สามสารอันตราย ใครๆก็คิดว่าถึงแก่อนิจกรรมเรียบร้อยไปแล้ว ตามมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ให้แบนสารพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ห้ามนำเข้า ห้ามซื้อขาย ห้ามใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม เป็นต้นไป แต่สามสารพิษกลับฟื้นคืนชีพ กลับมาแผลงฤทธิ์อีกครั้ง
เป็นการแผลงฤทธิ์ตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย (เจ้าเก่า) ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีอุตสาหกรรม จากพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน พลิกมติอีกครั้งเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน เลื่อนกำหนดการแบนพาราควอตกับคลอร์ไพริฟอส ออกไปอีก 6 เดือน และกลับมติให้ยกเลิกการแบนสารไกลโฟเซต
มติที่ให้เลื่อนการแบนพาราควอตกับคลอร์ไพริฟอสออกไป จากวันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2563 มีเหตุผลรับฟังได้ ถ้าเป็นเพียงการให้เวลาทุกฝ่ายปรับตัว ทั้งเกษตรกร ผู้ค้า และรัฐบาล ต้องจัดหาสารทดแทน ต้องเป็นสารที่มีประสิทธิภาพและราคาไม่แพง รวมทั้งมาตรการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ
แต่การยกเลิกการแบนสารไกลโฟเซตให้ใช้กันได้ต่อไป เพียงแต่จำกัดการใช้ ไม่มีการชี้แจงเหตุผลอย่างชัดเจน จากคณะกรรมการวัตถุอันตราย ก่อความสงสัยในหมู่ประชาชน แม้แต่กรรมการที่เข้าร่วมประชุมก็งุนงง บางคนลาออกประท้วง โดยอ้างว่าที่ประชุมไม่ได้ลงมติ แต่ประธานอ้างว่าเป็นมติเอกฉันท์
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยืนยันว่ายังไม่มีมติที่เป็นกฎหมายอย่างสมบูรณ์ ทั้งมติของการประชุมเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม และ 27 พฤศจิกายน เช่นเดียวกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสาธารณสุข จากพรรคภูมิใจไทย ก็เห็นไม่มีการขอมติ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.
...
สอดคล้องกับ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฬา จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ที่บอกว่ารับไม่ได้กับมติที่ออกมา ไม่ใช่มติจริง เพียงแต่แจ้งให้ที่ประชุมทราบ และตีขลุมว่าเป็นมติ เป็นมติที่ไม่คำนึงถึงสุขภาพ และความปลอดภัยของประชาชน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเรียกร้องและยังยืนยันอยู่
หวังว่ารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย จะไม่หลงใหลได้ปลื้มไปกับคำป้อยอ ที่คัดค้านการแบนสามสารอันตราย โดยอ้างว่าไม่มีสารใดที่ทดแทนพาราควอตได้ รัฐบาลจะต้องไม่เมินเฉยต่อการกระทำใดๆก็ตาม ที่จะทำให้คนไทยตายผ่อนส่ง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเตรียมช่วยเหลือเกษตรกร อย่างเต็มความสามารถ.