กรมวิชาการเกษตรไปรับปากคณะกรรมการที่มีกระทรวงสาธารณสุขและเอ็นจีโอเป็นหัวเรือใหญ่...ปี 2562 จะประกาศห้ามใช้สารกำจัดวัชพืช “พาราควอต” กระบวนการขั้นตอนเตรียมประกาศแบน ที่ซุ่ม ทำกันแบบเงียบๆมาร่วมครึ่งปี จะถูกต้องเป็นไปตามหลักสากลหรือเปล่า ไม่ขอพูดถึง

จะถามแค่แบนแล้วจะให้เกษตรกรใช้สารชนิดไหนทดแทน ที่มีประสิทธิภาพและราคาพอๆกัน ที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตรเคยศึกษาเรื่องนี้มารึยัง และมีผลงานที่นำไปตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการไหม

ถ้ามีจริง ทดแทนได้จริง...พาราควอตคงไม่อยู่ยั้งยืนยง มายาวนานกว่า 50 ปีหรอก

อย่างที่ได้อธิบายไป พารา–ควอตเป็นสารที่มีกลไกการทำลายวัชพืชเหนือกว่าสารตัวอื่น...ทำลายเฉพาะสารสีเขียวที่อยู่ในพืช ฉีดพ่นไปโดนส่วนที่เป็นสีเขียว จะแห้งเหี่ยวตายภายใน 1-2 ชั่วโมง ฆ่าหญ้าได้โดยพืชหลักไม่เสียหาย เพราะโคนต้นพืชสวนเป็นสีน้ำตาล และขอแค่ให้มีระยะปลอดฝนแค่ 1 ชั่วโมง พาราควอตกำจัดวัชพืชได้...ยังหาสารตัวอื่นที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ไม่ได้

เห็นได้จากประเทศที่เคยแบนมาก่อน สุดท้ายต้องกลับมาใช้ใหม่ อย่างมาเลเซีย ประกาศแบนเมื่อปี 2549 แต่สุดท้ายชาวสวนปาล์มน้ำมันเดือดร้อน หาสารทดแทนไม่ได้

ปี 2553 ต้องอนุญาตให้ใช้อีกครั้ง แต่เป็นไปในแบบไม่ให้รัฐบาลเสียหน้า เสียรังวัด...ให้ใช้แบบมีการควบคุม ต้องขออนุญาต ไม่ให้ซื้อง่ายขายคล่องเหมือนในอดีตเท่านั้นเอง

กลับมาดูบ้านเรา จะบอกว่าไม่มีสารทดแทนเลย คงไม่ใช่ เพราะ เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือ ไทย–แพน หนึ่งในโต้โผแบนพาราควอต มีการเผยแพร่ข้อมูลในโลกโซเชียล ถึงสารที่สามารถนำมาใช้ทดแทนพาราควอตไว้มากมายหลายตัว

แต่คนในแวดวงเกษตรเห็นแล้วอึ้ง คิดได้ไงที่จะนำสารเหล่านี้มาใช้ทดแทน

ไม่รู้เหรอ สารพวกนี้เป็นยังไง ไม่เพียงจะแพงกว่าพาราควอต ยังเป็นสารที่เอ็นจีโอคัดค้านมาทั้งสิ้น มีทั้งเป็นสารก่อมะเร็ง ทำกบเป็นกะเทย ให้คนเป็นหมัน ร้ายยิ่งกว่าพาราควอตซะอีก...ติดตามตอนต่อไป.

...

สะ–เล–เต