ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 พ.ค.60 ปิดที่ 1,564.12 จุด ลดลง 2.20 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 35,126.09 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 208.06 ล้านบาท
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด GGC ปิด 12 บาท บวก 0.80 บาท, SCC ปิด 528 บาท ลบ 8 บาท, KBANK ปิด 187.00 บาท บวก 2 บาท, PTT ปิด 389 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง และ AOT ปิด 40.50 บาท บวก 0.25 บาท
“ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล. ทรีนีตี้ ประเมินทิศทางหุ้นไทยเดือน พ.ค.แกว่งตัวออกด้านข้างต่อ ในกรอบ 1,540-1,590 จุด โดยราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงมาบริเวณกรอบแนวรับด้านล่าง 50 เหรียญฯต่อบาร์เรล น่าจะเริ่มมี Downside risk ที่จำกัด เนื่องจากยังคงคาดการณ์ว่าในท้ายที่สุดที่ประชุมกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC วันที่ 25 พ.ค.นี้จะมีมติขยายเวลาการลดกำลังการผลิตออกไปจากเดิม
นอกจากนี้ หากพิจารณาในแง่มูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นไทย ถือว่าเริ่มอยู่ในระดับที่พอรับได้ เนื่องจากประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนเริ่มถูกปรับขึ้นเล็กน้อยแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี จนทำให้ล่าสุดคาดการณ์ EPS ของดัชนีหุ้นไทยปลายปีนี้อยู่ที่ 102.8 บาท ซึ่งหากเทียบเคียงกับระดับดัชนีปัจจุบันจะพบว่าซื้อขายอยู่บริเวณ Forward PE 15.2 เท่า ถือว่าไม่สูงจนเกินไปนัก!!
ส่วนการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบที่ 2 วันที่ 7 พ.ค.นี้ คาดว่า “เอมมานูเอล มาครอง” จะชนะ “เมอรีน เลอ เปน” ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ประเด็นนี้ก็อาจทำให้ตลาดหุ้นเกิดใหม่รวมถึงไทยมีโอกาสปรับตัว Underperform ตลาดหุ้นพัฒนาแล้วในช่วงสั้นๆได้
ส่วนปัจจัยลบ คือการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯวันที่ 13-14 มิ.ย.ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นดอกเบี้ย แต่นักลงทุนในตลาดยังไม่ได้ให้น้ำหนักมากนัก หากในช่วงถัดไปนักลงทุนเริ่มให้น้ำหนักกับประเด็นนี้มากขึ้น ก็มีโอกาสที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯจะทยอยปรับสูงขึ้น และเป็นตัวกดดันกระแสทุนต่างชาติไหลออกได้
...
แนะกลยุทธ์ให้ใช้แนวรับ 1,540-1,550 จุดเข้าสะสมหุ้น มองหุ้นแบงก์เริ่มน่าสนใจแง่มูลค่าพื้นฐาน หลังราคาปรับลงมาแรงล่าสุดซื้อขายที่ Forward PBV และ Forward PE ต่ำสุดรอบ 2 เดือน แนะ SCB-TISCO และ TCAP
และแนะสะสมหุ้นพลังงานและปิโตรเคมีเมื่ออ่อนตัว เช่น PTT, PTTEP, PTTGC เนื่องจากเห็นแนวโน้มการปรับเพิ่มประมาณการ และเพื่อรอลุ้นข่าวดีจากการประชุมกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ปลายเดือนนี้!!
อินเด็กซ์ 51