PwC (PricewaterhouseCoopers) บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ รายงานว่า ขณะที่พนักงานทั่วโลกกำลังอยู่ในภาวะเสี่ยง ที่จะสูญเสียงานให้กับหุ่นยนต์ ซึ่งจะถูกนำมาใช้ทดแทนแรงงานมนุษย์มากขึ้น ในอนาคตอันใกล้นั้น ชนชาติที่มีความเสี่ยงที่สุดได้แก่ชาวอเมริกัน โดยคาดว่าในอีก 15 ปีข้างหน้า 38% ของงานทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา จะถูกโอนถ่ายไปอยู่ในมือของหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intellegence-AI) ตามมาด้วยเยอรมัน 35% อังกฤษที่ 30% และ ญี่ปุ่น 21%

PwC ประเมินว่า ตลาดแรงงานของอเมริกาและอังกฤษมีลักษณะคล้ายคลึงกัน โดยงานส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจบริการ ตั้งแต่การเงิน ขนส่ง การศึกษา การผลิต และอาหาร

แต่ในความเหมือนนั้น มีความแตกต่างที่เป็นเหตุผล อันทำ ให้งานในอเมริกา เสี่ยงที่จะถูกหุ่นยนต์กลืนกินมากกว่าในอังกฤษ

ยกตัวอย่างธุรกิจการเงิน 61% ของงานด้านการเงินในสหรัฐอเมริกา กำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงสูงสุดที่จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ เปรียบเทียบกับ 32% ในอังกฤษ

จอห์น ฮอว์คเวิร์ธ หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์ของ PwC อังกฤษ บอกว่า พนักงานแบงก์ในอเมริกาส่วนใหญ่ ทำงานให้บริการลูกค้ารายย่อยประจำสาขาเป็นหลัก และมักเป็นสาขาในเมืองเล็กๆ

...

ขณะที่งานด้านการเงินในอังกฤษ ปัจจุบันหันไปให้ความสำคัญกับพนักงาน ที่สามารถให้คำปรึกษาด้านการลงทุนหรือมีความรู้ในตลาดเงิน ตลาดทุนโลก ซึ่งต้องการพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญ เรียนจบเฉพาะทางและมีประสบการณ์มากกว่า

แรงงานในภาคการเงินของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำงานประจำที่ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนนัก จึงมีความเสี่ยงที่จะถูกแทนที่ได้อย่างง่ายดายโดยหุ่นยนต์

ต่อสมมติฐานดังกล่าว แรงงานที่มีประสบการณ์ มีทักษะความชำนาญที่มากกว่า จึงไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงเลยว่าจะเสียงาน ในทางตรงกันข้าม แรงงานที่มีฝีมือจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต โดยแรงงานในภาคการศึกษา สุขภาพ สังคมสงเคราะห์ ถือว่ามีความเสี่ยงน้อยที่สุด

PwC ยังปิดท้ายด้วยว่า ความนิยมของหุ่นยนต์ ยังอาจทำให้เกิดช่องว่างทางสังคมและความเหลื่อมล้ำที่มากขึ้น คนที่ชำนาญด้านหุ่นยนต์ ออกแบบและผลิตหุ่นยนต์ รวมทั้งสามารถทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ได้ มีแนวโน้มที่จะมีรายได้มากขึ้น รวยขึ้น ส่วนคนที่ไม่สามารถจะถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง และนั่นทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยกันคนจน กว้างขึ้นอีก.