นักการเมืองบางคนวิจารณ์ว่า เป็นความงดงามของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เปิดโอกาสให้อุทธรณ์ได้ ในขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆอุทธรณ์ไม่ได้ หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาเพิ่มโทษจำคุกนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ จาก 42 ปี เพิ่มเป็น 48 ปี ร่วมกับจำเลยอื่นๆอีกหลายคน
ความเป็นจริงก็คือ รัฐธรรมนูญ 2550 เปิดช่องให้จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลฎีกาฯได้ ถ้าหากมีหลักฐานใหม่ แต่รัฐธรรมนูญปัจจุบันดูเหมือนจะไม่มีบทบัญญัติเรื่องการอุทธรณ์ แต่อาจเป็นการอุทธรณ์ตามกฎหมายใหม่ เช่น พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความของศาล เป็นการอุทธรณ์ทั้งฝ่ายอัยการซึ่งเป็นโจทก์ และฝ่ายจำเลย 28 คน
ผลของการอุทธรณ์ ศาลพิพากษาให้นายบุญทรงกับจำเลยร่วม 15 คน จำคุกคนละ 4-48 ปี และยกฟ้องกลุ่มเอกชน 8 ราย จำเลยสำคัญที่ต้องรับโทษจำคุกเพิ่มขึ้น รวมทั้งนายภูมิ สารผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตข้าราชการระดับอธิบดี รองอธิบดี และนักธุรกิจชื่อดังคือ “เสี่ยเปี๋ยง” กับบุตรสาวและญาติ
เป็นการพิพากษาคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐในโครงการรับจำนำข้าว ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คำพิพากษาของศาลระบุว่า ความผิดในคดีนี้เป็นการร่วมกันทุจริตระหว่างนักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจ นอกจากจะถูกจำคุกเพิ่มแล้ว จำเลยสำคัญที่เป็นนักธุรกิจยังต้องร่วมกันจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐ 2,135 ล้านบาท
พฤติการณ์ทุจริตของกลุ่ม 3 ประสาน คือการสมคบกันทำสัญญาแบบจีทูจี เพื่อขายข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวให้แก่หน่วยงานของรัฐบาลจีน แต่ไม่ได้ขายข้าวให้จีนจริง แต่เป็นการซื้อข้าวรับจำนำในราคาถูก นำไปเวียนขายให้ผู้ค้าข้าวในประเทศ เพื่อนำไปขายต่อในตลาด และฟันกำไรมหาศาล กลายเป็นตำนานทุจริตที่สะเทือนแผ่นดิน
...
คดีนี้มีสองประเด็นสำคัญ ที่ทุกฝ่ายต้องจดจำเป็นบทเรียน ประการแรก คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของรัฐบาล ในการแก้ปัญหาด้วยนโยบายประชานิยมสุดโต่ง ประการที่สอง นอกจากรัฐจะเสียหายหลายแสนล้านบาทแล้ว ยังก่อให้เกิดการทุจริตครั้งมโหฬาร แต่รัฐบาลปัจจุบันก็ยังเดินหน้านโยบายลดแลกแจกแถมอย่างจริงจังต่อไป
มีเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลปัจจุบัน มีการแจกเงินมากยิ่งกว่ารัฐบาลประชานิยม แค่เดือนเดียวหลังจากเข้ารับหน้าที่ ก็ทุ่มงบประมาณกว่า 3 แสนล้านบาท อ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และตั้งท่าจะแจกต่อไปเรื่อยๆ ส่วนการทุจริตก็ยังรุ่งเรืองต่อไป องคมนตรีท่านหนึ่งยืนยันว่า มีการทุจริตโกงกินจากการเสพอำนาจของคน 3 กลุ่ม.