ฝ่ายไทยต่างงุนงงสงสัยไปตามๆ กัน เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือจีเอสพี กับสินค้าไทยที่นำเข้าสหรัฐอเมริกามูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 4 หมื่นล้านบาท โดยอ้างว่าไทยล้มเหลวในการจัดการสิทธิที่เหมาะสมให้กับแรงงานตามมาตรฐานสากล แต่ไม่ได้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องใด

สินค้าไทยที่ถูกตัดสิทธิพิเศษมีถึง 573 รายการ มีทั้งอาหารทะเล ผักและผลไม้ เมล็ดพันธุ์ รวมถึงอุปกรณ์เครื่องครัว ดอกไม้ประดิษฐ์ และจานชาม แหล่งข่าวในกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าไม่ใช่การตอบโต้กรณีที่ฝ่ายไทยประกาศยกเลิกการใช้และนำเข้าสารเคมีอันตราย แต่เป็นเรื่องร้องเรียนว่าแรงงานไม่มีสิทธิตามมาตรฐานสากล

สิทธิพิเศษหรือจีเอสพี เป็นสิทธิที่สหรัฐอเมริกามอบให้ไทยและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆที่มีความสัมพันธ์อันดี เพื่อให้สามารถแข่งขันส่งสินค้าเข้าสหรัฐฯได้ แต่สหรัฐฯก็มีสิทธิที่จะยกเลิกได้ ถ้าหากไม่พอใจประเทศไทย โดยอ้างว่ารัฐบาลไทยไม่ให้สิทธิแรงงาน ตามมาตรฐานสากล น่าจะหมายถึงแรงงานต่างชาติที่ทำงานอยู่ในไทยมากกว่า

ไทยกับสหรัฐฯเคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด สหรัฐฯถึงกับยกให้ไทยเป็น “พันธมิตรนอกองค์การนาโต้” เพราะเคยกอดคอกันเป็นพันธมิตร “ซีโต้” หรือ สปอ. ทำสงครามต่อต้านคอมมิวนิสต์ในสงครามอินโดจีน แต่เมื่อสงครามต่อต้านคอมมิวนิสต์ยุติลง ความสัมพันธ์ก็จืดจางไป จนถึงยุคประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งหายใจเข้าออกเป็นการค้า

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯจืดจางลงไปมาก หลังรัฐประหาร 2557 รัฐบาล คสช.ถูกสหรัฐฯกล่าวหา ไม่ปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง และขู่จะตัดสิทธิทางการค้า รัฐบาล คสช.ต้องยอมเอาใจสหรัฐฯทุกอย่าง รวมทั้งแก้ไขกฎหมายปราบการค้ามนุษย์ และดำเนินคดีกราวรูดแม้แต่ระดับนายพล จนถูกยกระดับเป็นเทียร์ 2

...

แต่ในการประกาศตัดจีเอสพีไทย ไม่ได้พูดถึงปัญหาการค้ามนุษย์ และปัญหาการประมงผิดกฎหมายไอยูยู ที่ไทยแก้ปัญหาจนสหภาพยุโรปพอใจ ยอมปลดใบเหลือง วันนี้สหรัฐฯมีผู้นำที่มาจากนักธุรกิจ ที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องสิทธิมนุษยชน หรือประชาธิปไตย แต่กลับอ้างปัญหาสิทธิแรงงานไทย ทั้งๆที่ทรัมป์หายใจเข้าออกเป็นเรื่องการค้า

อาจเป็นไปได้ที่ทรัมป์สั่งตัดสิทธิ พิเศษการค้าของไทย เพื่อตอบโต้ที่รัฐบาลไทยสั่งแบน 3 สารเคมีอันตราย โดยเฉพาะ ไกลโฟเซต ยาฆ่าหญ้า ซึ่งบริษัทอเมริกันเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก โดยอ้างว่าเป็นการลงโทษไทย ฐานไม่ให้สิทธิแรงงานเพื่อให้ดูดี แต่เป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจของ “พันธมิตร” ที่ย่ำแย่ เพราะส่งออกติดลบ.