ถือเป็นอีกปีที่จอมเตะไทยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในการแข่งขันเทควันโด โคเรีย โอเพ่น 2017 ที่ประเทศเกาหลีใต้

คว้าเหรียญรางวัลในประเภทต่างๆ ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะในประเภทต่อสู้เยาวชน หยิบแชมป์ไปได้ไม่น้อย

เป็นสัญญาณที่ยอดเยี่ยมมากๆ ที่เรามีจอมเตะดาวรุ่งฝีมือดีเกิดขึ้นมากมาย เสริมประสบการณ์ ให้เวลากับพวกน้องๆ อีกเล็กน้อย

สามารถต่อยอดขึ้นชั้นเป็นทีมชาติชุดใหญ่ ได้อย่างสบายๆ

และระหว่างการชิงชัย ก็มีข่าวดีเกิดขึ้น เมื่อสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาเทควันโดอาชีพของเกาหลีใต้ ร่วมมือกันครั้งสำคัญ

ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันเป็นที่เรียบร้อย

ฝ่ายไทยมี ดร.สมคิด ปิ่นทอง เลขาธิการสมาคมฯ พร้อมด้วย โค้ชเช ยอง ซอก เป็นตัวแทน ขณะที่ฝั่งเกาหลีใต้ คิม ยอง ฮุน นายกสมาคมฯ มาร่วมงานเอง

โดยการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันครั้งนี้ เป็นโอกาสที่ดีของทั้ง 2 ชาติ เนื่องจากเป็นการร่วมกันพัฒนาวงการเทควันโด ให้ก้าวขึ้นสู่ระดับนานาชาติ อีกขั้นหนึ่ง

พร้อมทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านต่างๆ เช่น แลกเปลี่ยนโค้ช นักกีฬา ผู้ตัดสิน

และยังถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ในเรื่องการเดินทางมาเก็บตัวฝึกซ้อมในเกาหลีใต้

ในเรื่องนี้ ดร.สมคิดระบุเพิ่มเติมว่า ดีใจที่ได้มีการทำบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับทีมเทควันโดไทย

เนื่องจากในแต่ละปีไทยเราจะมีการเดินทางไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่เกาหลีใต้อยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ทีมจอมเตะไทยสะดวกสบายมากขึ้น

นอกจากนี้แล้ว ก็จะได้มีการแลกเปลี่ยนทั้งเรื่องนักกีฬาและผู้ฝึกสอน เชื่อว่าจะช่วยพัฒนาวงการเทควันโดของไทยไปอีกระดับ

...

ทั้งนี้ ไม่เพียงแค่จอมเตะของไทยสามารถไปคว้าแชมป์ที่เกาหลีใต้ได้อย่างต่อเนื่อง

การร่วมมือกันครั้งนี้ ยังเป็นการทำงานเชิงรุกของ “บิ๊กเอ” ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมฯ ที่เดินเกมอย่างเต็มที่ เต็มรูปแบบ

เพื่อเข้าให้ถึงว่าเกาหลีใต้ ต้นตำรับกีฬานี้ มีแนวทางอย่างไร

และนำสิ่งที่เกิดขึ้นมาสร้างประโยชน์ให้กับเทควันโดของไทยมากกว่าเดิม อันจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นไปอีก จากที่เดิมก็ทำได้ดีอยู่แล้ว

เป็นที่ยอมรับในเวทีระดับโลก อยู่ในปัจจุบัน

บางทีหากต้องการยิ่งใหญ่ ก็ต้องกล้าเช่นนี้ ถ้าไม่เดินหน้า ก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ ซึ่งเรื่องนี้เป็นตัวอย่างให้สมาคมกีฬาอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี

เรียกได้ว่า ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือ ก็ไม่มีทางได้ลูกเสือ...

ฟ้าคำราม