เหมืองทองอัครากลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง และอาจกลายเป็นประเด็นการเมืองที่ร้อนแรง เมื่อมีการเปิดเผยว่าในปีงบประมาณ 2564 รัฐบาลตั้งงบค่าใช้จ่ายในการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทเหมืองทองอัครา เป็นเงิน 111 ล้านบาท หลังจากที่ได้ตั้งงบแบบเดียวกันนี้ ตั้งแต่ปี 2560 รวมเป็น 277 ล้านบาท

เป็นเหตุให้ ส.ส.ฝ่ายค้านบางพรรค เอะอะโวยวาย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “บาทเดียวของภาษีประชาชน ก็ไม่ควรเสียให้กับความผิดพลาดที่เผด็จการก่อไว้” และประกาศว่าพรรคเพื่อไทยจะแปรญัตติ เพื่อตัดงบนี้ ที่มาจากการลุอำนาจเผด็จการ

เรื่องนี้เป็นข้อพิพาทระหว่างบริษัทคิงส์เกตฯของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทอัคราฯ ซึ่งได้รับสัมปทานให้ทำเหมืองทองคำจากรัฐบาลไทย ใน บริเวณรอยต่อจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ เป็นเวลา 20 ปี ตั้งแต่ปี 2551 ถึง 2571 แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจ ม.44 สั่งปิดชั่วคราว เมื่อต้นปี 2560

บริษัทคิงส์เกตฯจึงนำเรื่องสู่กระบวนการอนุญาโตฯระหว่างประเทศตาม สัญญาการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย เพื่อให้รัฐบาลไทยจ่ายค่าเสียหาย กว่า3 หมื่นล้านบาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการที่สิงคโปร์ มีเสียงวิจารณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเสียค่าโง่อีกแล้ว ใช่ไหม ในขณะที่ค่าโง่ดอนเมืองโทลล์เวย์ก็ยังค้ำคออยู่

รัฐบาลไทยมักจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เมื่อมีการบอกเลิกสัญญากับต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น บริษัทโทลล์เวย์ แม้แต่สัญญากับบริษัทในประเทศ ก็ยังต้องเสียค่าโง่ ตัวอย่างเช่น โครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียที่สมุทรปราการ ส่วนกรณีเหมืองอัครา พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจ ม.44 ของหัวหน้า คสช. แต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ

...

เมื่อไม่ใช่คำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐจึง มีปัญหา พล.อ.ประยุทธ์จะต้องรับผิดชอบ หรือไม่ ในเรื่องค่าใช้จ่ายในการจ้างทนายต่างชาติสู้คดี และอาจจะต้องเสียค่าโง่กว่า 3 หมื่นล้านบาท นับเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับผู้นำประเทศแบบอำนาจนิยมที่เชื่อมั่น ว่าอำนาจเป็นแก้วสารพัดนึก แต่โลกประชาธิปไตยไม่ยอมรับกฎหมายเผด็จการไทย

สิ่งที่คณะรัฐประหารไทยอ้างว่าเป็นกฎหมาย ตัวอย่างเช่น ประกาศคำสั่งหรือแม้แต่กฎหมายที่ออกในยุครัฐบาลรัฐประหาร ประชาคมโลกอาจไม่ยอมรับว่าเป็นกฎหมาย เพราะตามหลักประชาธิปไตยสากล กฎหมายจะต้องตราขึ้นโดยตัวแทนของประชาชน หรือรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ใช่คำสั่งของใครคนใดคนหนึ่ง.