วิธีง่ายสุดในการรักษาสุขภาพคือ “การเลือกกินอาหาร” ที่ดีและมีประโยชน์กับร่างกาย วันนี้เราจึงมีผักชนิดหนึ่งมาแนะนำให้รู้จัก ซึ่งทุกคนคงเคยกิน “ผัก” มาหลายชนิด แต่ “เคล” (Kale) ผักที่จะพาไปรู้จักในวันนี้ คุณเคยเห็นไหม และเคยลองกินหรือยัง

ว่ากันว่าบรรดาสาวกคนรักสุขภาพทั้งในต่างประเทศ และในไทย ต่างยกให้ “เคล” เป็น ‘Superfood’ สุดยอดผักเพื่อสุขภาพ หรือ “The queen of green” ราชินีแห่งผักใบเขียว กันเลยทีเดียว

เพราะเพียง “รับประทานแค่นิดเดียว แต่มีประโยชน์เยอะ ได้คุณค่าทางโภชนาการ ได้สารอาหารหลายสิ่ง รับประทาน 10 กรัม ได้วิตามินเคที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ประโยคนี้ไม่ได้พูดโอเวอร์เกินจริง แต่เป็นคำกล่าวยืนยันจาก ผศ.ดร.ทพญ.ดุลยพร ตราชูธรรม ประธานหลักสูตรพิษวิทยาและโภชนาการเพื่ออาหารปลอดภัย สถาบันโภชนาการ ม.มหิดล

: มีมากว่า 2 พันปี สกอตแลนด์ฟีเวอร์ “ผักเคล” :

...

ประวัติคร่าวๆ ของผักเคลที่กำลังฮิตในกลุ่มคนรักสุขภาพอยู่ตอนนี้ ผศ.ดร.ทพญ.ดุลยพร ให้ข้อมูลว่า จริงๆ มีการกินมานานมากกว่า 2 พันปีแล้ว แต่คนไม่รู้ว่าเป็นผักในตระกูลเคล นั่นคือ “ผักคะน้า” หรือ Chinese kale ปลูกในประเทศจีน และแพร่หลายมาที่ไทย

ผักเคลมีอีกชื่อว่า “ผักคะน้าใบหยิก” เพราะมีใบหยิก เติบโตได้ดีในอากาศเย็น ซึ่งในประเทศสกอตเเลนด์ให้ความสำคัญกับผักเคลเป็นอันมาก เนื่องจากในช่วงหน้าหนาวพืชผลบางอย่างปลูกไม่ได้ ยกเว้นผักเคลเจริญเติบโตได้ดี จนเกิดสำนวน come to kale หากต้องการเชิญชวนใครมากินข้าวที่บ้าน

เคลใบหยิก (Curly Kale)
เคลใบหยิก (Curly Kale)

สำหรับในไทย “เคล” เป็นผักที่คุ้นเคยของสายเฮลท์ตี้ ผู้ที่กินเนื้อสัตว์น้อย กินผักเยอะ เช่น ผู้ที่กินคลีน ชีวจิต กินน้ำปั่นผัก กินสลัดผัก มาหลายปีแล้ว แต่ในปัจจุบันมีโควิด-19 คนหันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น ผักเคลก็ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้น

: รู้จักผักเคล 2 สายพันธุ์ยอดนิยมคนไทย :

ผักตระกูลเคลมีมากมายหลายสายพันธุ์ และเป็นผักตระกูลเดียวกับกะหล่ำปลี วอเตอร์เครส บร็อกโคลี่ กะหล่ำม่วง และดอกกะหล่ำ ในไทยมีผักเคล 2 สายพันธุ์ที่นิยมเพาะปลูกง่าย หากินได้ง่าย คือ

1. เคลใบหยิก (Curly Kale) มีความโดดเด่นที่ขอบใบหยิก ลำต้นแข็ง รสชาติคล้ายกะหล่ำ ขมนิดๆ นิยมนำมากินเป็นสลัด และทำสมูทตี้ หรือปั่นเป็นน้ำผัก

เคลใบตรง (Lacinato Dinosaur Kale)
เคลใบตรง (Lacinato Dinosaur Kale)


2. เคลใบตรง (Lacinato Dinosaur Kale) หรือบางคนเรียก เคลไดโนเสาร์ มีลักษณะสีเขียวเข้ม ใบกว้าง 2-3 นิ้ว มีความโดดเด่นที่ใบตรงแต่มีรอยย่น รสชาติออกหวานมากกว่าเคลใบหยิก นิยมนำมากินเป็น “สลัด” หั่นเส้นบางๆ หรือพอดีคำ แล้วคลุกเคล้าน้ำมันมะกอก

: 7 คุณประโยชน์ผักแคล :

...

ถึงมีรูปลักษณ์ไม่สวยงาม ไม่น่ารับประทาน แต่หากได้รู้สรรพคุณที่อัดแน่นของผักเคลแล้ว คุณต้องรีบไปซุปเปอร์มาร์เก็ตหาซื้อผักเคลมากินในอาหารมื้อต่อไปแน่ เพราะประโยชน์ของผักเคลมีมากมายจริงๆ ผศ.ดร.ทพญ.ดุลยพร ที่ชอบกินผักและกินผักเคลเป็นประจำ สรุปประโยชน์ของผักเคลตามลำดับสรรพคุณโดดเด่น ดังนี้ 

1. ผักเคลมี “วิตามินเค” สูงที่สุดในบรรดาผักใดๆ ในโลก หากกินผักเคล 1 ถ้วย เท่ากับร่างกายได้รับวิตามินเคถึง 6 เท่าของความต้องการต่อวัน หรือกินแค่ต้นสองต้นประมาณ 10-20 กรัม ก็ได้รับวิตามินเคเท่าความต้องการของร่างกาย ซึ่งวิตามินเคดีต่อเซลล์สมอง กระดูก และระบบเลือด ช่วยป้องกันการอุดตันของเส้นเลือด และช่วยในการแข็งตัวของเลือดหากมีบาดแผลจนสูญเสียเลือดมาก ช่วยให้เลือดหยุดได้ง่าย วิตามินเคจำเป็นกับทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หากพลั้งพลาดเกิดอุบัติเหตุเลือดไหล หากขาดวิตามินเค ไม่มีคนดูแล มาช่วยปฐมพยาบาล หรือส่งไปรักษาช้า จะทำให้สูญเสียเลือดเยอะ เกิดภาวะช็อก และอาจเสียชีวิตได้

2. ผักเคลมีแร่ธาตุโพแทสเซียมสูงมาก เป็นแร่ธาตุสำคัญ และจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ

...


3. ผักเคลจุดเด่นคือมีสีเขียวเข้ม ทำให้มีคลอโรฟิลล์ (chlorophyll) ค่อนข้างสูง ซึ่งรายงานวิจัยระบุไว้ว่า คลอโรฟิลด์ช่วยให้ร่างกายลดการดูดซึมสาร “เฮทเทอโรไซคลิก อะโรมาติก เอมีน” (heterocyclic aromatic amines) หรือสารก่อมะเร็งจากอาหารประเภทปิ้งย่างเข้าสู่ร่างกาย คลอโรฟิลด์จะไปจับและขับออกจากร่างกาย
4. ผักเคลมีวิตามินซีสูง หากกินผักเคล 100 กรัม จะได้รับวิตามินซี 120 มิลลิกรัม ซึ่งวิตามินซีช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันหวัด ช่วยให้ระบบข้อต่อแข็งแรง แนะนำควรกินสดๆ เพื่อไม่ให้สูญเสียวิตามินซี หรือมีเมนูแนะนำ อบ 200 องศาฯ ก็จะได้กินผักเคลที่กรอบ แต่วิตามินซีหายเพราะไม่ทนความร้อน


5. ผักแคลมีแคลเซียมสูง แต่การดูดซึมของร่างกายไม่ดีเท่ากับดื่มนม
6. ผักเคลมีเบต้าแคโรทีน (beta-carotene) โดยปกติร่างกายของมนุษย์เราสามารถเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนไปเป็นวิตามินเอ จึงช่วยบำรุงสายตาให้มองเห็นในที่มืดได้ดี ลดความเสื่อมของตา ลดการเป็นต้อกระจก และช่วยให้ผิวพรรณสดใส สุขภาพดี ไม่มีริ้วรอยแก่ก่อนวัย
7. ผักเคล มีไฟเบอร์เยอะ และมีน้ำในตัว ช่วยเรื่องการขับถ่าย เหมาะกับผู้ท้องผูกบ่อยๆ และช่วยเพิ่มการจับและขับคอเลสเตอรอลออกจากร่างกาย เหมาะกับผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง

...

: กินเป็นช่วยลดโรค 5 ข้อคิด ก่อนกินผักเคล :

ด้วยผักเคลอุดมด้วยแร่ธาตต่างๆ "กินน้อยๆ ได้ประโยชน์ ทานโอเวอร์โหลดก่อโทษได้" ผศ.ดร.ทพญ.ดุลยพร ให้คำแนะนำการกินผักเคลในผู้ป่วยโรคต่างๆ เพื่อได้รับประโยชน์ที่ดี ดังนี้

1. ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในระยะเริ่มต้นที่ยังไม่ได้ใช้ยา หมอให้ควบคุมอาหาร และหมั่นออกกำลังกาย ควรกินผักเคล เพราะผักเคลมีเแคลเซียม โพแทสเซียม แต่โซเดียมต่ำ แต่หากเริ่มกินยารักษาความดัน หรือทานยาลดหัวใจ ต้องระวังอย่ากินเยอะ เพราะผักแคลมีโปแทสเซียมสูง จะไปต้านฤทธิ์ของยาที่กินรักษาโรคได้
2. ผักเคลมีวิตามินเคสูง จึงเหมาะกับผู้ที่ขาดวิตามินเค โดยเฉพาะกลุ่มคนรับประทานอาหารเสริม เช่น วิตามินอี วิตามินเอ
3. ผู้ที่รับประทานยาที่ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ควรกินผักเคลน้อยๆ ครั้งละต้นสองต้น ประมาณ 10 กรัม แต่อย่ากินผักเคลเยอะ เพราะวิตามินเคในผักเคลจะไปช่วยให้เลือดแข็งตัว ทำให้เลือดไหลหมุนเวียนได้ไม่สะดวก


4. ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรกินผักเคล เพราะผู้ป่วยต้องควบคุมอาหารที่มีโปแทสเซียมสูง หากต้องฟอกไต คนไข้จะไม่สามารถขับโปแทสเซียมออกจากร่างกาย หากมีโปแทสเซียมสูงจะเป็นอันตรายกับคนไข้
5. ผักเคลมีไฟเบอร์สูง มีรายงานวิจัยไว้ หากนำมา “นึ่ง” แล้วรับประทานแทนการกินสด จะช่วยเพิ่มการจับและขับคอเลสเตอรอลออกจากร่างกายได้ดีกว่า ผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูงจึงควรกินผักเคลนึ่ง

อ่านถึงตรงนี้แล้ว "ผักเคล" มีประโยชน์มากมายสมคำร่ำลือจริงๆ ใครที่ไม่เคยกิน "ผักเคล" ลิสต์รายชื่อผักที่จะต้องซื้อกลับมากินคราวต่อไป อย่าลืมนึกถึง "ผักเคล" นะคะ.

: ข่าวน่าสนใจ :