คุณทรพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนฯคนใหม่ แถลงตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ช่วงเดือนมีนาคมถึงมิถุนายนว่า มีการเติบโตอย่างมั่นคง จีดีพีขยายตัวสูงถึง 4.6% เทียบกับปีก่อน และสูงกว่าไตรมาสแรกที่ขยายตัว 4.5% ส่งผลให้จีดีพีครึ่งปีแรกขยายตัวสูงถึง 4.8% สูงกว่าจีดีพีของเศรษฐกิจโลกปีนี้ที่มีการขยายตัวเฉลี่ย 4.1%
แต่ จีดีพี 2561 ทั้งปี สภาพัฒนฯ ยังคงประมาณการเติบโตไว้ที่ 4.2-4.7% เท่าเดิม โดยมี ค่ากลางอยู่ที่ 4.5% ไม่กล้าเพิ่มเป็น 5% อย่างที่กระทรวงการคลังวาดฝันล่วงหน้า
ตัวเลขนี้ทำเอา ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ ยิ้มแป้นบอกนักข่าวว่า เป็นตัวเลขการเติบโตที่น่าพอใจมาก ครึ่งปีแรกสูงถึง 4.8% ไม่เคยเห็นตัวเลขระดับนี้มาหลายปีแล้ว ที่สำคัญคือ ทุกดัชนีเศรษฐกิจแข็งแรงและดีขึ้นตลอด ความเชื่อมั่น การบริโภค การลงทุนเอกชน การส่งออก การท่องเที่ยว หากไม่มีเหตุการณ์ใดเหนือความคาดหมาย จีดีพีปีนี้น่าจะขยายตัวเฉลี่ยเกิน 4.5% แน่นอน
ไปดูรายละเอียดกันเสียหน่อยครับ จีดีพีไตรมาส 2 ที่เติบโต 4.6% มาจากเศรษฐกิจส่วนไหนของระบบบ้าง
การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 4.5% เกิดจากรายได้ในระบบเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 13 ไตรมาส หรือในรอบกว่า 3 ปี
การลงทุนโดยรวมขยายตัว 3.6% โดยมีรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ลงทุนสูงสุด 8.9%
การส่งออกขยายตัว 12.3%
การเกษตรขยายตัว 10.4% เร่งตัวขึ้นจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 6.5% รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 6.1% เป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส หรือ 1 ปี
อุตสาหกรรมขยายตัว 3.1% แต่ชะลอจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 3.8%
ในภาพรวมก็ถือว่าเติบโตดีทุกด้าน โดยเฉพาะ “ข้าว” ที่เป็นรายได้หลักของเกษตรกร 7 เดือนแรก ปีนี้ไทยส่งออกข้าวไปแล้วกว่า 6 ล้านตัน คาดว่าปีนี้ ทั้งปีจะส่งออกข้าวได้สูงถึง 11 ล้านตัน เนื่องจากประเทศต่างๆทั่วโลกเจอภัยพิบัติกันมากมาย แต่ปีหน้า 2562 ถ้ารัฐบาลโดยเฉพาะ กระทรวงเกษตรฯ มีการวางแผนคาดการณ์การปลูกข้าวไม่ดี ราคาข้าวอาจจะไม่ดีเหมือนปีนี้ก็ได้ เพราะชาวนาไทยปลูกข้าวกันตามยถากรรมอยู่แล้ว ไม่มีรัฐบาลเป็นตัวช่วย
...
จีดีพีที่ขยายตัว 4.8% ในครึ่งปีแรกนี้ ยังไม่มี โครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก หรือ อีอีซี ที่จะมีการลงทุนใหม่อีกหลายล้านล้านบาทเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทุกโครงการยังอยู่ในช่วงการประมูล จีดีพีไทยก็วิ่งฉิวไปขนาดนี้แล้ว ถ้าโครงการอีอีซีมีการลงทุนจริงในปีหน้าเมื่อไหร่ จีดีพีไทยปีหน้าอาจสร้างตัวเลขมหัศจรรย์ที่เหลือเชื่อก็ได้
เมื่อต้นเดือน คุณปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ให้สัมภาษณ์ว่า จะเห็นการลงทุนของภาคเอกชนในระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกอย่างต่อเนื่องในอีก 3–5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใน 3 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา จีดีพีจะขยายตัวมากกว่า 10% คิดเป็นมูลค่ากว่า 7.5 ล้านล้านบาท จะสร้างรายได้ต่อหัวให้ประชาชนใน 3 จังหวัด 1.7 ล้านบาทต่อปี สูงเทียบเท่าคนอเมริกัน (รายได้ต่อหัวของคนอเมริกันปี 2560 อยู่ที่ 59,501 ดอลลาร์ คูณด้วย 33 ตกหัวละ 1.96 ล้านบาท) ทำให้แนวโน้มบริการทางการเงินขยายตัวสูงถึง 50% ใน 10 ปีข้างหน้า
ฟังแล้วก็น่าตื่นตะลึงจริงๆ
ผมก็เชื่อว่าเป็นไปได้ อีก 10 ปีข้างหน้า ถ้าอีอีซีมีการลงทุนตามแผนจริง เรื่องที่จะทำให้คนไทยใน 3 จังหวัดหลักระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกมีรายได้ต่อหัว 1.7 ล้านบาทต่อปี ก็เป็นเรื่องที่ไม่ยาก ทุกวันนี้ “คนระยองฮิ” ก็มี รายได้ต่อหัว 1,008,615 บาทต่อปีอยู่แล้ว ถ้าอีอีซีโชติช่วงชัชวาลใน 5–10 ปีข้างหน้า รายได้อีก 7 แสนบาทต่อปี ก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากอะไรเลย.
“ลม เปลี่ยนทิศ”