น่าจะต้องการสร้างอะไรใหม่ๆ ที่แตกต่างจากสูตรเดิมๆ

การสร้าง RE4 จึงถือเป็นการปฏิวัติตัวเองครั้งใหญ่ของซีรีส์ ตั้งแต่การใส่เกมเพลย์ที่เป็นแอ็กชั่นจัดมากๆ จนเบียดความเป็น Survival Horror แทบจะเลือนหายไปหมด หรือในส่วนของเนื้อเรื่องยังมีการพยายามจะฉีกตัวเองออกจากจักรวาลที่ทีมงานเคยสร้างเอาไว้ในภาคก่อนหน้า ตั้งแต่การทำให้ Umbrella ล่มสลายไปเลยแบบงงๆ ราวกับว่าพวกเขาอยากเปลี่ยนตัวร้าย ล้างไผ่เริ่มใหม่กันทั้งหมด

...

สยองขวัญ ระทึกใจ : 

นั่นจึงทำให้เป็นที่มาของกระแสคำวิจารณ์ว่า RE ภาคนี้ได้ “ลดทอน” หรือถึงขั้น “ละทิ้ง” ความเป็นเกมสยองขวัญ ซึ่งเป็นจุดกำเนิดดั้งเดิมของตัวเอง ปรับมามีความแอ็กชั่นระเบิดภูเขาเผากระท่อมมากขึ้น ซึ่งประเด็นนี้กลายเป็นส่งผลดีใหญ่หลวงต่อตัวเกมครับ เพราะเมื่อเราพูดถึงเกมสยองขวัญ คนจำนวนมากมักจะคิดว่าจะต้องเน้นไปที่ความน่ากลัวขนพองสยองเกล้าสูงสุดไว้เป็นหลักก่อน แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น แฟนเกมที่ชื่นชอบความน่ากลัวจริงๆ ไม่ได้มีจำนวนมากขนาดนั้น คนมากมายเล่นเกมผีไม่ไหว เพราะมันน่ากลัวมากเกินไป แต่ถ้าจะให้สร้างเกมสยองขวัญเอาตัวรอดที่ไม่ต้องน่ากลัวมากๆ มันจะเป็นไปได้ยังไง?

ในข้อนี้กลับกลายเป็นว่า Capcom เขามี secret sauce หรือว่าท่าไม้ตายพิเศษเอาไว้ดักจับแฟนหน้าใหม่ครับ นั่นก็คือเขาลดความน่ากลัว แต่เขาไม่ได้ลดความระทึกขวัญลงไป ข้อสังเกตก็คือหลังจากที่ผ่านช่วงต้นเกมไป บรรยากาศของความวังเวง หรือน่ากลัวของเกมนั้นลดลง แต่สิ่งที่เข้ามาแทนที่ คือความลุ้นระทึก ว่าเราในฐานะผู้เล่นจะสามารถเอาตัวรอด หรือผ่านการต่อสู้ที่ค่อนข้างท้าทายของเกมไปได้ยังไง? ศัตรูแบบไหนที่เราจะต้องเจออีก? หรือทรัพยากรที่เรามีจะเพียงพอต่อไปไหมนะ? ปัจจัยเหล่านี้ถูกนำมาผสมผสานกันจนกลายเป็นเกมแอ็กชั่นที่เต็มไปด้วย setpiece อลังการน่าประทับใจ เพราะมีจังหวะที่สนุก ดุเดือด มีอะไรให้ลุ้นให้ติดตามตลอดทั้งเกม

...

ไม่เพียงเท่านั้น ระหว่างการผจญภัย เราจะได้พบกับพ่อค้า ซึ่งจะขายและอัปเกรดไอเทมให้กับผู้เล่น อาวุธชิ้นเดิมที่เคยใช้มาเนิ่นนาน จะมีอานุภาพที่สูงขึ้นได้ หากเราสะสมเงินที่ได้จากการปราบศัตรูภายในเกมมาอัปเกรด หรือเราอาจจะนำเงินมาขยายกระเป๋า เพื่อให้ใส่สัมภาระได้มากขึ้นด้วย ระบบการพัฒนาตัวละครแบบเกม RPG นี้ เมื่อนำมาประกอบเข้ากับการจัดเรียงวางจังหวะลำดับการผจญภัยที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้เกมนี้สามารถดึงความสนใจของผู้เล่นเอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด

มุมกล้องข้ามไหล่ : 

มุมมองข้ามไหล่ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดปฏิวัติวงการ เพราะก่อนหน้านั้นเกมในตระกูล RE จะใช้การควบคุมตัวละครแบบ Tank Control มาโดยตลอด ซึ่งก็คือการที่คุณจะบังคับการเคลื่อนที่ของตัวละครได้ แต่ไม่สามารถบังคับมุมกล้องในการมองเห็นฉากได้ แล้วเปลี่ยนมาเป็นมุมกล้องแบบใหม่ที่เราเรียกว่า Third person การจัดมุมกล้องแบบนี้ช่วยสร้างความกดดันให้กับผู้เล่นอย่างมาก เพราะทัศนวิสัยจำกัดอยู่เฉพาะแค่ทิศทางที่ตัวละครหันหน้าเท่านั้น และในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ผู้เล่นได้เห็นความเป็นแอ็กชั่นต่างๆ ได้อย่างเต็มตามากขึ้นด้วย

...

QTE : 

ย่อมาจาก Quick Time Event คือระบบกลไกเกมเพลย์ ที่จะปรากฏคำสั่งการกดปุ่มควบคุมในรูปแบบอย่างหนึ่งอย่างใดขึ้นอย่างกะทันหัน และบังคับให้ผู้เล่นตอบสนองโดยฉับพลันเพื่อสร้างความประหลาดใจ ซึ่งก็ปรากฏอยู่กระจัดกระจายทั่วไปในเกม ซึ่งถูกนำมาใช้ในฉากแอ็กชั่นเพื่อสลับจังหวะของเกมได้ดีมาก ทั้งระบบมุมกล้องผ่านไหล่และก็ระบบ QTE นั้น RE4 อาจจะไม่ใช่เกมแรกที่มีการคิดค้นขึ้น อย่างไรก็ตาม ทั้งสองระบบถูกทำให้เป็นที่รู้จัก และเป็นแรงบันดาลใจให้กับเกมอื่นๆ จำนวนมากอย่างแพร่หลาย ก็ด้วยเพราะระบบเหล่านี้ถูกนำมาใช้ใน Resident Evil 4 นั่นเอง

และนั่นคือเหตุผลหลักที่ทำให้ RE4 นั้นเป็นที่จดจำจนถึงขั้นกลายเป็นเกมระดับตำนานครับ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องน่ายินดีมากพออยู่แล้ว แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า 18 ปีผ่านไป Capcom ก็สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ซ้ำสอง กับ Resident Evil 4 Remake ที่ยอดเยี่ยมทัดเทียม หรือบางคนอาจจะพูดได้ว่า “เหนือกว่า” ตัวเกมต้นฉบับเสียด้วยซ้ำ

"จุดเด่น" อันหลากหลายของตัวเกมในเวอร์ชันรีเมกปี 2023 นี้ ก็ตั้งแต่การใช้ RE Engine ของทางค่าย ที่พวกเขาไว้วางใจใช้ในการสร้างเกม Resident Evil 7 Biohazrd, Resident Evil 2 และ 3 Remake รวมไปถึง Resident Evil Village อีกด้วย มันเนรมิตภาพได้ทั้งสวยงาม และคงเพอร์ฟอร์แมนซ์อันยอดเยี่ยมเอาไว้ได้ ถือว่าเป็นเอนจินที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสูงมากในตลาดตอนนี้

"กุมภฤทธิ์ พุฒิภิญโญ" หรือ พี่กู้ พิธีกรรายการรู้รอบเกม

และเมื่อเปลี่ยนมาใช้การเอนจินใหม่ วิธีการควบคุมและการเคลื่อนไหวของตัวละครก็แทบยกมาจากเกมภาคก่อนหน้าในเอนจินเดียวกันมาทั้งหมด โดยตัวเกมจะยังใช้มุมกล้องข้ามไหล่อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมีการควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวละครที่ลื่นไหล และหลากหลายมากขึ้น

อาวุธชนิดหนึ่งซึ่งมีส่วนสำคัญกับเกมเพลย์ในเกม RE4 เวอร์ชันต้นฉบับ แต่ถูกอัปเกรดให้กลายเป็นอุปกรณ์ประจำตัวที่มีส่วนสำคัญและขาดไม่ได้สำหรับเกม นั่นก็คือ มีด Combat Knife อเนกประสงค์ที่ใช้ทั้งเป็นอาวุธระยะใกล้, ใช้เป็นเครื่องมือทำลายข้าวของเพื่อตามหาไอเทม ไปจนถึงเพิ่มแอ็กชั่นเท่ๆ อันแสนมีประโยชน์อย่างการปัดป้องการโจมตีของศัตรู ที่เห็นแล้วต้องบอกว่าตราตรึงใจจริงๆ

ระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้ก็มีอีกหลายอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บวัตถุดิบอย่างดินปืนมาการสร้างกระสุนให้กับอาวุธชนิดต่างๆ ไม่ได้สร้างได้แค่ผสมสมุนไพรสามสีเหมือนแต่ก่อน ก็เพิ่มความซับซ้อนให้กับเกมไปอีกระดับ, ระบบ Side quest ที่พ่อค้าขายของจะค่อยส่งเอกสารให้เราไปทำภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักและต้องออกสำรวจนอกเส้นทาง

ทำให้เราได้พบความลับต่างๆ ที่น่าสนใจ แถมยังได้ค่าตอบแทนเป็นเพชรที่เอาไว้ใช้ในการปลดล็อกไอเทมอื่นๆ จากร้านค้าอีกด้วย และระบบที่เพิ่มเติมขึ้นมาใหม่และสร้างความเปลี่ยนแปลงได้น่าสนใจมากที่อยู่ประการหนึ่งก็คือระบบ Stealth หรือการเล่นแบบซุ่มซ่อนลอบเร้น ทำให้ผู้เล่นสามารถย่องเข้าใกล้ศัตรูและใช้มีดโจมตีได้ ช่วยเพิ่มมิติให้กับเกมได้หลายรูปแบบมากขึ้น

และสุดท้ายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงและน่าจะส่งผลดีที่สุดสำหรับ RE4 Remake ก็คือ การสะสางเรื่องราวที่เคยพัวพันยุ่งเหยิง, ไม่ได้ใส่รายละเอียดเอาไว้, ไปจนถึงการปรับปรุงแต่งเติมเพิ่มขึ้นมาใหม่ เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาของตัวเกมได้ดียิ่งขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำออกมาได้ถูกใจแฟนๆ มากที่สุดข้อหนึ่ง

ทำให้โดยสรุปแล้ว Resident Evil 4 Remake คือการนำเกมเก่ามาเล่าใหม่อย่างพิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียดครบทุกด้าน แก้ไขข้อบกพร่องของเดิม และเติมความน่าสนใจใหม่ๆ ลงไป อย่างเคารพต้นฉบับ เป็นการรีเมกเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล ได้ดีที่สุดตลอดกาล ครั้งหนึ่งจริงๆ

อ่านบทความ "รายการรู้รอบเกม" เพิ่มเติม