ธุรกิจมูเตลู หรือสายมู เล่นกับความเชื่อของผู้ชื่นชอบศาสตร์เร้นลับในการบนบานศาลกล่าว ไหว้พระขอพร บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และหาเคล็ดลับสารพัดวิธีตามที่ได้ยินได้ฟังมา เพื่อเสริมดวงชะตาให้มีโชคลาภ อาชีพการงานรุ่งเรือง และค้าขายเฮงๆ รวยๆ กำลังมาแรงอย่างมากแบบก้าวกระโดดในประเทศไทย ในการนำความเชื่อเหล่านั้นมาวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด มาสร้างรายได้และผลกำไรให้กับธุรกิจ
การเติบโตของธุรกิจด้านความเชื่อช่วงปี 2563-2565 หรือ 3 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นของคนไทย นอกนั้นมีการลงทุนจากจีน ร้อยละ 2.40 และฝรั่งเศส ร้อยละ 0.96 จากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ พบว่า ปี 2563 จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ 11 ราย ทุนจดทะเบียน 7.59 ล้านบาท ปี 2564 จัดตั้งธุรกิจ 20 ราย เพิ่มขึ้น 9 ราย หรือร้อยละ 81.8 ทุนจดทะเบียน 13.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.82 ล้านบาท หรือร้อยละ 76.7 และปี 2565 จัดตั้งธุรกิจ 24 ราย เพิ่มขึ้น 4 ราย หรือร้อยละ 20 ทุนจดทะเบียน 27.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.04 ล้านบาท หรือร้อยละ 104.7
ความเชื่อโชคลางอยู่คู่กับคนไทยมานาน แทบจะเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันในการตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ตั้งแต่ก่อนจะออกจากบ้าน ทั้งการใส่เสื้อผ้าสีมงคล การถือฤกษ์งามยามดี การไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของแต่ละคน ยังไม่รวมชาวต่างชาติที่มีความเชื่อในเรื่องนี้โดยเฉพาะคนจีน ยิ่งทำให้ธุรกิจสายมูมีแนวโน้มเติบโตมากยิ่งขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ และอาจมีส่วนผลักดันเศรษฐกิจไทยเติบโตได้ดีในอนาคต สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศชาติ
...
นำไปสู่ข้อเสนอในการเดินหน้า "เศรษฐกิจสายมู" หนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์แบบไทยๆ และจะต้องทำควบคู่กับการท่องเที่ยว ในมุมมองของนักการตลาด “ดร.ภูษิต วงศ์หล่อสายชล” ผู้อำนวยการหลักสูตร aMBA มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจสายมูจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย เหมือนกับซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศเกาหลี ทั้งเรื่องศิลปิน เรื่องอาหาร ที่ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับดีมากๆ
จากที่ผ่านมาประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกประเภทสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาหารและสินค้าเกษตร รวมถึงภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซอฟต์พาวเวอร์ในเรื่องธรรมชาติ ป่าเขา และทะเล แต่หากทำควบคู่กับเศรษฐกิจสายมู จะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่ หัวหิน พัทยา และวัดต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จ จนมีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มไปหมด ทำให้วันนี้ต้องกลับมาทบทวนว่าสิ่งเหล่านี้เริ่มหมดแรงดึงดูดไปแล้วหรือไม่
“ได้ร่วมทำเวิร์กช็อปในหลักสูตรหนึ่ง เสนอนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งส่วนใหญ่เสนอด้านสุขภาพ และอีกส่วนหนึ่งเสนอด้านสายมู ซอฟต์พาวเวอร์ของไทย นอกเหนือจากอาหารไทย เช่น ผัดไทย ถูกจัดให้เป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษในพจนานุกรมชื่อดังไปแล้ว ทำให้เห็นว่าไทยควรส่งออกสายมู เช่น วัตถุมงคล และโดยเฉพาะการนั่งสมาธิ เป็นที่นิยมในกลุ่มชาวต่างชาติ จนบริษัทใหญ่อย่างกูเกิล หรือแม้แต่แอปเปิล จัดคอร์สนั่งสมาธิให้กับพนักงาน เพื่อให้มีอีคิวสูงขึ้น หยุดอยู่กับตัวเองให้มากขึ้น ทำให้เริ่มเห็นว่าการนั่งสมาธิ มีผลต่อจิตใจ”
เศรษฐกิจสายมู ที่พึ่งทางใจการท่องเที่ยวแนวใหม่
เศรษฐกิจสายมู ยังเป็นเรื่องของการขอพร เพราะคนทุกคนมีความหวัง อยากมีที่พึ่งทางใจ และแต่ละคนมีหลายความต้องการมากๆ ทั้งอยากรวย อยากมีหน้าที่การงานที่ดี อยากมีสุขภาพที่ดี อยากประสบความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการ ทำให้มองว่าประเทศไทยน่าจะมีนโยบายเศรษฐกิจสายมู ควบคู่กับการท่องเที่ยว และไทยยังมีวัดป่าเป็นจำนวนมาก เพื่อทำสมาธิและทำบุญ นำมาพัฒนาทำให้สะอาดหรูหรามากขึ้น ให้เป็นการท่องเที่ยวอีกแบบหนึ่งที่ดีต่อสุขภาพ และมีอาหารออร์แกนิกรูปแบบต่างๆ เพื่อชำระล้างร่างกาย
การผลักดันเศรษฐกิจสายมู ไม่ได้ต้องการให้คนหลงงมงาย แต่ให้มาชาร์จแบตร่างกาย มาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ร่วมกิจกรรมนั่งสมาธิ เพื่อหาแสงสว่างสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง จากการเข้าไปอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว ที่พัก และมีการฝึกสมาธิในวัดป่า ทำเป็นสถานที่เรียนสมาธิ ซึ่งสามารถส่งออกได้ และสุดท้าย คือ วัตถุมงคล ทำเหมือนเป็นภาพวาดเกจิดังๆ ในไทย ให้คนรวยสะสมแต่ไม่ใช่ให้งมงาย และจะเป็นเศรษฐกิจรากหญ้าที่ไทยสามารถทำได้ โดยที่ประเทศอื่นไม่มี เพราะวันนี้คงไม่มีใครต้องการสถานท่องเที่ยวยามราตรีอย่างในอดีต
...
“อยากให้นักการเมืองรุ่นใหม่ มาพูดเชียร์เศรษฐกิจสายมู ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาด้วยความหวังที่อยากจะประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆ ได้เข้ามาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างการมากราบไหว้ศาลพระพรหมเอราวัณ และเมื่อสามารถขอได้ เช่น ขอให้มีลูก ขอเรื่องตำแหน่งหน้าที่การงาน ก็จะกลับมา และจะเป็นการบอกแบบปากต่อปาก ซึ่งสถานที่ต่างๆ จะต้องยกระดับให้มีมาตรฐานมากขึ้น ไม่ให้มีการหลอกลวง”
เรื่องเล่าความเชื่อมูเตลู ผ่านการโปรโมต ให้รู้ไปทั่วโลก
อีกอย่างหนึ่งวัดต่างๆ ในไทย มีร่างเกจิดังซึ่งไม่เน่าเปื่อย อาจทำกลยุทธ์การขายวิธีเตรียมตัวก่อนตายอย่างสงบ จากการทำสมาธิ ซึ่งการผลักดันเศรษฐกิจสายมู เน้นการสร้างสมาธิและสุขภาพที่ดี หวังว่านักการเมืองหัวก้าวหน้าจะสนใจ จัดทำร่างแม่บทด้านการท่องเที่ยวและมีเศรษฐกิจสายมู ให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ ในการอยู่กับธรรมชาติ และการจะเดินหน้าต้องเริ่มจากการสร้างโปรดักต์ มีการสื่อสารผ่านทางอินฟลูเอนเซอร์
...
หรือดารานักแสดงระดับโลกที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทย มีการสอดแทรกในภาพยนตร์ต่างประเทศ และโปรโมตผ่านสำนักข่าวชื่อดัง เหมือนการโปรโมตเทศกาลสงกรานต์จนเป็นที่รู้จักของทั่วโลก จากการสื่อสารถึงประโยชน์ของเศรษฐกิจสายมู นำมาต่อยอดผ่านเรื่องเล่าในช่วงเทศกาลสำคัญในเรื่องของความเชื่อคนไทย อย่างประเพณีงานบุญบั้งไฟ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนเศรษฐกิจสายมูในลักษณะแหล่งท่องเที่ยว และสุดท้ายจะส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แม้ในช่วงแรกจะต้องใช้เงินก้อนใหญ่ลงทุน เหมือนกับเกาหลี แต่ก็ประสบความสำเร็จในที่สุด
สรุปแล้วเศรษฐกิจสายมูจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลในการยกร่างนโยบายสร้างระบบเศรษฐกิจ ร่วมกับภาคเอกชน ในการทำตลาดสร้างสตอรี่เทลลิ่งในการเล่าเรื่อง มีการจัดกรุ๊ปทัวร์สายมู เหมือนการท่องเที่ยว ทำเป็นแพ็กเกจทัวร์มูเตลู ให้กับนักท่องเที่ยว และขายของที่เกี่ยวข้องกับสายมู เพราะอย่าลืมว่าคนทุกชาติ ทุกภาษา ต่างมีโฮป (Hope) ต่างมีความหวังในสิ่งที่ต้องการ และหวังว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้น.