เรียกว่า “มรสุม” ถาโถม สำหรับรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทั้งโดนกระแสม็อบ 3 นิ้ว กลุ่มเยาวชนปลดแอก กลุ่มนักเรียนเลว และอื่นๆ บานปลายไปทั่วประเทศ

อีกทั้งยังมีปัญหากับตำแหน่ง รมว.คลัง คนใหม่ อย่าง นายปรีดี ดาวฉาย ขุนคลัง 25 วัน ท่ามกลางข่าวลือต่างๆ ว่า มาจากปัญหาการเมืองภายใน แต่เจ้าตัวกลับบอกว่ามีปัญหาด้านสุขภาพ!

สารพัดปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ รัฐบาลจะอยู่รอดหรือไม่ รองศาสตราจารย์ สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิเคราะห์สถานการณ์ในขณะนี้ว่า ตอนนี้รัฐบาลเป็นฝ่ายรับทุกเรื่อง หมายความว่า โดนรุกจากแฟลชม็อบที่ค่อนข้างที่จะเป็นรอง เพราะจะไปใช้วิธีที่รุนแรง..ก็ไม่ได้

“ตอนนี้เรียกว่าม็อบก็จุดติดแล้ว ขณะที่รัฐบาลเมื่อก่อนนี้ใช้วิธีปราบ แต่ครั้งนี้ทำไม่ได้ เพราะมีเด็กด้วย”

แม้ว่าสถานการณ์ในสภาพวันนี้ เสียงไม่ปริ่มน้ำเหมือนแต่ก่อน แต่กลับมีปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคร่วมที่เป็นแกนหลัก จะสังเกตเห็นว่าลักษณะว่าไม่ไปในแนวทางเดียวกัน เรียกว่า พยายามช่วงชิงอำนาจรัฐบาล เช่น ประชาธิปัตย์ ที่โหมกระแสการแก้รัฐธรรมนูญ พยายามชิงออกหน้า

ปรีดี ดาวฉาย อดีต รมว.คลัง
ปรีดี ดาวฉาย อดีต รมว.คลัง

...

ขณะที่ ในพรรคพลังประชารัฐซึ่งเป็นพรรคหลักของรัฐบาล เคยเขย่ารัฐบาลสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง จนกระทั่งมีการปรับ ครม. แต่ก็ยังไม่ถึงใจ...แต่ก็มีบางคนบอกไว้ว่า "ต้องมีพยศ" ก็เห็นกันอยู่ว่าสามารถทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง "ลาออก" ได้ภายใน 25 วัน

“ทั้งเรื่องถอยเรื่องเรือดำน้ำอีก ส่วนแต้มบวกของนายกฯ วันนี้ น่าจะมีเพียงเรื่อง "บอส อยู่วิทยา" ที่เริ่มรื้อคดีทำใหม่ นอกจากนั้นไม่มีเลย เพราะฉะนั้น นายกฯ ต้องแก้เกมโดยเร็ว หมายความว่า นายกฯ ต้องทำให้ประชาชนรู้สึกว่า นายกฯ มีอำนาจเด็ดขาดในการบริหารรัฐบาล คนก็รอดูกันอยู่ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่เป็นอย่างไร”

ภาพลักษณ์เสียหาย รมว.คลัง ลาออก

เมื่อถามว่า รมว.คลัง ลาออก ส่งผลต่อภาพลักษณ์หรือเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ อาจารย์สุขุม มองว่า ส่งผลเสียกับภาพลักษณ์ของรัฐบาลแน่นอน เพราะสะท้อนให้เห็นว่า คนดี คนเก่ง "อยู่ไม่ได้" พรรคการเมืองสำคัญกว่า ทำให้ถูกมองว่าบริหารการเมือง มากกว่าที่จะบริหารประเทศชาติ ต้องสนองตอบความพอใจของพรรคการเมือง

“หากนายกฯ ยอมตั้ง นักการเมือง อย่างเช่น นายสันติ จะทำให้ประชาชนมองว่า นายกฯ "แพ้" ส่วนถ้าหากให้คนอย่าง "ไพรินทร์ ชูโชติถาวร" หรือ "วิรไท สันติประภพ" ก็อาจทำให้นายกฯ พอจะกู้ภาพลักษณ์รัฐบาลคืนมาได้”

นักพูดนักรัฐศาสตร์ชื่อดัง มองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องการวางยาหรอก แต่เป็นปฏิกิริยาของนักการเมืองพรรคฝั่งพลังประชารัฐผ่านทางนายสันตินี่แหละ อย่างวันแรกท่านปรีดีก็งงว่าอยู่ดีๆ รัฐมนตรีช่วยมีสิทธิ์เสนอชื่อด้วยเหรอ เพราะการที่จะเสนอชื่อใครก็ต้องผ่านทางรัฐมนตรีว่าการทั้งหมด แต่ปัจจุบันนี้ การบริหารงานในกระทรวง ถูกแบ่งกรม กอง กันดูแลแบบสิทธิ์ขาด ขณะที่ ทางรัฐมนตรีช่วยกลับตีมึนไม่รู้เรื่องว่าตนเองมีสิทธิ์เสนอชื่อ"

สุขุม นวลสกุล
สุขุม นวลสกุล

ห้ามปราบม็อบ เตือนผู้ใหญ่อย่าดูถูกเด็ก เด็กล่วงเกินผู้ใหญ่

ศึกภายใน เรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรี กับ ศึกภายนอก ในส่วนของม็อบนั้น มาพร้อมๆ กัน หนักทั้งหมด นายกฯ ก็ตั้งตัวลำบากเหมือนกัน ทำให้ตอนนี้จะเห็นเกมรุกของฝ่ายพรรคการเมือง เช่น การรวมตัวกันเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจารย์สุขุม แนะนำถึง “ลุงตู่” ว่า..

เรื่องม็อบนั้น "อย่าปราบ" ต้องยอมเหนื่อย คือ มีที่ไหนก็ไปดูแลที่นั่น เพราะความรุนแรงเกิดจากการปราบ เพราะต้องยอมรับว่าบ้านเมืองมีปัญหาเรื่องสิทธิเสรีภาพอยู่ เพราะฉะนั้น ข้อเรียกร้องของนักศึกษาฟังขึ้น และพยายามแสดงให้เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อที่ควรระวังคือ "ข้อคุกคามประชาชน" สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่นั้นก็ยังพอไปได้ ตำรวจจับ ไปถึงศาล และปล่อยตัว แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามตำรวจใช้ความรุนแรงเข้าจับ ห้ามเยี่ยม ห้ามประกัน ก็จะมีปัญหาเกิดขึ้น

"บทบาทของพรรคอนาคตใหม่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งผมก็ยังตอบคำถามของตัวเองไม่ได้เลยว่า เหตุใดเขาถึงได้รับเลือกมาตั้ง 80 ที่นั่ง เพราะฉะนั้น ผมเองตามเขาไม่ทัน ต้องดูไป เข้าใจว่าตอนนี้เขากำลังชิงบทนำ โดยหวังผลในแง่ของการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้น"

...

สภาพสังคมปัจจุบันมีการปลุกปั่นให้แบ่งเจเนอเรชั่นกัน ก็เผื่อผลของการสร้างศรัทธา เพราะเขาเชื่อมั่นว่าในวิธีการของเขา ทำให้จนป่านนี้เรายังไม่รู้ว่ามีใคร "ตัวเด่น" บ้าง แต่ได้มาถึง 80 ที่นั่ง เขาอยากเห็นผู้ว่าฯ กทม.มาจาก "สายคนรุ่นใหม่" โดยไม่จำเป็นต้องบอกว่าชื่ออะไรด้วยซ้ำ เขาทำได้หรือไม่ทำได้ เขาเคยทำให้มี ส.ส. 80 คน เข้ามานั่งในสภาให้งงมาแล้ว แสดงว่าเขาเองก็เชื่อมั่นในวิธีการของเขา

“ไม่คิดว่าคนรุ่นใหม่ถูกปลุกปั่นมา ผมไม่เชื่อแบบนั้น มันไม่ได้เป็นการปลุกปั่น มันเป็นการที่เขาสามารถฟังหรือพูดให้คนเหล่านี้ คิดไปในทางเดียวกับเขาได้ ก็เหมือนพวกเราหลายคนอาจจะเริ่มสนใจการเมืองตอนอายุ 20 ปีก็ได้ แต่ปัจจุบันเด็กอายุ 12 หรือ 8-9 ขวบ หันมาสนใจการเมืองแล้ว โรงเรียนในวันนี้ไม่เหมือนสมัยเราเรียน เด็กมีหัวคิดก้าวหน้า คนอายุมากมีประสบการณ์ มันต้องอยู่ด้วยกันให้ได้ เพราะทั้งสองอย่างจำเป็นในการใช้ชีวิตของคน ฟังกันบ้าง ฝ่ายที่มีประสบการณ์ก็ต้องไม่ดูถูกเด็ก ฝ่ายเด็กเองก็ต้องไม่ล่วงเกินฝ่ายที่มีประสบการณ์”

ประชาชนจับตาภาวะผู้นำ “ลุงตู่” 

...

นักรัฐศาสตร์ชื่อดัง กล่าวในช่วงท้ายว่า ผมไม่ทราบว่า นายกฯ ตั้งรับมากไปหรือไม่ เช่น วันที่กล่าวสุนทรพจน์ที่เอาเรื่องบอสมาพูดว่า "ผมรับไม่ได้" ขณะที่ ความรู้สึกของคนฟังทำให้รู้สึกว่าท่านพวกเดียวกับเรา ท่านคิดเหมือนเรา

พอมาถึงเรื่องเรือดำน้ำ ที่บอกว่า เรือดำน้ำจำเป็น หากเป็นตนเจอสถานการณ์ประเทศแบบนี้ ตนก็คงไม่บอกว่าเรือดำน้ำจำเป็น ท่านก็จะได้ใจคนอีก แต่ครั้งนี้ท่านปล่อยให้ทหารเรือรุกเข้ามา จนไม่ไหวถึงออกมาบอกว่าหยุด เหมือนกับว่าความคิดนี้เป็นความคิดของท่านที่อยากจะได้เรือดำน้ำ

“คนที่จะเป็น "ผู้นำ" คนต้องคิดเหมือนคนที่ "ถูกนำ" อย่างวันนี้คนก็วัดดวงกันอยู่ว่าท่านจะเอาใครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมมติหากท่านตั้งตัวเองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตามที่เรียกร้องของพรรคเล็กๆ ท่านก็จะเสียศรัทธาจากคนอีก หรือหากจะยอมให้นักการเมืองขึ้นมาเป็น ท่านก็ยิ่งเสียรังวัดว่าถูกนักการเมืองบีบ วันนี้ไม่มีทางเลือก หากอยากให้คนศรัทธาก็ต้องหาคนเก่งๆ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ได้”

...

แต่ละเรื่องจะเป็นบทพิสูจน์ เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น คนก็ต้องมองว่า "นายกฯ จะทำอย่างไร" ภาวะผู้นำมันอยู่ที่การลงมือทำอะไรแล้ว สามารถตอบสนองให้คนเกิดความเชื่อมั่น ศรัทธาได้

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

อ่านข่าวที่สนใจ