รัฐบาลบ่นมานานแล้ว เอกชนไม่ค่อยลงทุนในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไม่เติบโตเท่าที่ควร ผลวิจัยของ ฝ่ายวิจัยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย คุณปฐมาภรณ์ นิธิชัย พบว่า นักลงทุนไทยโดยเฉพาะ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปี 2559 มีบริษัทจดทะเบียน 198 บริษัท ไปลงทุนในต่างประเทศ เป็นมูลค่า 185,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ปี 2558 ที่มีการลงทุน 75,000 ล้านบาทกว่าเท่าตัว และมีการลงทุนขนาดใหญ่เกิน 10,000 ล้านบาทขึ้นไปถึง 3 รายการ รวมมูลค่า 76,000 ล้านบาท

เป็นตัวเลขที่สูงมากเลยทีเดียว

คุณปฐมาภรณ์ บอกว่า จากการคำนวณรายได้ของบริษัทจดทะเบียน 107 บริษัทที่มีการแสดงรายได้จากต่างประเทศครบถ้วน ตั้งแต่ปี 2549–2559 พบว่า รายได้จากต่างประเทศใน 10 ปีที่ผ่านมา เติบโตเฉลี่ยปีละ 8% สูงกว่ารายได้เฉลี่ยในประเทศที่เติบโตเพียงปีละ 3% ทำให้สัดส่วนรายได้ต่างประเทศของ 107 บริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 47% ของรายได้รวมในปี 2559 บริษัทในกลุ่ม SET 100 จึงไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตัวเลขการลงทุนสะสมตั้งแต่ปี 2549–2559 มีมูลค่ารวม 1.117 ล้านล้านบาท

กลุ่มที่มีรายได้จากต่างประเทศมากที่สุด คือ กลุ่มทรัพยากรธรรมชาติ มีรายได้สูงถึง 50% ของรายได้ทั้งหมด ส่วนใหญ่จะเข้าไปซื้อกิจการ แต่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะใช้วิธีเข้าไปร่วมทุน

ประเทศที่ 198 บริษัทเข้าไปลงทุนมากที่สุดคือ อาเซียน คิดเป็นร้อยละ 78 รองลงมาเป็น กลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV ร้อยละ 59 มากที่สุดคือ เมียนมา

การมีบริษัทจดทะเบียนไปลงทุนในต่างประเทศสูงถึง 198 บริษัท คิดเป็น 40% ของบริษัทจดทะเบียน แสดงว่าบริษัทจดทะเบียนไทยมีเงินทุนที่เข้มแข็งมาก จึงสามารถไปลงทุนในประเทศอื่นได้มากขนาดนี้

...

คุณอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีคลัง บอกว่า ไม่เป็นห่วงที่มีบริษัทจดทะเบียนไปลงทุนในต่างประเทศมาก เอกชนที่ไปลงทุนในประเทศซีแอลเอ็มวี เป็นอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถทำในประเทศได้ เช่น การผลิตรองเท้ากีฬา สิ่งทอที่ใช้แรงงานมาก หากส่งเงินกำไรกลับประเทศ ก็จะได้ประโยชน์

ปี 2558 บริษัทจดทะเบียน 237 บริษัท มีรายได้จากต่างประเทศรวม 2.370 ล้านล้านบาท ปี 2559 บริษัทจดทะเบียน 238 บริษัท มีรายได้จากต่างประเทศรวม 2.333 ล้านล้านบาท แต่มีกำไรเท่าไหร่ ส่งกำไรกลับประเทศเท่าไหร่ ฝ่ายวิจัยตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้เอ่ยถึง แต่ผมเดาเอาเองว่า บริษัทจดทะเบียนคงจะเก็บกำไรส่วนใหญ่ไว้ในต่างประเทศ ไม่อยากส่งกลับเข้ามาเสียภาษี อาจเก็บไว้เพื่อลงทุนต่อก็ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

จากข้อมูลบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯที่ติดอันดับ Fortune 500 ในปี 2559 พบว่า บริษัทอเมริกันยักษ์ใหญ่เก็บเงินกำไรไว้ในต่างแดน โดยเฉพาะในประเทศที่เป็นสวรรค์เลี่ยงภาษี สูงถึง 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ คูณด้วย 34 เท่ากับ 81.6 ล้านล้านบาท เพื่อ หลีกเลี่ยงภาษีในสหรัฐฯ 695,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 23.63 ล้านล้านบาท

บริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐฯที่เก็บกำไรไว้ในต่างแดนมากที่สุดคือ แอปเปิล 200,100 ล้านดอลลาร์ อันดับ 2 บริษัทยาไฟร์เซอร์ 193,587 ล้านดอลลาร์ อันดับ 3 ไมโครซอฟท์ 108,300 ล้านดอลลาร์ อันดับ 4 เจนเนอรัล อิเล็กทริค 104,000 ล้านดอลลาร์ อันดับ 5 ไอบีเอ็ม 68,100 ล้านดอลลาร์

ปี 2559 บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิรวม 908,855 ล้านบาท ผมคิดเล่นๆ ถ้าเก็บกำไรไว้ต่างแดนสัก 40% ก็เป็นเงินกว่า 363,000 ล้านบาท เยอะเหมือนกันนะครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”