ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 ก.ค.60 ปิดที่ 1,574.93 จุด เพิ่มขึ้น 5.69 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 50,069.31 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 465.79 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด CPALL ปิด 59.75 บาท ลบ 0.75 บาท, AOT ปิด 49.50 บาท บวก 0.50 บาท, CPF ปิด 23.60 บาท ลบ 0.30 บาท, KBANK ปิด 203 บาท บวก 4 บาท และ ADVANC ปิด 187.50 บาท บวก 4 บาท

บล.โนมูระ พัฒนสิน มองหุ้นไทยระยะสั้นมีโอกาสบวกต่อ แต่ต้องระวังแนวต้าน 1,583 จุด ที่เป็นจุดสูงสุดเดิมที่เคยขึ้นไปทดสอบ โดยการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 เริ่มด้วยกลุ่มแบงก์ ภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนกลุ่มพลังงานยังไม่โดดเด่น แต่กลุ่มปิโตรเคมีโดดเด่น แม้ภาพรวมนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิ แต่พบว่าเริ่มซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์แล้ว

แนะกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น เลือก BBL-TISCO เป็นหุ้น top pick ขณะที่ให้รอซื้อหุ้นรับเหมาฯเมื่อราคาอ่อนตัวชอบ STEC-UNIQ-CK และกลุ่มท่องเที่ยว เลือก ERW-MINT-CENTE ด้านเทคนิคให้แนวรับ 1,570-1,567 จุด แนวต้าน 1,583-1,585 จุด

ขณะที่ “ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง มองหุ้นไทยครึ่งปีหลังดัชนียังคงแกว่งตัว คงเป้ากรอบดัชนีปีนี้ไว้ที่ 1,627-1,520 จุด โดยไม่มีประเด็นที่จะส่งผลบวกหรือลบอย่างชัดเจนต่อตลาด และคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนเฉลี่ยที่ 103 บาท/หุ้น โตจากปีก่อน 5-6% ขณะที่เม็ดเงินลงทุนต่างชาติจะยังคงชะลอลงทุนในหุ้นไทย เพราะมีอัพไซด์จำกัด เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค เช่น อินโดนีเซีย

แต่เชื่อว่าเงินทุนจะไม่ไหลออก เพราะปัจจุบันสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติอยู่ที่ระดับ 30% ถือว่าต่ำมากกว่าจากปกติมีสัดส่วน 38-39%

สำหรับผลประกอบการ บริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 อาจปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นภาวะปกติ แต่จะเห็นกำไรที่ดีเกินคาดในกลุ่มสื่อสาร โดยเฉพาะ DTAC ที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีปัจจัยบวกจากการได้ใช้คลื่นของ TOT ซึ่งจะทำให้ลูกค้าคลายความกังวลได้

...

ส่วนกลุ่มแบงก์คาดว่ากำไรเฉลี่ยจะปรับตัวขึ้นราว 5% จากปีก่อน โดยกลุ่มที่กำไรโตโดดเด่นได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคลและเช่าซื้อ ซึ่งพอร์ตสินเชื่อยังโตต่อเนื่อง แนะกลยุทธ์เลือกลงทุนหุ้นรายตัวเชียร์ SWAD, KKP, BEAUTY และ STEC!!

อินเด็กซ์ 51