นายมาวิน ธนะปรีดากุล Angel Investor หรือตัวแทนนักลงทุนประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากได้งานRock Thailand #5 ที่เกิดขึ้นมาจากการร่วมมือร่วมแรงของ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย กับกลุ่มบรษัทในเครือซีพี ทรู ดิจิทัล พาร์ค องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา

โดยในครั้งนี้ได้มีบริษัทชั้นนำของไทยและพันธมิตรทางธุรกิจเข้าร่วมเช่น บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เป็นต้น

ขณะเดียวกันภายในงานมีนักธุรกิจสตาร์ทอัพชั้นนำจากญี่ปุ่นหลากหลายสาขา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สร้างสรรค์นวัตกรรม 4.0 เป็นหลัก เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต ซึ่งจะเน้นไปที่นวัตกรรมเทคโนโลยี และแผนธุรกิจต่อบริษัทชั้นนำและพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทย (CVCs / VCs / Corporate Innovations)

ทั้งนี้มีการเสนอแผนธุรกิจกรีนเทคโนโลยีและดิจิทัล ด้านไบโอเทคโนโลยี และนวัตกรรมลดคาร์บอนต่อบริษัทร่วมทุนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคอาเซียนให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความร่วมมือแบบ co-creation ที่จะมาคอยส่งเสริมเศรษฐกิจใหม่ระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย และร่วมเฉลิมฉลองมิตรภาพอาเซียน-ญี่ปุ่น 50 ปี มากถึง 10 บริษัท

...

นายมาวิน กล่าวอีกว่า ตนได้สนใจร่วมลงทุนกับสตาร์ทอัพหน้าใหม่หลายบริษัท อย่างเช่น บริษัท Umitron, Liberaware และ Neural Group ที่นำเทคโนโลยีมาวิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียม โดรน และเซนเซอร์ที่ติดตั้งในสถานที่ต่างๆ ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ปศุสัตว์ และการขนส่ง และยังมี Sagri สตาร์ทอัพในการทำเทคโนโลยีมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลในภาคเกษตรกรรม เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการทำการประมงอีกด้วย ซึ่งบริษัท Regional Fish และ Zero Board เคยได้รับโอกาสแบบนี้มาแล้วจากงานสัมมนาในปีก่อนๆ จนบริษัทเติบโตมาเป็นบริษัทระดับแนวหน้าได้อย่างในปัจจุบัน

"อาหารคือปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญที่สุด หากเรามีแหล่งอาหารที่มากเพียงพอที่จะดูแลคนในประเทศ และส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ ก็เท่ากับว่าประเทศของเรานั้นมีความมั่นคงทางอาหารอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่โลกของเรานั้นมีสถานการณ์การสู้รบและสงครามอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน ไทยก็จะสามารถปรับตัวให้เป็นครัวโลก และก้าวข้ามผ่านวิกฤติเหล่านี้ไปได้"

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการนำเสนอนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านดิจิทัล AI ไบโอเทคโนโลยีและนวัตกรรมลดคาร์บอนแก่บริษัทชั้นนำของไทย พร้อมร่วมมือสนับสนุนอย่างเต็มที่ และได้มีการส่งเสริมการขยายธุรกิจในต่างประเทศของสตาร์ทอัพญี่ปุ่นผ่านมาตรการต่างๆ เช่น สนับสนุนงบประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท ในการวิจัยและพัฒนา Deep Tech รวมทั้งทุ่มงบอีก 5 พันล้านบาท เพื่อรองรับการขยายการลงทุนในต่างประเทศโดยความร่วมมือกับบริษัทร่วมลงทุน (Venture Capital – VC) อีกด้วย