ในวันหยุดสบายๆ แบบนี้ “เรา” มาพักเรื่องเครียดๆ จากสารพัดปัญหาทางเศรษฐกิจที่กำลังรุมเร้าชาวโลกและชาวไทยอยู่ในเวลานี้ แล้วลองไปส่องอีกโลกหนึ่งของ เหล่า "Sneakerheads" และ สาวก "Streetwear" ที่ “คุณ” อาจต้องเผลอร้องอุทานด้วยความตกใจ หลังรู้ถึงราคา Resale ของรองเท้าบางคู่ และ เสื้อยืดบางตัว ที่สามารถสร้างผลกำไรได้สูงจนน่าเหลือเชื่อเมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายในช่วงเปิดตัวเมื่อหลายปีก่อน เผื่อว่าบางที “คุณ” อาจได้ไอเดียใหม่ๆ สำหรับการลงทุนในโลกที่กำลังอยู่ในช่วง “เงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น” เช่นในเวลานี้บ้างก็เป็นได้
และนี่คือ 3 อันดับ "สนีกเกอร์" ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดจากการลงทุนตามข้อมูลของแพลตฟอร์ม StockX แหล่งรวมการซื้อ-ขาย ที่ได้รับความนิยมของเหล่า Sneakerheads และ สาวก Streetwear ทั้งมวล
...
1. Nike Dunk SB Low Paris (2003)
ราคาเปิดตัว 60 ดอลลาร์สหรัฐ (2,131 บาท)
ราคาเสนอขายต่ำสุด 89,691 ดอลลาร์สหรัฐ (3,186,721 บาท)
กำไร 149,385%
หนึ่งในรองเท้า Nike Dunks ที่เหล่า Sneakerheads ต้องการมากที่สุด โดยมันเปิดตัวครั้งแรกในปี 2003 และผลิตออกมาเพียง 202 คู่เท่านั้น โดยนำไปวางจำหน่ายเฉพาะในงานศิลปะเพื่อรำลึกถึง Bernard Buffet ศิลปินชื่อดังชาวฝรั่งเศส โดยเอกลักษณ์อันโดดเด่นของมันคือ บริเวณส่วนห่อหุ้มเท้าด้านบนของรองเท้า (Upper) มีการนำภาพศิลปะของศิลปินผู้นี้มาใช้ ด้วยเหตุนี้ ส่วน Upper ของรองเท้าทั้ง 202 คู่ จึงไม่เหมือนกันเลยสักคู่
2. Jordan 1 OG Bred (1985)
ราคาเปิดตัว 65 ดอลลาร์สหรัฐ (2,309 บาท)
ราคาเสนอขายต่ำสุด 94,675 ดอลลาร์สหรัฐ (3,363,802 บาท)
กำไร 145,554%
จอกศักดิ์สิทธิ์แห่งวงการสนีกเกอร์ ที่นำไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมรองเท้ากีฬาและแฟชั่นโลกเปิดตัวในปี 1985 โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง Nike และ นักบาสเกตบอลที่เก่งที่สุดคนหนึ่งเท่าที่โลกเคยมีมา ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) โดยมันถูก MJ สวมใส่ลงเล่นในลีกถึงแม้ว่า NBA จะพยายามสกัดกั้นด้วยการสั่งปรับเป็นเงินสูงถึง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในทุกๆ ครั้งที่มันอยู่บนคอร์ตก็ตาม แต่ Nike ซึ่งเป็นผู้จ่ายค่าปรับแทนก็หาได้แคร์ไม่เพราะยอดขายมันถล่มทลายอย่างเหลือเชื่อ
3. Nike SB Dunk Low London (ปี 2004)
ราคาเปิดตัว 60 ดอลลาร์สหรัฐ (2,131 บาท)
ราคาเสนอขายต่ำสุด 24,900 ดอลลาร์สหรัฐ (884,697 บาท)
กำไร 41,400%
หนึ่งในสนีกเกอร์ที่หายากที่สุดในโลก เนื่องจากมันถูกผลิตออกมาเพียง 202 คู่ เช่นเดียวกับ Nike Dunk SB Low Paris และถูกขายเฉพาะในงานแสดงนิทรรศการศิลปะเหมือนกัน (จัดที่ลอนดอน) โดยเอกลักษณ์อันโดดเด่นของสนีกเกอร์คู่นี้คือ ลวดลายเส้นสีน้ำเงินที่บริเวณส้นได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก แม่น้ำเทมส์ ใน กรุงลอนดอน ส่วนสีเทาหนังกลับของสนีกเกอร์ เป็นการมุ่งสะท้อนสภาพอากาศอันขมุกขมัวของเมืองหลวงประเทศอังกฤษที่มักเกิดฝนตกและหมอกเกือบตลอดเวลา
อย่างไรก็ดีในทางกลับกันมันก็มี สนีกเกอร์บางคู่ ที่สร้างความน่าผิดหวังให้กับเหล่า Sneakerheads ที่สู้อุตส่าห์ทุ่มทั้งทุนรอนและแรงกายในการรีบไปเบียดแย่งกับคู่แข่งเพื่อเข้าคิวซื้อด้วยความยากลำบาก แต่ผลตอบลัพธ์ที่ได้กลับไม่คุ้มค่ามากนัก
และนี่คือ 3 อันดับสนีกเกอร์ ที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำที่สุด :
...
1. Nike Dunk SB High Oakland Athletics (2015)
ราคาเปิดตัว 100 ดอลลาร์สหรัฐ (3,553 บาท)
ราคาเสนอขายต่ำสุด 484 ดอลลาร์สหรัฐ (17,196 บาท)
กำไร 384%
สนีกเกอร์สีเหลือง-เขียว ที่ถูกผลิตออกมาเมื่อปี 2015 เพื่อเป็นการรำลึกถึงการคว้าแชมป์เบสบอลเวิลด์ซีรีส์ของทีม Oakland Athletics ในปี 1990 แต่แม้จะผ่านไปแล้วร่วม 7 ปี ราคา Resale เพิ่งขึ้นไปแตะที่เพียง 484 ดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้น
2. Nike SB Dunk High Iowa (2005)
ราคาเปิดตัว 70 ดอลลาร์สหรัฐ (2,487 บาท)
ราคาเสนอขายต่ำสุด 665 ดอลลาร์สหรัฐ (23,627 บาท)
กำไร 850%
เปิดตัวในปี 2005 โดยมันถูกผลิตออกมาเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ของ Nike Dunk รุ่นออริจินอล โดยมีการปรับการออกแบบเพียงเล็กเพื่อให้เหมาะสมกับการเล่นสเกตบอร์ดให้มากขึ้น โดยสีเหลืองและสีดำของสนีกเกอร์คู่นี้ เป็นการสื่อถึง มหาวิทยาลัยแห่งรัฐไอโอวา (Iowa State University) ซึ่ง Nike Dunk รุ่นออริจินอล เป็นที่ชื่นชอบอย่างมากของทีมบาสเกตบอลของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ และถึงแม้จะได้รับความนิยมมากพอสมควร แต่ราคา Resale ยังไต่ขึ้นไปได้เพียง 665 ดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้น
3. Nike SB Blazer Supreme Black (2006)
ราคาเปิดตัว 180 ดอลลาร์สหรัฐ (6,395 บาท)
ราคาเสนอขายต่ำสุด 1,766 ดอลลาร์สหรัฐ (62,745 บาท)
กำไร 881%
การ Collabs ระหว่าง Nike และแบรนด์ Steetwear ชื่อดังอย่าง Supreme ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากแบรนด์แฟชั่นสุดหรูอย่าง Gucci และ Channel โดยความโดดเด่นของมันอยู่ที่ Upper หนังสีดำ และ Swoosh หนังงู หากแต่แม้จะดูหรูหราและโดดเด่นถึงขนาดนี้ แต่ราคา Resale ในปัจจุบันกลับยังอยู่ที่เพียง 1,766 ดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้น เรียกว่า ค่อนข้างผิดฟอร์มไปพอสมควร
...
ทีนี้ “เรา” หันไปดู Streetwear กันบ้างว่า ไอเทมชิ้นไหนที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่การลงทุน และ ไอเทมชิ้นไหนที่ช่างน่าผิดหวังกันบ้าง
3 ไอเทมเด็ดที่สุดคุ้มค่าแก่การลงทุน :
1. Supreme 20th Anniversary Box Logo tee Natural (2014)
ราคาเปิดตัว 32 ดอลลาร์สหรัฐ (1,136 บาท)
ราคาเสนอขายต่ำสุด 888 ดอลลาร์สหรัฐ (31,550 บาท)
กำไร 2,675%
เสื้อยืดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Collection เฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ของแบรนด์ Supreme โดยมีราคาเปิดตัวเพียง 32 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ในเวลานี้ ราคา Resale พุ่งไปถึง 888 ดอลลาร์สหรัฐแล้ว
2. Supreme Undercover Witch Tee White (2015)
ราคาเปิดตัว 44 ดอลลาร์สหรัฐ (1,563 บาท)
ราคาเสนอขายต่ำสุด 829 ดอลลาร์สหรัฐ (29,454 บาท)
กำไร 1,784%
การ Collabs ระหว่างสองแบรนด์ Streetwear ชื่อดังอย่าง Supreme และ Undercover เปิดตัวในปี 2015 ที่ราคา 44 ดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันราคา Resale พุ่งขึ้นไปมากกว่า 8 เท่าแล้ว
...
3. Supreme Candy Tee Grey
ราคาเปิดตัว 32 ดอลลาร์สหรัฐ (1,136 บาท)
ราคาเสนอขายต่ำสุด 565 ดอลลาร์สหรัฐ (20,074 บาท)
กำไร 1,666%
นี่คือหนึ่งในเสื้อยืดที่หายากที่สุด เนื่องจาก Supreme มีการเรียกคืนสินค้าหลังถูกฟ้องร้องเรื่องการใช้โลโก้ของบริษัทอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ด้วยเหตุนี้ ราคา Resale ของมันจึงพุ่งไปไกลได้ถึง 565 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วน 3 ไอเทมที่น่าผิดหวังในแง่ผลตอบแทนจากการลงทุนนั้น ประกอบด้วย :
1. Supreme Nike Reversible Nylon Sherpa Vest Mustard (2018)
ราคาเปิดตัว 168 ดอลลาร์สหรัฐ (5,969 บาท)
ราคาเสนอขายต่ำสุด 131 ดอลลาร์สหรัฐ (4,654 บาท)
ขาดทุน -22%
การ Collabs ระหว่าง Nike และ Supreme โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Collection ฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาวปี 2018 และแม้จะความโดดเด่นด้วยการโชว์โลโก้ Nike และ Supreme เอาไว้ที่ด้านหลัง แต่มันกลับได้รับการตอบรับที่เบาบางจนมูลค่าร่วงลงมาถึง 22%
2. KAWS x Uniqlo x Peanuts Joe Kaws Yawn Tee White (2017)
ราคาเปิดตัว 15 ดอลลาร์สหรัฐ (532 บาท)
ราคาเสนอขายต่ำสุด 27 ดอลลาร์สหรัฐ (959 บาท)
กำไร 80%
การจับมือกันระหว่างศิลปินสตรีทอาร์ตระดับโลก Kaws และ แบรนด์เสื้อผ้ายักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น Uniqlo โดยเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่เน้นไปที่ Pop Culture Icons จากทั่วทุกมุมโลกโดยครั้งนี้มีการใช้คาแรกเตอร์ Snoopy เป็นหลัก หากแต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ ราคาไม่ได้พุ่งสูงขึ้นไปอย่างที่ใครๆ คาดคิด โดยราคา Resale เพิ่มขึ้นมาเพียง 12 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น (426 บาท)
3. KAWS x Uniqlo XX Tee White (2017)
ราคาเปิดตัว 15 ดอลลาร์สหรัฐ (532 บาท)
ราคาเสนอขายต่ำสุด 44 ดอลลาร์สหรัฐ (1,563 บาท)
กำไร 193%
การร่วมมือกันครั้งที่ 2 ระหว่าง Kaws และ Uniqlo โดยเปิดตัวในปี 2017 และมีสัญลักษณ์ XX เครื่องหมายการค้าประจำตัวของ Kaws ปรากฏอยู่บนเสื้อ และอาจจะเป็นด้วยเหตุผลนี้ ราคา Resale จึงสามารถขยับขึ้นได้อีกพอสมควร
*** หมายเหตุ ราคาที่ใช้อ้างอิงและทำการจัดอันดับมาจากแพลตฟอร์ม StockX ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและสกุลเงินบาท ณ วันที่ 24 มิ.ย. 22 ***
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :