ผมเขียนเรื่อง “จีนดัมพ์เหล็กราคาถูกทำลายเหล็กไทย” ไปสัปดาห์ก่อน ก็มีการเคลื่อนไหวของ สมาคมผู้ผลิตเหล็กไทย ไปพบ คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีพาณิชย์ เรียกร้องให้ใช้ กฎหมายตอบโต้การทุ่มตลาดกับเหล็กจีน ที่ รัฐบาล คสช. ยกเลิกไป แต่ คุณจุรินทร์ ตอบว่า กำลังแก้กฎหมายเดิม คาดว่าจะเสร็จในเดือนพฤศจิกายนนี้ ก็หวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะแก้ตัวด้วยการ เร่งทำกฎหมายฉบับใหม่ให้เสร็จก่อนกำหนด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ท่ามกลางเศรษฐกิจขาลงที่ต้องพึ่งเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้น

ผมเขียนเรื่องนี้ไป ผู้ผลิตเหล็กไทย ก็มีการส่งข้อมูลมาให้เพิ่มเติม ผมเลยนำมาเล่าสู่กันฟัง เงื่อนไขต่างๆ สมาคมผู้ผลิตเหล็กไทย คงส่งให้รัฐบาลไปแล้ว

ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา การใช้เหล็กในตลาดอาเซียนเพิ่มสูงขึ้นตามการเติบโตของอุตสาหกรรม ปี 2561 อาเซียนใช้เหล็กเพิ่มขึ้นเป็น 74.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 14.6% จากปี 2558 สมาคมผู้ผลิตเหล็กโลก (World Steel Association) ได้ประเมินว่า ปี 2562 อาเซียนจะใช้เหล็กเพิ่มเป็น 78.7 ล้านตัน ปี 2563 จะใช้เพิ่มเป็น 83.0 ล้านตัน แต่ การบริโภคเหล็กในไทยมีเพียง 17.3 ล้านตัน ปี 2562 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 18.3 ล้านตัน ปี 2563 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 19.2 ล้านตัน ที่น่าตกใจก็คือ เป็นเหล็กที่ผลิตในไทยเองเพียง 7.3 ล้านตัน อีก 11–12 ล้านตันเป็นเหล็กนำเข้าจากต่างประเทศ รวมทั้ง เหล็กจีน ด้วย

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ปี 2561 ไทยเป็นประเทศที่นำเข้าสุทธิเหล็กรายใหญ่ “อันดับ 2 ของโลก” รองจากสหรัฐฯ ส่งผลให้กำลังผลิตเหล็กในประเทศ 472 โรงงาน ต้องลดกำลังการผลิตลงเหลือ 38% ทั้งๆที่ ประเทศไทย เป็น ประเทศที่มีกำลังการผลิตเหล็กใหญ่ที่สุดในอาเซียน รัฐบาลจึงควรที่จะต้องปกป้องเหล็กไทย ก่อนที่จะถูกจีนตีตายไปคามือ

...

ขอเพียง รัฐบาลช่วยปกป้องการทุ่มตลาดของเหล็กจีนราคาถูก โดย ให้โครงการรัฐใช้เหล็กที่ผลิตในไทยแทน ก็จะช่วยเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจในประเทศได้อีกมหาศาล และ ยังช่วยลดการนำเข้าเหล็กต่างประเทศได้ถึงปีละ 300,000 กว่าล้านบาท อีกด้วย

ตอนที่ผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศ ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก 25% อะลูมิเนียม 10% เมื่อต้นปี 2018 ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า “การปกป้องอุตสาหกรรมของอเมริกัน เป็นเรื่องสำคัญมากต่อความมั่นคงของชาติ เหล็กและอะลูมิเนียมคือกระดูกสันหลังของประเทศ เป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสหรัฐฯ” และยังกล่าวว่า “หากคุณไม่มีเหล็ก คุณก็ไม่มีประเทศ” เพราะ เหล็กคือพื้นฐานของอุตสาหกรรมเกือบทุกอย่าง เช่น รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า การก่อสร้าง ท่อ เรือ ไปจนถึง อาหารกระป๋องต่างๆ

ปัญหาใหญ่ของไทยคือ ขาดหน่วยงานกลางในการรับผิดชอบทิศทางและนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศ ประเทศอื่นเขามี เช่น Metal Industry Division ของ METI ประเทศญี่ปุ่น Ministry of Steel ของอินเดีย Building Construction Authority ของสิงคโปร์ แต่ไทยมี 2 กระทรวง คือ กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงอุตสาหกรรม ไม่มีใครเป็นหลัก เดือดร้อนทีก็ต้องไปวิ่งสองกระทรวง นี่คือการบริหารประเทศแบบไทยๆที่ล้าหลัง

ข้อเขียนครั้งก่อนผมเสนอให้ โครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐ เช่น รถไฟความเร็วสูง โรงงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนยกเว้นภาษี ให้รัฐบาลตั้งเงื่อนไข ต้องใช้เหล็กในประเทศ 30% เป็น Local Content เหมือนรถยนต์ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กไทย แต่ยังไม่มีคำตอบ เป็นรัฐบาลสมควรต้องรักประเทศให้มากๆ พร้อมกับสร้างสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศไปด้วยกัน ไม่อย่างนั้น ประเทศไทย อาจตกเป็น “เมืองขึ้นทางเศรษฐกิจ” ของต่างชาติไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้ น่าเป็นห่วงครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”