เมื่อพูดถึงแบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาอัจฉริยะในตลาดเวลานี้ แน่นอนว่า Apple Watch ของแอปเปิล ถือเป็นเจ้าตลาดของธุรกิจนี้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ถ้าหากต้องการมองหาตัวเลือกที่มีราคาไม่แพงนัก และสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนาน แบรนด์ Amazfit ถือว่ามีชื่อเสียงไม่น้อยเลยทีเดียว

ล่าสุด Amazfit ได้ออกรุ่นใหม่ในชื่อ T-Rex 2 หลังจากที่ลองใช้งานเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ ถือว่า นาฬิการุ่นนี้ยังคงจุดแข็งหลักของแบรนด์ตรงที่แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน สนนราคาที่ 6,490 บาท

ในภาพรวม คงต้องกล่าวว่า Amazfit T-Rex 2 ไม่ได้เป็นนาฬิกาที่พรีเมียมที่สุด แต่สิ่งที่ชดเชยได้ ก็คือ การออกแบบที่สมบุกสมบัน เหมาะแก่การใช้งานออกกำลังกายทั้งอินดอร์ และ เอาต์ดอร์

อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของ Amazfit T-Rex 2 ก็ยังมีนิดหน่อยในเรื่องของการเชื่อมต่อกับแอปฯ ภายนอก ที่มีอย่างจำกัด

การออกแบบ

Amazfit T-Rex 2 ออกแบบที่ดูคล้าย G-Shock
Amazfit T-Rex 2 ออกแบบที่ดูคล้าย G-Shock

...

ความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัส Amazfit T-Rex 2 ชวนให้รู้สึกถึงนาฬิกาของค่าย G-Shock พอสมควร อาจเพราะด้วยการออกแบบที่ดูบึกบึน คล้ายกับรถถังนั่นเอง

ตัวเรือนนาฬิกาใช้วัสดุที่เป็นโพลีเมอร์อัลลอย การประกอบงานทำได้แข็งแกร่งทีเดียว ตัวเรือนนาฬิกามีขนาดหน้าจอ 1.39 นิ้ว ความละเอียด 454 x 454 พิกเซล ทั้งนี้ หน้าจอแสดงผลมีความสวยงามใช้ได้ ความสว่างของจอพอที่จะสู้แดด และใช้งานกลางแจ้งได้ดีทีเดียว

แม้ว่าตัวเรือนจะดูถึกและบึกบึน แต่เมื่อสวมใส่จริงๆ ก็ไม่ได้รู้สึกหนัก อาจเพราะน้ำหนักเพียงแค่ 66.5 กรัม สายนาฬิกาเป็นยางซิลิโคน จึงมีความรู้สึกสวมใส่สบายพอสมควร อีกทั้งยังมีความนุ่มและยืดหยุ่นที่ดี

บริเวณโดยรอบของนาฬิกาจะมีปุ่มสำหรับสั่งการด้วยกัน 4 ปุ่ม ประกอบไปด้วย ด้านซ้ายปุ่มขึ้น (Up) และลง (Down) ด้านขวาเป็นปุ่ม Select และ Back ซึ่งผิวสัมผัสของปุ่มทำได้ดี และยังเป็นข้อดีด้วยว่า ถ้าหากเราใช้งานในเวลาที่ต้องสวมถุงมือ การบังคับสั่งการต่างๆ ของนาฬิกา สามารถใช้ปุ่มทั้ง 4 จัดการแทนได้

Amazfit T-Rex 2 เน้นการออกแบบที่บึกบึน
Amazfit T-Rex 2 เน้นการออกแบบที่บึกบึน

ด้านหลังของเรือนนาฬิกาเป็นที่บรรจุเซนเซอร์ต่างๆ ประกอบไปด้วย Accelerometer, Gyroscope, Barometric altimeter, Biometric sensor, Geomagnetic sensor และ Ambient light sensor

ด้านหลังของตัวเรือนซึ่งบรรจุเซนเซอร์ต่างๆ
ด้านหลังของตัวเรือนซึ่งบรรจุเซนเซอร์ต่างๆ

นอกจากนี้ ตัวเรือนยังถูกออกแบบมาให้กันน้ำในระดับ 10ATM และถูกออกแบบมาให้ทนต่ออุณหภูมิที่มีความร้อนระดับ 70 องศาเซลเซียส ไปจนถึง -40 องศาเซลเซียสได้

ในภาพรวมการออกแบบของ Amazfit T-Rex 2 ถือว่าทำได้ดี เหมาะสำหรับสายสปอร์ต และน่าจะถูกอกถูกใจคนที่ชื่นชอบการผจญภัย

การซัพพอร์ตด้านซอฟต์แวร์

Amazfit T-Rex 2 ซิงค์ผ่านแอป Zepp
Amazfit T-Rex 2 ซิงค์ผ่านแอป Zepp

...

Amazfit T-Rex 2 ทำงานภายใต้แอปพลิเคชัน Zepp ซึ่งมีให้ใช้งานทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ตัวแอปพลิเคชันมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้งาน เพราะจะต้องซิงค์ข้อมูลตอนก่อนเริ่มใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน เรื่อยไปจนถึงการดูข้อมูลต่างๆ ก็ต้องดูผ่านแอปฯ Zepp นอกจากนี้ การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ก็ต้องตั้งค่าผ่านแอปพลิเคชันทั้งสิ้น

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือแอปฯ Zepp ใช้งานค่อนข้างง่าย ไม่ได้ยุ่งยากสลับซับซ้อน แต่ก็มีปัญหาเช่นกัน นั่นคือ การเชื่อมต่อกับแอปฯ ภายนอกยังมีไม่เยอะมาก จนทำให้แอปพลิเคชันที่ฝังมากับตัวเครื่องกลายเป็นแอปฯ ที่ไร้ประโยชน์ เช่น แอปฯ To-Do List, ปฏิทิน, นาฬิกา ซึ่งมันคงจะดีกว่ามาก ถ้าหากซิงค์กับสมาร์ทโฟนได้โดยตรง

ความสามารถด้านการออกกำลังกาย

Amazfit T-Rex 2 รองรับการออกกำลังกายได้มากกว่า 150 รูปแบบ พร้อมด้วยความสามารถในการวัดออกซิเจนในเลือด (SpO2) รวมถึงเซนเซอร์ตรวจวัดความตึงเครียด และเซนเซอร์วัดการนอน

แน่นอนว่า ผู้ใช้งานสามารถดูประสิทธิภาพในการออกกำลังกายของตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน Zepp อีกเช่นเคย

แบตเตอรี่

Amazfit T-Rex 2 ใช้งานได้เกือบ 3 สัปดาห์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
Amazfit T-Rex 2 ใช้งานได้เกือบ 3 สัปดาห์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

...

นี่คือจุดขายของ Amazfit T-Rex 2 ก็ว่าได้ เพราะนับตั้งแต่ใช้งานมาเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ ตัวเรือนนาฬิกายังไม่ต้องผ่านการชาร์จเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าจะใช้ฟีเจอร์การออกกำลังกายค่อนข้างถี่ ประมาณ 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์

ขณะเดียวกัน การตั้งค่าวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบอัตโนมัติ 30 นาทีต่อครั้งก็ช่วยเรื่องการประหยัดแบตเตอรี่ได้ดี เพียงแต่ไม่ได้เปิดโหมด Always-on display เอาไว้ จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้แบตเตอรี่ยังคงใช้งานได้นานต่อเนื่อง

ในภาพรวมต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ถ้าใช้งานแบบเต็มที่อย่างน้อยก็สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องราว 2 สัปดาห์

สำหรับข้อมูลในสเปกชีต เปิดเผยโดย Amazfit ระบุว่า T-Rex 2 ใช้งานได้นานถึง 24 วันในโหมดสมาร์ทวอตช์ และถ้าหากใช้โหมดประหยัดพลังงาน สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่อง 45 วัน

สรุป

ถ้าหากชอบการสวมใส่นาฬิกาที่เน้นถึก ดูทนทาน โดยมีประสิทธิภาพในการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน Amazfit T-Rex 2 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

หากแต่ต้องการใช้งานนาฬิกาที่มีความเป็นมินิมอล หรือมีฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลายกว่านี้ รองรับการซิงค์กับแอปพลิเคชันอื่นๆ เพิ่มเติม ตัวเลือกอย่าง Galaxy Watch4 หรือ Apple Watch Series 7 อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

อย่างไรก็ดี Amazfit T-Rex 2 ยังมีข้อดีในแง่ของราคาที่ไม่แพงนัก สนนราคาที่ 6,490 บาท.