ลุยเมกมันนี่ พระเอกหนุ่ม ตงตง–กฤษกร กนกธร ปั่นทำงาน 7 วันเต็ม สานฝันวัยเด็ก ซื้อบ้านราคา 8 หลักให้คุณแม่ พร้อมเปิดใจถึงการรับบทลิเกที่เจ้าตัวบอกว่าที่สุดแล้วของชีวิต เจอ ตงตง ที่งาน “ปรากฏการณ์ one สนั่นจอ 2023” ณ ห้องบอลรูม ชั้น 4 โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ

เริ่มจากเห็นช่วงนี้ทำงานหนักทำ 7 วันเลยเหรอ?

“7 วันครับตอนนี้คือทำงานด้วยมีงานอีเวนต์ด้วย และที่สำคัญเรื่องนี้ภูมิใจมากคือ เพิ่งซื้อบ้าน (ยิ้ม) เป็นบ้านหลังแรกในชีวิต ที่เราตั้งใจไว้ตั้งแต่เด็กๆก่อนเข้าวงการ อยากมีบ้านให้แม่และตอนนี้ก็ไปดูบ้านเรียบร้อยแล้ว”

เลยต้องปั่นเงินเป็นพิเศษ?

“ก็รับงาน 24 ชั่วโมงครับ (หัวเราะ) ทำได้ทุกอย่าง ผ่อนบ้านต่อไป ส่วนคอนโดก็ปล่อยไปแล้ว สำหรับบ้านที่ซื้อราคาก็ค่อนข้างสูง 8 หลักครับ ก็ต้องผ่อน เป็นบ้านของโครงการครับแล้วเราก็ต้องแต่งอีก”

ครอบครัวก็คือย้ายมานี่ทั้งหมด?

“หลักๆก็แม่แน่ๆ บอกแม่ไว้แล้ว คือผมอยู่วงการมาอยู่กับพี่ๆ มาตั้งแต่เริ่มต้น ก็นี่แหละวันนี้มีบ้านแล้ว และก็อยากพาแม่ไปเห็นบ้านหลังแรก แล้วพี่ๆก็คงจะเห็นผมตั้งแต่แรก”

เตรียมใจกับงบบานปลายหรือยัง?

“เตรียมใจทำงานดีกว่าครับ พร้อมทำงานทุกอย่างเลย”

ทุ่มกับบ้านหลังนี้มาก?

“ใช่ครับ คิดว่าตอนนี้ทุ่มเทบ้านแล้วครับ ก็ที่ผ่านมาไม่เคยมีหนี้สินอะไร ไม่เคยผ่อนอะไรเลย นี่คือการผ่อนครั้งแรกในชีวิต เป็นหนี้ครั้งแรก ตอนนี้บ้านก็กำลังตั้งเสา คิดว่าปลายปีน่าจะเสร็จครับ”

เป็นน้ำพักน้ำแรงของเรา?

...

“ใช่ครับ ภูมิใจ ลองมองย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่เข้าวงการ เราเริ่มตั้งแต่เราไม่มีอะไรเลย จนทุกวันนี้เราเริ่มผ่อนบ้านได้ ผมว่าคนที่อยู่ข้างหลังคงจะภูมิใจครับ แม่เองก็ดีใจครับ แต่ก็กลัวแม่จะไม่มา เพราะแม่อยู่ที่ต่างจังหวัด เค้าได้พูดคุยกับข้างบ้าน ได้ขี่มอเตอร์ไซค์แล้วการที่เค้าต้องมาอยู่กรุงเทพฯแล้วมาอยู่ในหมู่บ้าน ผมไม่รู้เค้าจะมีความสุขเท่าอยู่บ้านมั้ย แต่คิดว่าพอบ้านเสร็จแม่น่าจะมาครับ แต่ว่าจะอยู่ยาวอันนี้ไม่แน่ใจครับ”

มองเป็นอนาคตสำหรับบ้านหลังนี้?

“มองไกลครับ ต้องหาอะไรทำอีกหลายๆอย่าง ครับ ก็มีโปรเจกต์หลายอย่างครับในปีนี้มีทำผลิตภัณฑ์ด้วย คิดว่าเร็วๆนี้ครับ อยู่ในช่วงผลิตอยู่ครับ มีขายเสื้อ ทำงานนอกหลายๆ อย่างด้วยครับ มองไปไกล ไม่ได้มองแค่อาชีพนี้อย่างเดียว ทำอย่างอื่นเสริมด้วยครับ แต่อาชีพนี้ก็ตั้งใจอยู่ครับ”

เหนื่อยมั้ยทำงาน 7 วัน?

“เหนื่อยไหมมันก็เหนื่อยครับ แต่ว่ามันยังมีภาระครับ เราก็ต้องยอมแลกครับ ถ้าต้องการกำลังใจก็โทร.หาแม่ครับ แม่คือที่สุดครับ”

รับบท ลิเก ในละครเรื่อง คู่พระ-คู่นาง?

“เป็นครั้งแรกในชีวิตต้องบอกว่าไม่เคยอยู่ในหัว เกิดมา 27 ปี ไม่มีคำว่าลิเกอยู่ในหัว แล้วพอได้มาเล่นรู้สึกว่าตอนแรกยังกังวลเลยว่ามันจะเหมาะสมมั้ย ถึงขั้นต้องคุยกับผู้ใหญ่เลยว่าพี่ผมเหมาะหรือเปล่า ผมก็กลัวว่าจะทำได้ไม่ดี พอได้ไปนอนคิดย้อนมองดูตัวเองใหม่ก็รู้สึกว่าลองดูแล้วกันสักครั้งในชีวิต มันท้าทายมาก ผมจะทำออกมาให้มันดีที่สุด อยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง คือกลัวว่าจะทำออกมาได้ไม่ดีครับ เพราะว่าพอไปเรียน ตอนแรกคิดว่ามันไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่พออ่านบทดูดีๆ ลองไปคุยกับผู้กำกับคือมันยากมาก เพราะว่าในบทมีร้องรำลิเกค่อนข้างเยอะมาก พอไปเรียนแล้วมันก็ทำให้รู้ว่ายาก ผมเรียนหนักมาก ร้องรำ มันยากจริงๆ ผมยังท้อเลยนะ”

เตรียมใจพร้อมกับคำวิพากษ์วิจารณ์มั้ย?

“ใช่ครับ แต่ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะเริ่มจากไม่เป็นเลย ก็ให้คำแนะนำกันได้ ไม่ว่าจะด่ายังไงก็ได้ ผมจะเรียนรู้และฝึกฝนต่อไป เพราะอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตไม่คิดว่าจะได้มาทำแล้วลองมาทำ ผมก็อยากทำให้เต็มที่ บอกเลยว่านี่คือที่สุดของที่สุดในชีวิตผมแล้วครับ”.

เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ