ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่ให้การต้อนรับคอลัมนิสต์หน้าใหม่คนนี้เป็นอย่างดี แต่ชั่วโมงนี้ต้องขอแทรกคิว พักเรื่องกล้องไว้ก่อน เพราะเฟื่องเอาเทคโนโลยีสดๆ ร้อนๆ จากงาน CES 2016 มาฝากกัน ไม่อ่านเดี๋ยวจะเอาต์ไม่รู้ตัว!
งาน CES หรือ Consumer Electronics Show เป็นงานโชว์นวัตกรรมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกต้นปีที่สหรัฐอเมริกา ทุกค่ายไอทีทั่วโลกจะมาประชันกันอย่างดุเดือดเปิดตัวเป็นร้อยๆ พันๆ อย่างให้เราเห็นทิศทางเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในแต่ละปี ดังนั้นเฟื่องขอเจาะ 5 เทรนด์ไอทีมาแรงประจำปี 2016 เผื่อใครจะฉกไอเดียเอาไปต่อยอดพัฒนาธุรกิจ หรือคุณภาพชีวิตประจำวันได้เร็วกว่าคนอื่นกันนะคะ
1. รถยนต์อัจฉริยะ
ปีนี้รถยนต์มาแรงมาก เห็นชัดๆ แบ่งเป็นสองแบบคือ
- Connected Car หรือ รถที่มาพร้อมกับระบบอัจฉริยะ เชื่อมต่อมือถือ สั่งงานด้วยเสียง มีระบบประมวลผลทั้งเรื่องเส้นทางจราจร ความปลอดภัย ช่วยเหลือเราขณะขับรถได้ คล้ายๆ กับมีผู้ช่วยส่วนตัวขณะขับรถ ต่อไปนี้อุปกรณ์ติดรถจะไม่ใช่เพื่อความบันเทิงอย่างเดียวแล้ว แต่เป็น "Infotainment" คือ Info + Entertainment เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งด้านข้อมูลและความบันเทิงของผู้ขับขี่ ปีนี้เราเห็นผู้เล่นรายใหม่ๆ ที่พร้อมสู้ในสมรภูมินี้ ทั้งบริษัทรถยนต์เองอย่าง Ford, Toyota, Volvo, BMW ก็แข่งกันเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่ built-in connected car มาเลย หรือแม้แต่บริษัทไอทีอย่าง Intel, Qualcomm ก็กระโดดมาเล่นตลาดนี้เช่นกัน
...
- Self-driving Car หรือ รถยนต์ไร้คนขับ เราเห็นความพยายามของทั้งสองโต้โผใหญ่ทั้ง google และ apple ที่จะสร้างสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นมาสักพักแล้ว และปีนี้หลายค่ายได้เผยโฉมเทคโนโลยีที่จะร่วมผนึกกำลังทำให้เรามีความหวังจะเขยิบเข้าใกล้ความเป็นจริงได้มากขึ้น เช่น กล้องที่เก็บภาพพร้อมกันได้ 14 มุม เอามาช่วยประมวลผลเส้นทางการเดินรถ เป็นต้น
2. Virtual Reality แบบ 360 องศา
เทรนด์การเก็บภาพและวิดีโอแบบ 360 องศา และให้เราเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงนั้นๆ ได้ด้วยการสวมแว่น VR จะแพร่หลายมากขึ้น เนื่องจากปีนี้ความพร้อมด้าน Hardware ทั้งสำหรับผู้สร้าง และผู้เสพคอนเทนต์มีให้เลือกหลากหลาย ในราคาที่เอื้อมถึงได้มากขึ้น
Oculus Rift บริษัทผลิตแว่น VR ที่เนื้อหอมจน Facebook ทุ่มเงินซื้อกิจการไปเปิดพรีออเดอร์ให้ลูกค้าทั่วไปจองแว่นมาเล่นกันได้แล้ว หรือค่ายมือถืออย่าง HTC ก็ออก Vive Pre Headset มาแข่งกับ Samsung Gear VR ในราคาพอสู้ได้เช่นเดียวกัน
ส่วนในแง่ของการผลิตคอนเทนต์ นอกจาก Ricoh Theta ที่ชิงเปิดตัวตั้งแต่ปีก่อน เรียกเสียงฮือฮาได้ก่อนเป็นเจ้าแรกแล้ว ปีนี้ Nikon ยังเปิดตัว Action Camera "Keymission 360" ที่เก็บวิดีโอความละเอียด 4K ได้ 360 องศาเช่นเดียวกัน เอื้อให้คนทั่วไปสามารถร่วมกันสร้างเนื้อหาที่หลากหลาย เอาไปใส่ในแว่น VR ได้ ยังไม่รวม mobile software ที่เปิดตัวมาให้เก็บภาพ 360 องศาได้อีก
น่าสนใจสำหรับผู้ที่อยากนำนวัตกรรมนี้ไปต่อยอดธุรกิจ สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า น่าจะทำให้คุณเหนือกว่าคู่แข่งได้ไม่ยาก
3. จอม้วนได้
ใช้คำให้เข้าใจง่าย จริงๆ สิ่งนี้คือ OLED flexible screen จาก LG เป็นจอบางมากๆ โปร่งแสงได้ และปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ จะโค้ง จะม้วน จะงอ สุดแล้วแต่จะนำไปสร้างสรรค์ นี่น่าจะเป็นมิติใหม่ของวงการโฆษณา หรือแม้แต่วงการการออกแบบ จะเอาจอไปติดโซฟา/ฝาบ้าน/ประดับแผงคอนโซลรถยนต์ ม้วนเป็นปลอกแขน ทำแบนๆ เป็นแผ่นรองจานก็ย่อมได้ทั้งนั้น!.... สนุกล่ะทีนี้
...
4. Smart Home
แต่ละค่ายแข่งกันเปิดตัวของใช้อัจฉริยะในบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งทีวี แอร์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า หลอดไฟ เครื่องล้างจาน ลำโพง ประตู ฯลฯ “บ้านอัจฉริยะ” จะเกิดขึ้นแน่ๆ แต่มีจุดน่าสังเกต 2 ข้อคือ
- ส่วนมากของใช้อัจฉริยะเหล่านี้ยังไม่ได้เปลี่ยนชีวิตคนทั่วไป ถึงขนาดที่ผู้บริโภคที่ไม่ใช่สาวกเทคโนโลยีจ๋าจะยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อเครื่องใหม่
- ยังไม่มีมาตรฐานกลางสากลใดที่แพร่หลายเพียงพอจะเป็นศูนย์กลางให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้คุยกันได้แบบไร้รอยต่อจริงๆ คงต้องรอให้ค่ายไอทีทั้งหลายเขาตกลงกันให้รู้เรื่องก่อน เราถึงจะได้สัมผัสกับ "บ้านไฮเทค" อย่างแท้จริง
5. อากาศยานไร้คนขับ (Drone)
โดรนมีมาสักพักและมีประโยชน์กับหลายวงการ เช่น วงการสื่อใช้เก็บภาพมุมสูง, ด้านความมั่นคง ใช้สอดแนมและให้ความช่วยเหลือในจุดที่มนุษย์เข้าไปไม่ได้, ด้านการขนส่ง ใช้เพื่อลดต้นทุน
ปีนี้โดรนมีเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น ราคาถูกลง ควบคุมได้ง่ายขึ้น และรัฐบาลสหรัฐฯก็ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการใช้โดรนออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ฉะนั้นโดรนคงไม่หยุดโตแค่นี้แน่ๆ
...
สรุปแล้วเทรนด์วงการไอทีตอนนี้ ภาพรวมยังเป็น internet of things ทุกอย่างสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้และจะยังคงฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ไปอีก
ใครอยากให้เขียนเรื่องอะไรฝากข้อความมาได้ตามช่องทางโซเชียลของเฟื่อง หรือเมลหากันที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยนะคะ
IG: @faunglada
Facebook: Faunglada
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ :))