ผมเพิ่งเขียนถึงเศรษฐกิจไทยที่สำนักวิจัยวิเคราะห์กันว่า เติบโตแบบ “ทุเรียน” คือ “แข็งนอกอ่อนใน” และ “แข็งบนอ่อนล่าง” โตจากการส่งออกและการท่องเที่ยว มีแต่บริษัทใหญ่ได้ประโยชน์ เอสเอ็มอีและคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้รับอานิสงส์ ทำให้กำลังซื้อในประเทศอ่อนแอ วันวาน คุณปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการสภาพัฒน์ ก็ออกมาแถลงถึง จีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวสูงถึง 4.3% สูงสุดในรอบ 18 ไตรมาส หรือในรอบ 4 ปีครึ่ง

เศรษฐกิจที่เติบโตขึ้น ต้องยกให้เป็นผลงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และทีมเศรษฐกิจ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ที่ปลุกปั้นมากว่า 3 ปี จนเริ่มฟื้นไข้

การเติบโตของจีดีพีไตรมาส 3 โตขึ้นเกือบทุกด้าน รายจ่ายครัวเรือน +3.1 รายจ่ายรัฐบาล +2.8 การส่งออก +7.4 การลงทุนรวม +1.2 การเกษตร +9.9 อุตสาหกรรม +4.3 การก่อสร้าง -1.7 (ติดลบอยู่เพียงสาขาเดียว) การขนส่ง +8.1 การค้า +6.4 โรงแรมและภัตตาคาร +6.7 รวมแล้วจีดีพีไตรมาส 3 เติบโตร้อยละ 4.3 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 โตร้อยละ 3.3 ไตรมาส 2 โตร้อยละ 3.8 รวม 9 เดือนแรกปี 2560 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 3.8

ทำให้ไทย มีเงินเกินดุลสูงถึง 593,800 ล้านบาท เป็นการ เกินดุลการค้า 337,400 ล้านบาท เกินดุลบริการ 256,400 ล้านบาท

สภาพัฒน์ จึงปรับคาดการณ์ จีดีพีปี 2560 จะขยายตัวร้อยละ 3.9 ซึ่งมาจากมูลค่าการส่งออกขยายตัวร้อยละ 8.6 การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 3.2 การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ 2.0 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยร้อยละ 0.7 บัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ 10.4 ของจีดีพี และคาดว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีหน้า 2561 จะขยายตัวได้ร้อยละ 3.6-4.6 หากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกยังดีต่อเนื่อง

การทำตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 นี้ สภาพัฒน์ ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่าได้ปรับปรุงตัวเลขให้ทันสมัยขึ้น เช่น พื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตเกษตรไตรมาส 2 ปรับปรุงตามพยากรณ์ล่าสุดของกระทรวงเกษตรฯ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ปรับปรุงตามรายงานเดือนตุลาคม 2560 ของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ข้อมูลการนำเข้าและส่งออก และบริการไตรมาส 2 ก็ปรับปรุงตามข้อมูลบัญชีเดินสะพัดล่าสุดของเดือนตุลาคมของแบงก์ชาติ จึงถือว่าเป็นข้อมูลที่ทันสมัยมากขึ้นจากเดิม

...

แต่ทั้งหมดนี้เป็น ภาพรวม ของเศรษฐกิจไทยที่ยัง รวยกระจุกจนกระจาย

ในเวทีสัมมนาประจำปี หอการค้าไทยทั่วประเทศ ที่ สุราษฎร์ธานี สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดร.เสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก็คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.9 แต่ที่ลึกกว่าข้อมูลของ สภาพัฒน์ ก็คือ มีการแจกแจงลงไปถึงจีดีพีรายภาค ทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น

จีดีพีที่ขยายตัวร้อยละ 3.9 มาจาก กรุงเทพฯและปริมณฑล ร้อยละ 3.8 ภาคกลาง ร้อยละ 3.4 ภาคตะวันออก ร้อยละ 5 ภาคเหนือ ร้อยละ 1.9 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 2.4 ภาคใต้ ร้อยละ 3 โดยมี ภาคตะวันออก เป็นตัวพยุงเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ

จากข้อมูลหอการค้าไทยจะเห็นว่า ภาคเหนือเศรษฐกิจแย่ที่สุด รองมาเป็นภาคอีสาน ภาคที่เศรษฐกิจดีที่สุดคือ ภาคตะวันออก ที่เป็น ระเบียงเศรษฐกิจใหม่ ช่วยหล่อเลี้ยงจีดีพีให้โตถึง 3.9% ผมก็หวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะไม่มองแต่ภาพรวมที่โตมาจากการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่ควรเจาะลึกเป็นรายภาคแบบหอการค้าไทย เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประชาชนให้ตรงจุด

แม้จีดีพีไตรมาส 3 ไทยจะโต 4.3% แต่ก็ยังโตน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย 6.2% เวียดนาม 7.5% ฟิลิปปินส์ 6.9% อินโดนีเซีย 5.1%

มีแต่ การเติบโตของเศรษฐกิจจากภายในประเทศเท่านั้น คนไทยจึงจะหายจน และมีความสุข ผมขอให้ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ นอนหลับฝันถึงข้อนี้ตลอดเวลานะครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”