วันศุกร์ที่ 28 เมษายน ที่จะถึงนี้ จะเป็นวันประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมกีฬายอดฮิต “สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศ ไทยฯ” ที่จะมีขึ้นที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีฯ
ปกติไม่ว่าสมาคมกีฬาไหนๆ ถ้าเป็นการประชุมใหญ่ในปีที่ไม่ได้ครบรอบการเลือกตั้งนายกหรือคณะกรรมการบริหารสมาคม ก็มักจะไม่ค่อยมีประเด็นอะไรให้ชวนติดตามมากนัก
แต่สำหรับการประชุมใหญ่ของสมาคมลูกหนังไทยหนนี้ จะแตกต่างออกไปอย่างไม่ต้องสงสัย หลังเจอกรณี 2 ตัวแทนสโมสรสมาชิกจากลีกภูมิภาค “ทนายอ๊อด” ภีมเดช อมรสุคนธ์ ประธานสโมสรทีเอ เบญจมราชูทิศ และ “เสี่ยหม่อง” ณฐภณ ปัญญาคนานุกูล ประธานสโมสรพัทยา เอฟซี เข้ายื่นหนังสือต่อการกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพื่อให้เพิ่มวาระในการประชุมใหญ่ ในวันที่ 28 เม.ย.
โดยวาระที่ทั้งคู่ต้องการให้บรรจุเข้าไปก็คืออภิปรายนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และผู้บริหารสมาคมลูกหนังไทยชุดนี้ ที่กระทำผิดข้อบังคับอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ข้อ โดยหัวข้อใหญ่ๆก็คือ ยกเลิกการแข่งขันถ้วยพระราชทาน ข ค ง โดยพลการ
การแต่งตั้งเลขาธิการสมาคมฯโดยไม่ผ่านการรับรองจากที่ประชุม ตั้งอุปนายกสมาคมฝ่ายการเงินคนใหม่เข้ามาแทนที่คนเก่าโดยไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง สลายเสียงโหวต 72 เสียง ด้วยการจัดลีก เพิ่มลีกขึ้นมาใหม่ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดถือเป็นการบริหารงานที่ไม่ชอบธรรม
...
รวมทั้งตรวจสอบจริยธรรมของนายกสมาคมฯ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่เคยสัญญาว่าจะเพิ่มเงินสนับสนุนต่างๆให้ทีมสโมสรในลีกรากหญ้า เมื่อครั้งตระเวนหาเสียงเลือกตั้ง แต่พอได้รับตำแหน่ง นายกสมาคมไปแล้วกลับไม่กระทำตามสัญญา
ซึ่งในที่สุดหลังเวลาล่วงเลยไปเกือบเดือน นับตั้งแต่วันที่ทั้ง 2 ตัวแทนเข้ายื่นหนังสือ ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯก็ได้ส่งหนังสือตอบกลับสโมสรสมาชิกตกลงที่บรรจุวาระดังกล่าวเพิ่มเข้าไปในการประชุมใหญ่ศุกร์นี้ เพื่อให้มีการอภิปรายปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น และสมาคมฯจะทำการชี้แจงในทุกประเด็น
“ไม่ใช่ผมและทนายอ๊อดเท่านั้นที่อยากจะถามผู้บริหารสมาคมยุคนี้ แต่บรรดาทีมสโมสรสมาชิกในลีกรากหญ้าและบอลถ้วยทั้งหลายต่างก็ต้องการให้ท่านนายกสมาคมฯและสภากรรมการช่วยออกมาชี้แจงข้อข้องใจหลายเรื่องในการบริหารงานของท่านว่า เหตุไฉนจึงไม่สนใจไยดีสโมสรในลีกล่างที่เลือกท่านให้เข้ามามีอำนาจตรงนี้ ท่านจะเอาแต่ทีมชาติ ทีมไทยลีก หรือทีมในที 2 แค่นั้นหรือ เอาเป็นว่าที่พวกผมออกมาต่อสู้ตรงนี้ไม่ได้มีเจตนาจะโค่นล้มท่านแต่อย่างใด แต่อยากจะมีโอกาสได้พูดหรือหารือปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อให้ทุกอย่างชัดเจน ก่อนที่วงการมันจะเละเทะไปกว่านี้” ประธานสโมสรพัทยา เอฟซี ยิงคำถามไปถึงบิ๊กลูกหนัง
เสี่ยหม่องกล่าวย้ำอีกว่า ตรงนี้จะเป็นโอกาสที่ทุกสโมสร โดยเฉพาะทีมในลีกรากหญ้า รวมถึง ทีมบอลถ้วยพระราชทาน ข ค ง ที่อยู่กันมานานกว่า 30 ปี เป็นรากเหง้าพื้นฐานของฟุตบอลไทยในทุกวันนี้ ที่จะได้มีโอกาสพูดกับตัวนายกและผู้บริหารสมาคมฯชุดนี้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งอาจเป็นโอกาสเดียวที่เราได้ใช้สิทธิแสดงความคิดเห็น ถ้าไม่พูดคราวนี้ ต่อไปอาจไม่มีโอกาสได้พูดอีกแล้ว ดังนั้น ตนจึงอยากเรียกร้องให้ทุกทีมไปช่วยกันอภิปรายในทุกๆเรื่องเพื่อความถูกต้องของวงการฟุตบอลบ้านเรา
ด้าน “ทนายอ๊อด” ภีมเดช อมรสุคนธ์ ประธานสโมสรทีเอ เบญจมราชูทิศ เผยว่า “เรื่องจริยธรรมนายกสมยศนั้น ช่วงก่อนสงกรานต์ที่ผ่านมา ตนได้ส่งเรื่องไปถึงฝ่ายจริยธรรมของฟีฟ่า พร้อมแนบหลักฐานคลิปที่มีทั้งภาพและเสียงชัดเจนในช่วงที่บิ๊กอ๊อดตระเวนหาเสียงเลือกตั้งเพื่อประกอบการพิจารณา ซึ่งทางฟีฟ่าเอง ก็ได้ส่งเมลยืนยันกลับมาว่าได้รับเรียบร้อยแล้ว และจะส่งหนังสือร้องเรียนพร้อมหลักฐานทั้งหมดให้ทางคณะกรรมการจริยธรรมตรวจสอบและพิจารณาตามลำดับขั้นตอนต่อไป”.
นอกจากนี้ ทนายอ๊อดยังเผยอีกว่า นอกจากเรื่องจริยธรรมของนายกสมาคมฯแล้ว ในการประชุมใหญ่วันที่ 28 นี้ ก็จะมีการอภิปรายถึงจริยธรรมของเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พล.ต.อ.พิสัณห์ จุลดิลก ในกรณีที่ไม่ยอมยุติบทบาทตัวเอง ทั้งที่โดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดในคดีทุจริตของข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ/ พนักงานส่วนท้องถิ่น
เรื่องนี้แม้ไม่มีในข้อบังคับ แต่เป็นเรื่องจิตสำนึก และจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารในสมาคมฯเอง ซึ่งไม่รวมกับการที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” ถูกแต่งตั้งมาทำหน้าที่เลขาธิการสมาคมฯโดยไม่ผ่านการรับรองจากที่ประชุมใหญ่ ซึ่งถือเป็นอีกเรื่องที่สมาคมฯทำผิดข้อบังคับชัดเจน โดยเรื่องจริยธรรมของเลขาสมาคมลูกหนังนั้น ตนทราบว่าล่าสุดก็มีผู้ร้องไปถึงกรรมการจริยธรรมของฟีฟ่าแล้วด้วย
...
ประธานสโมสรทีเอ เบญจมราชูทิศ กล่าวต่อไปว่า นอกจากการอภิปรายของตนและ “เสี่ยหม่อง” ณฐภณ ในการประชุมใหญ่ครั้งนี้แล้ว ก็ยังจะมีอีกหลายทีมในลีกภูมิภาคไปชี้แจงถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในการบริหารงานของสมาคมลูกหนังยุคนี้ ที่สำคัญทราบว่าทางประธานสโมสรสุราษฎร์ เอฟซี นายรังสรรค์ มธุรเมธาวี ก็จะยื่นกระทู้กรณีที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จับสลากหาแชมป์และจัดอันดับในฟุตบอลถ้วยและบอลลีกทุกรายการ จนส่งผลให้ทีมสุราษฎร์เสียประโยชน์ชวดโอกาสในการเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในดิวิชั่น 1 เพิ่มเข้าไปอีกเรื่อง
ขณะที่ทางฟากฝั่งของผู้คุมกฎ คือ กกท. การกีฬาแห่งประเทศไทย นายณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการ กกท.ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า กกท. ได้รับทราบถึงเรื่องดังกล่าวจากหนังสือของสโมสรสมาชิกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯที่ส่งมาว่า สโมสรได้ทำเรื่องถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ทางหนึ่ง และ กกท. อีกทางหนึ่ง ซึ่งตามหลักการแล้ว กกท. ต้องควบคุมกำกับดูแลสมาคมกีฬาให้ทำตามข้อบังคับของสมาคมฯอยู่แล้ว
“ซึ่งหลังจากฝ่ายนิติการ ได้พิจารณาแล้ว ยังเห็นว่าเป็นเรื่องภายในของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และได้ส่งหนังสือที่สโมสรส่งมาให้ กกท. ส่งต่อไปยังสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ อย่างไรก็ตาม กกท. จะรอดูท่าทีของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก่อนจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งอีกครั้ง ทว่าล่าสุด ทราบว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก็รับที่จะเปิดโอกาสให้สโมสรได้พูดในการประชุมดังกล่าวแล้ว” นายณัฐวุฒิกล่าว
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า ตามปกติแล้ว หากสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย จะจัดประชุมใดๆก็ต้องแจ้งไปให้สโมสรสมาชิกได้รับทราบล่วงหน้า ส่วนจะเป็นกี่วัน ก็ขึ้นอยู่กับข้อบังคับของแต่ละสมาคมกีฬา ในขณะเดียวกัน สมาคมกีฬาก็จะแจ้งมายัง กกท. ให้ได้รับทราบด้วย โดยเฉพาะการประชุมใหญ่ จะมีแจ้งวัน เวลา และสถานที่เข้ามา รวมถึงวาระการประชุมคร่าวๆด้วย เพื่อที่จะให้ กกท. ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุมด้วย
...
ขณะเดียวกัน ทาง “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่สมาชิกสโมสรไม่เข้าใจในส่วนใด และอาจจะคิดว่าสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้กระทำผิดในเรื่องระเบียบข้อบังคับ ซึ่งพวกเขามีสิทธิ์ที่จะสามารถซักถามได้ในที่ประชุมใหญ่ สมาคมฯจะมีหน้าที่ชี้แจงไป ถ้าไม่เป็นที่พอใจ บุคคลเหล่านั้นก็มีสิทธิ์ที่จะไปฟ้องร้องทางศาลได้
“สิ่งที่สมาคมฯทำมานั้น เรามีความตั้งใจว่าเราสามารถกระทำได้ภายใต้ข้อบังคับ แต่บางครั้งบางคนอาจจะมีประโยชน์แอบแฝงอยู่เบื้องหลัง ซึ่งสมาคมฯจะมีการเปิดเผยให้ทราบว่าเบื้องลึก เบื้องหลังจริงๆที่หลายคนออกมาเคลื่อนไหวต่างๆนานานั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งผมทำหน้าที่เป็นนายกสมาคมฯ มั่นใจในการทำงาน คณะทำงาน สภากรรมการ ฝ่ายกฎหมาย และผู้ที่เกี่ยวข้อง
ว่าสิ่งที่เราทำไปนั้นทำได้ อยู่ภายใต้ระเบียบข้อบังคับกฎหมาย เราจะชี้แจงให้หมด แต่ถ้าท่านไม่พอใจก็ใช้สิทธิ์ได้ ผมไม่อาจจะห้าม”
แหม ! ท่านประมุขลูกหนังออกมาประกาศกร้าวยืนยันความมั่นใจว่าตัวเองและสมาคมทำทุกอย่างถูกต้องตามข้อบังคับขนาดนี้แล้ว ก็อยากให้ถึงวันประชุมใหญ่เร็วๆจัง
จะได้รู้เสียทีว่าเรื่องราวนี้มันจะมีบทสรุปยังไง และใครจะแฉใครให้สาธารณชนได้ล่วงรู้ถึงข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง
งานนี้จะมี “แจ็กผู้ฆ่ายักษ์” ให้เห็นเป็นบุญตาหรือเปล่าหนอ...โปรดติดตาม!!!
วรเทพ มากโภคา...เรื่อง