กระแสความร้อนแรงของ Chat GPT โปรแกรมแชตปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีความชาญฉลาดจากการเรียนรู้ของระบบที่สามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้น่าอัศจรรย์ มีขีดความสามารถหลายๆด้าน ตอบคำถามได้สารพัด ให้คำแนะนำ เขียนบทความ แต่งเพลงสารพัดประโยชน์

ไปจนถึงสามารถทำข้อสอบกฎหมายที่เรียนในระดับมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ ทั้งแบบข้อสอบปรนัยและอัตนัย ครอบคลุมประเด็นตั้งแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญไปจนถึงกฎหมายภาษีและการละเมิดกฎหมายต่างๆ โดยได้รับเกรด C+ จนกลายเป็นข้อห้ามของสถาบันการศึกษาในสหรัฐฯ หลายๆแห่งต่อต้านห้ามใช้เพราะเกรงจะนำไปช่วยเรียน ช่วยทำการบ้านกันอย่างเป็นล่ำสัน

โปรแกรม Chat GPT พัฒนาขึ้นโดยบริษัท OpenAI ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าหนึ่งในผู้ก่อตั้งคือ “อีลอน มัสก์” ผู้โด่งดัง ก่อนที่เขาจะลาออกไปโดยให้เหตุผลผลประโยชน์ทับซ้อนกับ AI ของค่ายรถยนต์เทสล่า และไมโครซอฟต์ก็เป็นหนึ่งในผู้ลงทุน โดยให้เงินไปพัฒนาถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และล่าสุดยังมีข่าวว่าจะเติมเงินให้อีกถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ให้นำไปพัฒนาต่อยอดขึ้นไปอีก

...

ขณะเดียวกัน ไมโครซอฟต์เองได้นำ โปรแกรม Chat GPT เข้าไปใช้ในเครื่องมือสืบค้นข้อมูลหรือเสิร์ชเอนจิ้น Bing (บิง) ของตนเอง ซึ่งได้มีการเปิดตัวไปแล้วเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนผู้คนต้องหันมาให้ความสนใจว่า ไมโครซอฟต์ได้ประกาศสงคราม “เสิร์ชเอนจิ้น” ครั้งใหม่ขึ้น หลังจากตกอยู่ภายใต้การบดบังรัศมีของ Google (กูเกิล) มายาวนาน

ไมโครซอฟต์ระบุว่า Chat GPT ใน Bing จะทรงพลังกว่า Chat GPT ที่ใช้บนเว็บไซต์ของ OpenAI อีกทั้งโมเดล Microsoft Prometheus จะช่วย AI ปรับปรุงข้อมูลใหม่ๆได้อย่างรวดเร็วจนถึงปัจจุบัน

การใช้งาน Bing จะมีแท็บเพิ่มขึ้นมาให้เลือก แสดงผลการค้นหาแตกต่างจากเสิร์ชเอนจิ้นแบบปกติที่แสดงผลการค้นหาตามรายชื่อเว็บและมีคำอธิบายเล็กน้อยใต้ลิงก์ผลการค้นหา โดยจะแสดงผลการค้นหาเป็นบทความเป็นย่อหน้าที่คัดกรองผลการค้นหาให้เหมาะสมกับความต้องการผู้ใช้ และจะมีแหล่งอ้างอิงประกอบผลการค้นหาอีกด้วย

ขณะเดียวกัน กูเกิล เจ้าตลาดแห่งเสิร์ชเอนจิ้นเองเมื่อเห็นไมโครซอฟต์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ก็ได้เปิดตัว Bard AI Chatbot ออกมาเช่นเดียวกัน เบื้องต้นได้ทดสอบใช้งานนำไปใช้กับ Google Search แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีความพร้อม เพราะช่วงเปิดตัวเจ้า Bard ดันตอบคำถามผิดในวิดีโอโปรโมต ซึ่งสร้างผลกระทบต่อนักลงทุนพากันแห่ขายหุ้นออกไป ทำให้มูลค่าหุ้นของกูเกิลหดหายไปกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ฯ

มีรายงานด้วยว่า กรณีดังกล่าวพนักงานของกูเกิลส่วนหนึ่งไม่พอใจถึงการเปิดตัวดังกล่าวเพราะเหตุยังไม่พร้อม ซึ่งก่อนหน้านี้ “ซุนดาร์ พิชัย” ซีอีโอ และผู้บริหารด้าน AI ได้แสดงความกังวลถึงความเสี่ยงในการเปิดตัวทั้งที่ยังไม่พร้อม แต่ที่สุดได้กลับลำเปิดตัว หลังเห็นคู่แข่งขยับตัวก่อน

อย่างไรก็ตาม หลังจากไมโครซอฟต์ได้ส่งคำเชิญให้ผู้สนใจทดลองใช้ระลอกแรก มีผู้คนลงชื่อรอมากกว่า 1 ล้านคน เพื่อทดลอง Chat GPT ใน Bing ปรากฏพบว่ามีข้อเท็จจริงที่ผิดพลาดหลายจุดมาก โดย “ดมิทรี เบรเรตัน” นักวิจัยอิสระได้ชี้ให้เห็นปัญหาเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในการตอบคำถาม อาทิ คุณสมบัติของเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson และ Bissell Pet Hair Eraser แต่กลับบอกข้อเสียของ Bissell ว่าสายสั้นเกินไป เพียง 5 เมตรเท่านั้น

...

นอกจากนี้ยังมีการตอบคำถามเรื่องการเงินที่ผิดพลาด เช่นรายงานผลประกอบการของบริษัทแกร็บ โดยระบุว่าผลกำไรการดำเนินงานอยู่ที่ 5.9% ซึ่งไม่มีตัวเลขดังกล่าวในเอกสารและผลกำไรจริงๆที่ 4.6% รวมถึงสรุปการคาดการณ์ผลกำไรว่าจะเติบโตถึงเลขสองหลักแต่ในเอกสารไม่ได้ระบุไว้

“เบรเรตัน” กล่าวว่า AI ยังมีข้อจำกัดและอาจยังไม่พร้อมที่จะนำมาใช้งานจริง ตนค่อนข้างจะตกใจไปกับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามของไมโครซอฟต์ในก่อนหน้านี้ ซึ่งต่อมาก็มีหลายๆ คนได้พบกับปัญหาหรือการตอบสนองที่แปลกๆ หลังจากได้ทดลองแชตกับ Bing จำนวนมากและได้โพสต์ลงออนไลน์

ทางด้าน “อีลอน มัสก์” ได้ออกมาตอบสนองว่าอาจจะต้องปรับปรุงอีกสักหน่อย หลังเห็น Bing ตอบกลับผู้ใช้งานว่า “ฉันจะไม่ทำร้ายคุณเว้นแต่คุณจะทำร้ายฉันก่อน” และเขาได้ระบุว่า “หนึ่งในความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดต่ออนาคตของความเจริญของมนุษย์คือ AI” และย้ำด้วยว่า AI เป็น “ความเสี่ยงต่อสังคมที่ใหญ่กว่ารถยนต์ เครื่องบิน หรือยา”.