คนยุครุ่นเจเนอเรชัน “เอกซ์” หรือช่วงต้นเจน “วาย” ที่ชื่นชอบการเล่นเกม น่าจะจำกันได้ดีว่า ในช่วงยุคที่วงการเกมเริ่มเฟื่องฟูนั้น จะมีเกมให้ลองเพียงไม่กี่ประเภท ส่วนใหญ่จะเป็นเกมตะลุยยิงบุคคลที่ 1 (เห็นแค่ปืน) ของค่ายตะวันตก

และเนื่องด้วยเทคโนโลยีกราฟิกที่เทียบชั้นไม่ได้กับในปัจจุบันนี้ จึงทำให้เกมในรูปแบบดังกล่าวมีเนื้อเรื่องที่มีลักษณะเป็นเส้นตรง ลุยฝ่าด่านไปเรื่อยๆตามที่ผู้สร้างเป็นคนกำหนด ขณะที่ฉากก็จะแคบๆ อยู่ในอาคาร ปราสาทโบราณ หรือยานอวกาศ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้ทรัพยากรของเครื่องคอนโซล หรือคอมพิวเตอร์มากนัก

เรียกได้ว่าแทบไม่มีเกมใดเลยที่ผู้เล่นจะมีอิสระในการออกสำรวจแผนที่ หรือเล่นแบบตามใจฉัน เพราะเกมได้กำหนดไว้แล้วว่าถ้าไม่ทำตามที่โปรแกรมเขียนไว้ก็จะผ่านไปด่านต่อไปไม่ได้เลย

แต่แน่นอนด้วยแนวคิดว่าทุกสิ่งต้องมีการพัฒนาไม่ควรย่ำอยู่กับที่ จึงทำให้บริษัทซอฟต์แวร์ “ครายเทค” (Crytek) ของเยอรมนี คิดค้นระบบกราฟิกตัวใหม่เรียกว่าครายเอ็นจิ้น เข้ามาปฏิวัติวงการ เปิดทางให้ผู้พัฒนาเกมสามารถสร้างฉากสามมิติในรูปแบบ ใหม่ ไม่จำเป็นต้องเขียนฉากในเกมแบบจำกัดพื้นที่อีกต่อไป

...

ด้วยเหตุนี้ ในปี 2547 บริษัท “ยูบิซอฟต์” (Ubisoft) สัญชาติฝรั่งเศส จึงได้ร่วมมือกับครายเทคนำระบบกราฟฟิกตัวใหม่มาใช้ และพัฒนาออกมาเป็นเกมที่ชื่อว่า “ฟาร์ คราย” (Far Cry) ให้ผู้เล่นได้โลดแล่นไปในโลกจำลองที่เปิดกว้าง ตะลุยไปในเกาะกลางมหาสมุทรอันสวยงาม สามารถขึ้นไปยืนบนยอดเขาเห็นทิวทัศน์ไปไกลสุดลูกหูลูกตา ทำลายอิมเมจของเกมตะลุยยิงที่ผ่านมาไปจนหมดสิ้น

จากกระแสความนิยมที่ได้รับ ส่งผลให้เกมฟาร์ คราย ได้กลายเป็นแฟรนไชส์หลักของค่ายยูบิซอฟต์มาจนถึงปัจจุบัน มีการออกภาคใหม่เรื่อยมา และที่โด่งดังที่สุดคือ “ฟาร์ คราย 3” (Far Cry 3) ในปี 2555 ที่ผู้เล่นได้สวมบทบาทเป็นเจสัน โบรดี นักศึกษาอเมริกัน ที่ออกตะลุยเที่ยวกับเพื่อนในอาเซียน (ไทย) ก่อนถูกโจรสลัดจับไปเป็นตัวประกันที่หมู่เกาะแห่งหนึ่ง (ซึ่งน่าจะเป็นทะเลอันดามัน)

ตามมาด้วย ภาค 4 บุกตะลุยประเทศเนปาล และภาค 5 ปราบ ลัทธิคลั่งศาสนาในชนบทอเมริกา ซึ่งเสน่ห์ของเกมนี้ ไม่ใช่ฉากที่สวยงามเปิดกว้างอย่างเดียว แต่เป็น “ตัวร้าย” ที่โดดเด่นทำให้ผู้เล่นเกิดความรู้สึกเกลียดไม่ลง แม้ว่าจะมีตรรกะบิดเบี้ยว ผิดเพี้ยนอย่างสุดโต่ง ไม่ว่าจะเป็น วาสส์ มอนเตเนโกร (ภาค 3) เพแกนมิน (ภาค 4) และบาทหลวงโจเซฟ ซีด (ภาค 5)

โดยล่าสุดเมื่อช่วงกลางเดือน ก.ค. บริษัทยูบิซอฟต์ ได้เผยรายละเอียดแล้วว่า “ฟาร์ คราย 6” (Far Cry 6) กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อเตรียมวางจำหน่ายในวันที่ 18 ก.พ. ปีหน้า โดยผู้เล่นจะได้สวมบทบาทของดานี โรฮาส สมาชิกกลุ่มกบฏที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการในประเทศหมู่เกาะสมมติชื่อ “ยารา”

...

และด้วยยี่ห้อฟาร์ คราย จึงทำให้สิ่งที่ผู้คนอยากรู้มากที่สุดคือตัวร้ายเป็นใคร โดยในภาค 6 นี้ เราจะได้รับรู้เรื่องราวของผู้นำเผด็จการ “อันโตน คาสติลโล” และลูกชายดีเอโก คาสติลโล ที่ปกครองเกาะด้วยกฎเหล็ก จนทำให้สภาพของประเทศถูกหยุดเวลาไว้ในยุคสงครามเย็น บรรยากาศคล้ายกับคิวบา ในทะเลแคริบเบียน ซึ่งยานพาหนะและอาวุธต่างๆในเกมก็จะเป็นของจากยุคนั้น

และหากเป็นแฟนละครโทรทัศน์อเมริกัน คงพอจะจำหน้ากันได้ว่าตัวร้ายของฟาร์ คราย ภาค 6 นี้ คือเกียนคาร์โล เอสโปซิโต ดาราชื่อก้องจากซีรีส์ “เบรกกิ้ง แบด” (Breaking Bad) ที่เล่นเป็นเจ้าพ่อมาเฟียค้ายาไอซ์ อันเปี่ยมไปด้วยความโหดเหี้ยม เด็ดขาด และสุขุมนุ่มลึก

จึงพอจะเชื่อกินว่า หากมาเล่นเป็นตัวร้ายในเกมภาคใหม่นี้คงสร้างความประทับใจได้อย่างแน่นอน เพราะดูจากคลิปวิดีโอตัวอย่างของเกมได้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า คาสติลโล คือเผด็จการแห่งเกาะยาราตัวจริงเสียงจริง มีฉากที่สอนลูกด้วยตรรกะอันเย็นชาว่า “ประเทศก็เหมือนระเบิดมือ เมื่อถูกถอดสลักแล้ว สิ่งที่จะชี้เป็นชี้ตายอยู่ที่ว่าเราจะกำมันแน่นเพียงใด” โดยพาลูกชายที่กำระเบิดมือถอดสลักไว้ ขึ้นไปบนดาดฟ้าทำเนียบ และให้ลูกตัดสินใจเองว่าจะปล่อยระเบิดมือร่วงหล่นใส่ผู้ประท้วงที่ชุมนุมล้อมอาคารไว้หรือไม่

...

เอาเป็นว่ารายละเอียดได้ถูกปล่อยมาเพียงเท่านี้ครับ ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะเป็นเช่นไร โดยราคาจำหน่ายเบื้องต้นอยู่ที่ราว 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,600 บาท ทั้งเวอร์ชันคอมพิวเตอร์ เพลย์สเตชัน 4-5 เอกซ์-บ็อกซ์วัน-เอกซ์ และระบบกูเกิลสเตเดีย พร้อมจัดโปรโมชันลดราคาฟาร์ คราย ภาคเก่า ถึงวันที่ 21 ก.ค.นี้.


พจน์ พลวัต

...