สารคดีชุดซอกแซกเชียงรายครั้งนี้ของทีมงานซอกแซกจะสมบูรณ์แบบไม่ได้เลย หากไม่พูดถึงเรื่องอาหารการกิน ประเภท “ของอร่อยเมืองเชียงราย” ที่เมื่อไปถึงแล้วควรต้องหาโอกาสลิ้มรสสักครั้ง
ทุกร้าน ทุกเมนูที่ทีมงานซอกแซกจะแนะนำในวันนี้ ได้มาจากการมีโอกาสชิมแล้วด้วยคณะของเราเองเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางร้านและบางเมนูที่เราได้รับฟังจากปากคนเชียงราย โดย เฉพาะโชเฟอร์ของเรา ซึ่งมีอาชีพขับรถตู้ทัวร์ที่คุ้นเคยกับอาหารและแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าบุคคลในอาชีพอื่นๆของจังหวัดนี้
เรามาเริ่มกันที่ร้านที่ทีมงานซอกแซก ติดอกติดใจ และติดปากติดลิ้นมากที่สุด มาเชียงรายครั้งใดจะต้องหาโอกาสไปรับประทานครั้งนั้น...ได้แก่ร้าน “ภูภิรมย์” ซึ่งตั้งอยู่บนยอดภูหรือยอดเขาเล็กๆยอดหนึ่งใน “สิงห์ปาร์ค” นั่นเอง
คงเป็นเพราะร้านนี้ “วิวสวยที่สุด” กระมัง เพราะถ้าได้ที่นั่งที่เป็นระเบียงกว้างๆ ด้านหลัง ซึ่งมีหุบเขาเป็นฉากอยู่ไกลๆ และมีไร่ชากับสวนดอกไม้ของสิงห์ปาร์คเป็นฉากอยู่ใกล้ๆ รวมทั้งช่วงเย็นๆใกล้พระอาทิตย์ตกดิน มี พระอาทิตย์ดวงโตสีส้มๆมาลอยพร้อมจะตกให้ดูอยู่ด้วยละ ก็จะช่วยเพิ่มรสชาติอาหารได้อีกหลายเท่าเลยทีเดียว
เมนูหลักของที่นี่ที่ใครมาก็ต้องสั่งได้แก่ ยอดใบชาเขียวทอดกรอบ สลัดภูภิรมย์ ไก่ย่างภูภิรมย์ และสเต๊กภูภิรมย์...แต่สำหรับคนชอบปลาเขาก็ขนปลาจากลำนํ้ากกมาเสิร์ฟให้ด้วย โดยเฉพาะปลาคังต้มยำกลั้วคออร่อยอย่าบอกใคร
ก็มาถึงร้านที่ 2 ที่ทีมงานซอกแซกชื่นชอบ...ต้องไปไกลหน่อยถึง แม่สาย แต่ก็ถือว่าอยู่ในเส้นทางท่องเที่ยวอยู่แล้ว ใครที่ไปตามรอย 13 หมูป่า เมื่อตามเสร็จออกจาก “ถํ้าหลวง” จะต้องผ่านร้านนี้...ร้าน “จันกะผัก” ไงครับ เป็นร้านของ ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ ในพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี โดยการบริหารของ มูลนิธิชัยพัฒนา ร่วมกับ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง
...
จานเด็ดของที่นี่ก็ต้อง “สลัด” สิครับ สดๆ เก็บจากสวนที่ปลอดสารพิษกันเลย จากนั้นก็ควรสั่งส้มตำไก่ย่างแกล้มข้าวเหนียวขาวหรือข้าวเหนียวดอกอัญชันแล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน รวมถึงขนมจีนนํ้าเงี้ยว แหนมเนือง และนํ้าพริกลงเรือก็เป็นอีกเมนูที่ลูกค้าชอบ ตามด้วยของหวานไอศกรีมโฮมเมดหลากสีสันหลากรสชาติบวกขนมปังปิ้งหลากรสชาติเช่นกัน
อ้อ! สำหรับชื่อร้าน “จักกะผัก” นั้น ทราบกันหรือยังครับว่าเป็น “คำผวน” จากพระนามของ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ พระบรมวงศ์ที่ทรงมีความเชี่ยวชาญ ด้านเกษตร เคยทรงดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาแล้ว ที่สำคัญทรงประพันธ์คำร้องสำหรับเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวง ร.9 หลายต่อหลายเพลง รวมทั้ง ยามเย็น, สายฝน, ลมหนาว, พรปีใหม่ และ ฯลฯ ที่เราท่านทั้งหลายคุ้นเคยอย่างดียิ่ง
ไปร้านที่ 3 เลยครับ ชื่อร้าน “สลุงคำ”อยู่ที่ถนนพหลโยธิน ในตัวเมืองเชียงรายนั่นเอง เป็นร้านเก่าแก่ร้านหนึ่งก่อตั้งมาเกือบๆ 30 ปีแล้ว บรรยากาศตกแต่งเป็นบ้านโบราณแบบเหนือและมีสวนหย่อมไว้บริการ คนไม่กลัวยุงด้านหลังร้านอีกด้วย
เมนูหลักของสลุงคำคืออาหารพื้นเมือง โดยเฉพาะ “ไส้อั่ว” ถือเป็นนางเอกของร้าน ตามมาด้วย แกงฮังเล, แหนมหมก, แกงผักจี่ และ ลาบ ต่างๆ เป็นต้น ส่วนอาหารไทยมี หมูรมควัน และนี่เลย ปลาคังทอดกระเทียมพริกไทย หรือ ผัดฉ่าปลาคัง ก็อร่อยมากเช่นกัน
ไปร้านที่ 4 เลยครับจะเรียกว่าร้านคงไม่ได้กระมัง เพราะเป็นแผงเล็กๆเท่านั้นเอง...“บัวลอยมือถือ” ของ ป้าอ้วน ที่เชียงรายไนท์บาร์ซ่า ในอำเภอเมืองจังหวัดเชียงรายนั่นแหละ
ที่เรียกกันว่า “บัวลอยมือถือ” เพราะคุณป้าท่านจะตักใส่ถ้วยพลาสติกเล็กๆ ให้ใช้มือถือไปรับประทานกันเอาเอง โดยไม่มีโต๊ะนั่งใดๆ ทั้งสิ้น คนเข้าคิวยาวเป็นตับ จ่ายเงินเสร็จก็ถือถ้วยออกมาเลย...เมนูเด็ดของป้าได้แก่ บัวลอยไอศกรีมซาหริ่มมะพร้าวอ่อนกับบัวลอยไข่เค็มที่มีรสเค็มกับหวานตัดกัน อย่างกลมกลืน
ร้านป้าอ้วนจะ เปิดขาย 6 โมงเย็น แต่รับรองไม่เกิน 2 ทุ่มก็เกลี้ยงแล้ว ใครไปหลังจากนั้นรับรองต้องไปรับประทานแห้วแทนอย่างแน่นอน
มาถึงร้านที่ 5 แล้วครับ ซึ่งร้านนี้ไม่ได้รับประทานเอง แต่โชเฟอร์รถตู้ทัวร์คู่ชีวิตยืนยันว่าอร่อยมาก เป็นร้านฝากท้องของคนเชียงรายเลยทีเดียว ได้แก่ ร้านข้าวต้ม “จ.เจริญชัย” อยู่ที่ถนนสนามบินเก่า ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงรายนี่แหละ
นอกจากจะมีกับข้าวต้มกุ๊ยสารพัดสารพัน แล้ว เมนูเด็ดที่คนเชียงรายต้องสั่งก็มีผัดมะเขือยาวขี้เมา, ไก่ต้ม, หมูต้ม, ไก่ผัดพริก, พะโล้ต่างๆ รวมทั้งเป็ดพะโล้ และ ฯลฯ เปิดตั้งแต่ 4 โมงเย็นไปถึง 5 ทุ่ม ลองไปลิ้มรสกันได้
ยังมีอีกหลายๆ ร้านอร่อยในเชียงราย ลองค้นจากกูเกิลก่อนไปก็แล้วกันครับ...บางเว็บแนะนำ 10 แห่ง บางเว็บก็ 20 แห่ง ซึ่งทั้ง 5 แห่งที่ทีมงานซอกแซกแนะนำวันนี้ล้วนอยู่ใน 10 และ 20 ที่ว่าทั้งหมด
มีอีกเมนูหนึ่งที่หัวหน้าทีมซอกแซกเคยรับประทานที่ร้านอาหารริมแม่น้ำกกกว่า 40 ปีมาแล้ว ตอนตะลุยชนบทไทยทั่วประเทศยุคหนุ่มๆ...มาถึงเชียงรายครั้งใดเพื่อนๆ จะต้องพาไปรับประทาน “กุ้งเต้น” ครานั้น
กุ้งเต้นเชียงรายเป็นกุ้งเต้นจริงๆ นะครับ คือเอากุ้งฝอยเป็นๆ มาใส่จานบีบมะนาว ใส่พริก ใส่หอม ใส่กระเทียมกินเดี๋ยวนั้นเลย กุ้งกระโดดหย็องแหย็งเต็มไปหมด
ไม่กล้ากินหรอกครับ ได้แต่นั่งดูเพื่อนๆ เขากินไปยังงั้นแหละ...ยังนึกดีใจมากที่ไปหลังๆ นี้ไม่มีแล้ว “กุ้งเต้นเชียงราย” ที่ว่าเพราะไม่ได้ยินใครพูดถึงอีกเลย.
“ซูม”